สวัสดีค่ะ พบกับเราอีกครั้ง วันนี้มาแปลกไม่เกี่ยวกับ Big Bike และทำอาหาร
แต่จะมารีวิวโรงพยาบาล คิดว่าน่าจะมีเพื่อนสมาชิกทำไปบ้างแล้ว (มั้ง) จริงๆ ไม่ได้คิดว่าจะเอามารีวิว
แต่เพราะตอนอยู่ที่โรงพยาบาลคนไข้หลับ ไม่มีอะไรทำเลยถ่ายรูป เปิดนั่นเปิดนี่ดู
ขออภัยด้วยนะคะ หากผิดพลาดอะไรเพราะไม่เคยเขียนกระทู้รีวิวมาก่อน
เนื่องจากแฟนเราไม่สบายตั้งแต่วันเสาร์ เขารู้สึกไม่สบายตัว
พอวันอาทิตย์ตอนหัวค่ำไข้สูง มีอาการหนาวสั่น เลยพาไปโรงพยาบาลพระราม 9 ตอนประมาณ 3 ทุ่มเศษ
บุรุษพยาบาลก็พาขึ้นรถเข็น เข้าห้องฉุกเฉิน
คืนนั้นหมอให้ยาฆ่าเชื้อกับยาลดไข้มาทาน อาการเหมือนจะดีขึ้นหลังจากทานยาค่ะ
คิดว่า ถ้าเป็นคนอื่นหมอคงฉีดยาไปแล้วมั้ง แต่เขาแพ้ Doxycycline
นอนพักอยู่บ้านตั้งแต่วันนั้น กลางวันปกติ แต่พอกลางคืนไข้จะขึ้น ตัวร้อนจัด
เช้าวันพุธไข้ขึ้น วัดได้ 39.2 ซึ่งผิดปกติ เพราะทุกวันไข้จะขึ้นกลางคืน
เราเลยบอกเขาไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย ไปถึงโรงพยาบาลพนักงานเปลข้างหน้าก็เอารถเข็นมารับ
เพราะหน้าผู้ชายไม่ไหวแล้ว พนักงานต้อนรับก็ต้อนรับดีเลยแหละ
เป็นผู้ชาย กับผู้หญิง 1 คู่ “โรงพยาบาลพระรามเก้าสวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ”
เอาบัตรประกัน บัตรประชาชนไปยื่นที่เคาน์เตอร์
พนักงานที่เคาเตอร์จำได้ค่ะ บอกว่าวันนั้นที่มาตอน 3 ทุ่มนิ่ ใช่แล้ววันนี้มาอีกค่ะ
พนักงานพาตรวจต่อไปที่แผนกอายุรกรรม
ตอนนั้นวัดไข้ได้ 39 กว่า เขาเริ่มหนาวสั่น
พยาบาลตรงนั้นเลยบอกพยาบาลอีกคนน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเรา ไปหยิบผ้าห่มมา
พนักงานคนนั้นก็กล้าๆ กลัวๆ จะห่มไม่ห่มดี พี่พยาบาลอีกคนเลยเอามาห่มแทน
ผืนเดียวไม่พอค่ะ ต้อง 2 ผืน ใส่ผ้าปิดปาก จมูก และก็ถึงคิวพบหมอ
หมอให้แอดมิดเลยค่ะ
จากนั้นพยาบาลคนนึงก็เข้าห้อง ไปเก็บของเหลวจากโพรงจมูกไปตรวจหาเชื้อค่ะ
ผู้ชายบอกเจ็บนะเพราะเค้าเอาอุปกรณ์ลักษณะคล้าย Cotton bud แต่ยาวกว่ามากและเข้าไปลึก
พยาบาลข้างหน้าเอาเอกสารมาให้ดูว่าห้องไหนราคาเท่าไหร่
พอเลือกห้องเสร็จก็เซ็นเอกสารยินยอมต่างๆ แล้วก็ไป X-ray ปอด จากนั้นพาขึ้นไปห้อง ชั้น 16
พอมาถึงห้องพยาบาลก็เช็ดตัว รูดม่านปิด เราแอบดูเล็กน้อย
เปลือยหมดแต่มีผ้าสีชมพูมาปิดปิกาจูให้ เปลี่ยนชุดแล้วก็เสียบสายน้ำเกลือ
ยังดีที่เช้านี้ทานอาหารได้ปกติ ให้ฉี่ใส่ภาชนะที่เค้าเตรียมไว้ให้เพื่อดูปริมาณน้ำเข้า ออกร่างกาย
หมอมาเยี่ยมไข้วันแรก บอกว่าผลเลือด ปอด ปกติ ตรวจเชื้อไม่เจอ
เลยให้พยาบาลเก็บของเหลวในโพรงจมูกไปเพาะเชื้อไวรัส 18 สายพันธุ์เพิ่ม
หมอก็ถามย้ำว่าได้ไปโดนแมลง บุกทุงหญ้าอะไรมารึเปล่า
เราสองคนก็พยายามนึก มันก็ไม่มีนะ ... ถ้าจะมีก็ทริปนี้
ความรักระยะ "Run-In" 999 กิโลเมตรที่ประจวบฯ 1111 กิโลเมตร ที่ราชบุรี 1234 กิโลเมตร ที่นครปฐม
ที่มีพี่คนนึงเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ แต่หมอบอกมันน่าจะนานไป
พอบ่าย คนไข้เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนไป 2 ครั้ง จนหมอต้องให้ยาทางสายน้ำเกลือ
แล้วคนไข้ก็หลับไป... ระหว่างนี้มาดูห้องกัน แอดมิดอยู่ชั้น 16 ค่ะ
เปิดประตูเข้าไปทางขวามือเป็นห้องน้ำ ซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้า กับโต๊ะกินข้าว
มีทีวี wifi ฟรี ขอได้ที่พยาบาลตรงเคาเตอร์หน้าห้อง เหมือนกับโรงแรมทั่วไปเลยค่ะ
เปิดตู้บานแรก มีหมอน 2 ใบ ผ้าห่ม 1 ผืน ผ้าเช็ดตัว 1 ผืน
ตู้บานที่ 2 มีหมอนข้างให้ กับที่แขวนผ้าคนไข้
ตู้บานที่ 3 เป็นชั้นวางพวกกาแฟ โอวัลติน และก็ตู้เย็นค่ะ
ในตู้เย็นมีน้ำดื่ม 6 ขวด น้ำอัดลม 2 กระป๋อง นม 4 กล่อง น้ำผลไม้ 2 กล่อง
เลย์ 2 ซอง โอรีโอ้ 1 ซอง กัสเซน 2 ซอง แก๊ป 1 กล่อง ทั้งหมดนี่รวมกับค่าห้องแล้ว
ใน 1 วัน ทางโรงพยาบาลจะมีเติมน้ำในกระติกน้ำร้อนให้
มีโอวัลติน แบบ 3 in 1 ให้ 2 ซอง กาแฟ 2 ซอง น้ำตาล
และครีมเทียมอย่างละ 2 ซองค่ะ ชุดถ้วยกาแฟอีก 2 ชุด แก้วน้ำตรงนี้อีก 1 ใบ
มีโซฟาเบด นี่คือที่นอนของเราคืนนี้ค่ะ
โต๊ะ/ตู้ ข้างเตียงก็เป็นแบบนี้ค่ะ ส่วนในลิ้นชักมีกระดาษโน้ตพร้อมปากกา และก็กระดาษชำระ 1 กล่อง
ป้ายหัวเตียงบอกเบอร์โทรศัพท์ภายใน อีกด้านเป็นรายละเอียดสิ่งที่โรงพยาบาลมีบริการในแต่ละวัน
มาดูห้องน้ำกันค่ะ ปกติจะไม่มีผ้าสีฟ้า สีขาวที่วางอยู่หน้ากระจก และก็ผ้ายางที่พาดอยู่ค่ะ
ที่มีเพราะพยาบาลเพิ่งเช็ดตัวไปแล้วเอามาผึ่งไว้ ห้องน้ำก็แบ่งโซนอาบน้ำไว้มีน้ำอุ่นด้วยค่ะ
อุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำค่ะ มีหวี แปรงสีฟัน (แข็งไปนะคะ เลือดออกเลย)
ยาสีฟัน Cotton Bud หมวกอาบน้ำ แชมพู ครีมนวดผม เจลอาบน้ำ แป้งฝุ่น สบู่ก้อน
แก้วน้ำ กระดาษชำระ 1 กล่อง กับอีก 1 ม้วน และอุปกรณ์ล้างจานค่ะ
ปลายเตียงใต้ทีวีมีหนังสือให้อ่าน จาน 2 ใบ ชาม 2 ใบ ช้อน ซ้อม 2 คู่
มาดูอีกด้านของเตียงคนไข้นะคะ มีราวตากผ้ากับโต๊ะอาหารของคนไข้ค่ะ
บนโต๊ะคนไข้มีน้ำดื่ม ยาพ่นคอ ซองเทอร์โมมิเตอร์ ถาดรูปไต ผ้าปิดปาก
วิวจากชั้น 16 ค่ะ เห็นออฟฟิศของคนไข้ด้วย คงคิดถึงโต๊ะทำงานมากสินะ หึหึ
มองออกไปเห็นหน้าคุณอั้ม พัชราภา กับมิน พิชญา ชัดเลยค่ะ
มาดูอาหารกันบ้าง ห้องอาหาร BayLeaves ชั้น 1 เมนูน่าสนนะคะ ราคาไม่แพงมาก เลยลองสั่งมาทานดู
ข้าวต้มปลาค่ะ จัดมาให้เป็นชุดแบบนี้เลย มีพลาสติกปิดมาให้เรียบร้อย ดูดีนะคะ
อาหารเช้าค่ะ ราคา 40 บาท ขนมปังปิ้ง 2 แผ่น กับเนยและแยม
รสชาติไม่ได้อร่อยมากอย่างข้าวต้มปลา คนไข้บอกว่าอร่อย แต่เราว่าไม่ บะหมี่เกี๊ยวก็เฉยๆ
พยาบาลก็มาวัดไข้ กับความดันบ่อย น่าจะทุก 4 ชั่วโมง ไข้ลงแล้วค่ะ
เช้าวันต่อมามีพนักงานมาทำความสะอาด และก็เอาของมาเพิ่มให้ค่ะ เป็นน้ำดื่ม 6 ขวด
กระดาษชำระ 1 กล่อง กับอีก 1 ม้วน กาแฟ 2 ซอง น้ำตาล 4 ซอง ครีมเทียม 4 ซอง
โอวัลติน 2 ซอง และหนังสือพิมพ์ข่าวสด
ประมาณ 10 โมงเช้า น้ำเกลือหมดขวด พยาบาลก็มาถอดสายให้
ตอนนี้เริ่มดูแลตัวเองได้ เราเลยไปดูร้านข้าวข้างโรงพยาบาล
ราคาถูกมากข้าวกับกับข้าว 1 ถุง 30 บาท ก๋วยเตี๋ยวก็ 30 บาท และที่สำคัญถูกปากค่ะ
หมอมาเยี่ยมไข้วันที่ 2 เข้ามาถึงบอกเราระวังติดนะ
ตรวจครั้วที่ 2 เจอเชื้อไวรัส 2 สายพันธุ์ คล้ายกับชนิดที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่
จริงๆ หมอบอกชื่อแต่จำไม่ได้แล้วค่ะ
และหมอถามว่า จะรอดูอีกวันมั๊ย คนไข้บอกจะกลับบ้าน เพราะไม่มีไข้แล้ว
หมอก็ให้กลับค่ะ แต่ระหว่างนี้ต้องรอดูอาการ ถ้าวันเสาร์ไข้ยังไม่ลดให้รีบกลับมา
และนัด X-ray อีกทีวันจันทร์ (2 มิ.ย.57) ก็คือวันนี้ค่ะ แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วแหละ
หลังจากนั้นพยาบาลก็จัดยามาให้ พร้อมกับอธิบายวิธีทานยาแต่ละตัว
แล้วก็รอฝ่ายบัญชีขึ้นมาเอาเอกสารประกันมาให้เซ็น เร็วมากค่ะ
โรงพยาบาลส่งเรื่องไปให้บริษัทประกันตอนบ่าย 14.20 ประกันแจ้งกลับมา 14.38
ค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาล 1 คืน ให้น้ำเกลือ 1 ขวด สุทธิแล้ว 18,304 บาท
ทั้งหมดทั้งมวลเนี่ย.. คิดว่าเกิดจากการที่เขาพักผ่อนไม่พอค่ะทำงานดึกทุกวัน
เข้างาน 8 โมงครึ่ง เลิกเกือบเที่ยงคืน บางทีถึงตี 2 เสาร์-อาทิตย์บางเดือนก็ต้องทำด้วย
แล้วผลที่เกิดขึ้นคือเขาป่วยบ่อยค่ะ ปีนี้เข้าโรงพยาบาลไป 4 ครั้งแล้ว เป็นๆ หายๆ
เข้าใจได้ว่าใครๆ ก็อยากทำงานเพื่อสร้างอนาคต แต่ถ้าทำงานหนักได้เงินมาก็จริง
แต่เงินที่ได้มาถ้าต้อวเอามารักษาตัวแบบนี้ และยังไงก็ต้องหยุดงานเพื่อรักษาตัว
ถ้าเทียบแล้วเวลาทำงานที่เหลือ มันก็คงไม่ต่างอะไรจากการที่ทำงานในเวลาปกติ และมันคงไม่คุ้มเท่าไหร่
ถ้าพรุ่งนี้พนักงานคนหนึ่งในบริษัทตายไป บริษัทสามารถหาคนมาแทนเขาได้ภายในไม่กี่วัน
แต่ครอบครัวเขาต้องสูญเสีย และคิดถึงเขาไปตลอด
ใช้ชีวิตกับการทำงานมากกว่าครอบครัว เป็นการลงทุนที่ไม่ฉลาดเลยจริงๆ
[CR] Review ห้องพักคนไข้ "โรงพยาบาลพระราม 9"
แต่จะมารีวิวโรงพยาบาล คิดว่าน่าจะมีเพื่อนสมาชิกทำไปบ้างแล้ว (มั้ง) จริงๆ ไม่ได้คิดว่าจะเอามารีวิว
แต่เพราะตอนอยู่ที่โรงพยาบาลคนไข้หลับ ไม่มีอะไรทำเลยถ่ายรูป เปิดนั่นเปิดนี่ดู
ขออภัยด้วยนะคะ หากผิดพลาดอะไรเพราะไม่เคยเขียนกระทู้รีวิวมาก่อน
เนื่องจากแฟนเราไม่สบายตั้งแต่วันเสาร์ เขารู้สึกไม่สบายตัว
พอวันอาทิตย์ตอนหัวค่ำไข้สูง มีอาการหนาวสั่น เลยพาไปโรงพยาบาลพระราม 9 ตอนประมาณ 3 ทุ่มเศษ
บุรุษพยาบาลก็พาขึ้นรถเข็น เข้าห้องฉุกเฉิน
คืนนั้นหมอให้ยาฆ่าเชื้อกับยาลดไข้มาทาน อาการเหมือนจะดีขึ้นหลังจากทานยาค่ะ
คิดว่า ถ้าเป็นคนอื่นหมอคงฉีดยาไปแล้วมั้ง แต่เขาแพ้ Doxycycline
นอนพักอยู่บ้านตั้งแต่วันนั้น กลางวันปกติ แต่พอกลางคืนไข้จะขึ้น ตัวร้อนจัด
เช้าวันพุธไข้ขึ้น วัดได้ 39.2 ซึ่งผิดปกติ เพราะทุกวันไข้จะขึ้นกลางคืน
เราเลยบอกเขาไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย ไปถึงโรงพยาบาลพนักงานเปลข้างหน้าก็เอารถเข็นมารับ
เพราะหน้าผู้ชายไม่ไหวแล้ว พนักงานต้อนรับก็ต้อนรับดีเลยแหละ
เป็นผู้ชาย กับผู้หญิง 1 คู่ “โรงพยาบาลพระรามเก้าสวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ”
เอาบัตรประกัน บัตรประชาชนไปยื่นที่เคาน์เตอร์
พนักงานที่เคาเตอร์จำได้ค่ะ บอกว่าวันนั้นที่มาตอน 3 ทุ่มนิ่ ใช่แล้ววันนี้มาอีกค่ะ
พนักงานพาตรวจต่อไปที่แผนกอายุรกรรม
ตอนนั้นวัดไข้ได้ 39 กว่า เขาเริ่มหนาวสั่น
พยาบาลตรงนั้นเลยบอกพยาบาลอีกคนน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเรา ไปหยิบผ้าห่มมา
พนักงานคนนั้นก็กล้าๆ กลัวๆ จะห่มไม่ห่มดี พี่พยาบาลอีกคนเลยเอามาห่มแทน
ผืนเดียวไม่พอค่ะ ต้อง 2 ผืน ใส่ผ้าปิดปาก จมูก และก็ถึงคิวพบหมอ
หมอให้แอดมิดเลยค่ะ
จากนั้นพยาบาลคนนึงก็เข้าห้อง ไปเก็บของเหลวจากโพรงจมูกไปตรวจหาเชื้อค่ะ
ผู้ชายบอกเจ็บนะเพราะเค้าเอาอุปกรณ์ลักษณะคล้าย Cotton bud แต่ยาวกว่ามากและเข้าไปลึก
พยาบาลข้างหน้าเอาเอกสารมาให้ดูว่าห้องไหนราคาเท่าไหร่
พอเลือกห้องเสร็จก็เซ็นเอกสารยินยอมต่างๆ แล้วก็ไป X-ray ปอด จากนั้นพาขึ้นไปห้อง ชั้น 16
พอมาถึงห้องพยาบาลก็เช็ดตัว รูดม่านปิด เราแอบดูเล็กน้อย
เปลือยหมดแต่มีผ้าสีชมพูมาปิดปิกาจูให้ เปลี่ยนชุดแล้วก็เสียบสายน้ำเกลือ
ยังดีที่เช้านี้ทานอาหารได้ปกติ ให้ฉี่ใส่ภาชนะที่เค้าเตรียมไว้ให้เพื่อดูปริมาณน้ำเข้า ออกร่างกาย
หมอมาเยี่ยมไข้วันแรก บอกว่าผลเลือด ปอด ปกติ ตรวจเชื้อไม่เจอ
เลยให้พยาบาลเก็บของเหลวในโพรงจมูกไปเพาะเชื้อไวรัส 18 สายพันธุ์เพิ่ม
หมอก็ถามย้ำว่าได้ไปโดนแมลง บุกทุงหญ้าอะไรมารึเปล่า
เราสองคนก็พยายามนึก มันก็ไม่มีนะ ... ถ้าจะมีก็ทริปนี้
ความรักระยะ "Run-In" 999 กิโลเมตรที่ประจวบฯ 1111 กิโลเมตร ที่ราชบุรี 1234 กิโลเมตร ที่นครปฐม
ที่มีพี่คนนึงเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ แต่หมอบอกมันน่าจะนานไป
พอบ่าย คนไข้เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนไป 2 ครั้ง จนหมอต้องให้ยาทางสายน้ำเกลือ
แล้วคนไข้ก็หลับไป... ระหว่างนี้มาดูห้องกัน แอดมิดอยู่ชั้น 16 ค่ะ
เปิดประตูเข้าไปทางขวามือเป็นห้องน้ำ ซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้า กับโต๊ะกินข้าว
มีทีวี wifi ฟรี ขอได้ที่พยาบาลตรงเคาเตอร์หน้าห้อง เหมือนกับโรงแรมทั่วไปเลยค่ะ
เปิดตู้บานแรก มีหมอน 2 ใบ ผ้าห่ม 1 ผืน ผ้าเช็ดตัว 1 ผืน
ตู้บานที่ 2 มีหมอนข้างให้ กับที่แขวนผ้าคนไข้
ตู้บานที่ 3 เป็นชั้นวางพวกกาแฟ โอวัลติน และก็ตู้เย็นค่ะ
ในตู้เย็นมีน้ำดื่ม 6 ขวด น้ำอัดลม 2 กระป๋อง นม 4 กล่อง น้ำผลไม้ 2 กล่อง
เลย์ 2 ซอง โอรีโอ้ 1 ซอง กัสเซน 2 ซอง แก๊ป 1 กล่อง ทั้งหมดนี่รวมกับค่าห้องแล้ว
ใน 1 วัน ทางโรงพยาบาลจะมีเติมน้ำในกระติกน้ำร้อนให้
มีโอวัลติน แบบ 3 in 1 ให้ 2 ซอง กาแฟ 2 ซอง น้ำตาล
และครีมเทียมอย่างละ 2 ซองค่ะ ชุดถ้วยกาแฟอีก 2 ชุด แก้วน้ำตรงนี้อีก 1 ใบ
มีโซฟาเบด นี่คือที่นอนของเราคืนนี้ค่ะ
โต๊ะ/ตู้ ข้างเตียงก็เป็นแบบนี้ค่ะ ส่วนในลิ้นชักมีกระดาษโน้ตพร้อมปากกา และก็กระดาษชำระ 1 กล่อง
ป้ายหัวเตียงบอกเบอร์โทรศัพท์ภายใน อีกด้านเป็นรายละเอียดสิ่งที่โรงพยาบาลมีบริการในแต่ละวัน
มาดูห้องน้ำกันค่ะ ปกติจะไม่มีผ้าสีฟ้า สีขาวที่วางอยู่หน้ากระจก และก็ผ้ายางที่พาดอยู่ค่ะ
ที่มีเพราะพยาบาลเพิ่งเช็ดตัวไปแล้วเอามาผึ่งไว้ ห้องน้ำก็แบ่งโซนอาบน้ำไว้มีน้ำอุ่นด้วยค่ะ
อุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำค่ะ มีหวี แปรงสีฟัน (แข็งไปนะคะ เลือดออกเลย)
ยาสีฟัน Cotton Bud หมวกอาบน้ำ แชมพู ครีมนวดผม เจลอาบน้ำ แป้งฝุ่น สบู่ก้อน
แก้วน้ำ กระดาษชำระ 1 กล่อง กับอีก 1 ม้วน และอุปกรณ์ล้างจานค่ะ
ปลายเตียงใต้ทีวีมีหนังสือให้อ่าน จาน 2 ใบ ชาม 2 ใบ ช้อน ซ้อม 2 คู่
มาดูอีกด้านของเตียงคนไข้นะคะ มีราวตากผ้ากับโต๊ะอาหารของคนไข้ค่ะ
บนโต๊ะคนไข้มีน้ำดื่ม ยาพ่นคอ ซองเทอร์โมมิเตอร์ ถาดรูปไต ผ้าปิดปาก
วิวจากชั้น 16 ค่ะ เห็นออฟฟิศของคนไข้ด้วย คงคิดถึงโต๊ะทำงานมากสินะ หึหึ
มองออกไปเห็นหน้าคุณอั้ม พัชราภา กับมิน พิชญา ชัดเลยค่ะ
มาดูอาหารกันบ้าง ห้องอาหาร BayLeaves ชั้น 1 เมนูน่าสนนะคะ ราคาไม่แพงมาก เลยลองสั่งมาทานดู
ข้าวต้มปลาค่ะ จัดมาให้เป็นชุดแบบนี้เลย มีพลาสติกปิดมาให้เรียบร้อย ดูดีนะคะ
อาหารเช้าค่ะ ราคา 40 บาท ขนมปังปิ้ง 2 แผ่น กับเนยและแยม
รสชาติไม่ได้อร่อยมากอย่างข้าวต้มปลา คนไข้บอกว่าอร่อย แต่เราว่าไม่ บะหมี่เกี๊ยวก็เฉยๆ
พยาบาลก็มาวัดไข้ กับความดันบ่อย น่าจะทุก 4 ชั่วโมง ไข้ลงแล้วค่ะ
เช้าวันต่อมามีพนักงานมาทำความสะอาด และก็เอาของมาเพิ่มให้ค่ะ เป็นน้ำดื่ม 6 ขวด
กระดาษชำระ 1 กล่อง กับอีก 1 ม้วน กาแฟ 2 ซอง น้ำตาล 4 ซอง ครีมเทียม 4 ซอง
โอวัลติน 2 ซอง และหนังสือพิมพ์ข่าวสด
ประมาณ 10 โมงเช้า น้ำเกลือหมดขวด พยาบาลก็มาถอดสายให้
ตอนนี้เริ่มดูแลตัวเองได้ เราเลยไปดูร้านข้าวข้างโรงพยาบาล
ราคาถูกมากข้าวกับกับข้าว 1 ถุง 30 บาท ก๋วยเตี๋ยวก็ 30 บาท และที่สำคัญถูกปากค่ะ
หมอมาเยี่ยมไข้วันที่ 2 เข้ามาถึงบอกเราระวังติดนะ
ตรวจครั้วที่ 2 เจอเชื้อไวรัส 2 สายพันธุ์ คล้ายกับชนิดที่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่
จริงๆ หมอบอกชื่อแต่จำไม่ได้แล้วค่ะ
และหมอถามว่า จะรอดูอีกวันมั๊ย คนไข้บอกจะกลับบ้าน เพราะไม่มีไข้แล้ว
หมอก็ให้กลับค่ะ แต่ระหว่างนี้ต้องรอดูอาการ ถ้าวันเสาร์ไข้ยังไม่ลดให้รีบกลับมา
และนัด X-ray อีกทีวันจันทร์ (2 มิ.ย.57) ก็คือวันนี้ค่ะ แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วแหละ
หลังจากนั้นพยาบาลก็จัดยามาให้ พร้อมกับอธิบายวิธีทานยาแต่ละตัว
แล้วก็รอฝ่ายบัญชีขึ้นมาเอาเอกสารประกันมาให้เซ็น เร็วมากค่ะ
โรงพยาบาลส่งเรื่องไปให้บริษัทประกันตอนบ่าย 14.20 ประกันแจ้งกลับมา 14.38
ค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาล 1 คืน ให้น้ำเกลือ 1 ขวด สุทธิแล้ว 18,304 บาท
ทั้งหมดทั้งมวลเนี่ย.. คิดว่าเกิดจากการที่เขาพักผ่อนไม่พอค่ะทำงานดึกทุกวัน
เข้างาน 8 โมงครึ่ง เลิกเกือบเที่ยงคืน บางทีถึงตี 2 เสาร์-อาทิตย์บางเดือนก็ต้องทำด้วย
แล้วผลที่เกิดขึ้นคือเขาป่วยบ่อยค่ะ ปีนี้เข้าโรงพยาบาลไป 4 ครั้งแล้ว เป็นๆ หายๆ
เข้าใจได้ว่าใครๆ ก็อยากทำงานเพื่อสร้างอนาคต แต่ถ้าทำงานหนักได้เงินมาก็จริง
แต่เงินที่ได้มาถ้าต้อวเอามารักษาตัวแบบนี้ และยังไงก็ต้องหยุดงานเพื่อรักษาตัว
ถ้าเทียบแล้วเวลาทำงานที่เหลือ มันก็คงไม่ต่างอะไรจากการที่ทำงานในเวลาปกติ และมันคงไม่คุ้มเท่าไหร่
แต่ครอบครัวเขาต้องสูญเสีย และคิดถึงเขาไปตลอด
ใช้ชีวิตกับการทำงานมากกว่าครอบครัว เป็นการลงทุนที่ไม่ฉลาดเลยจริงๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น