ทุกวันนี้คงน้อยคนที่ไม่รู้จักคำว่ามนุษย์ป้า
มนุษย์ป้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจที่สุด แซงคิวทำหน้ามึนคือคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ แต่ที่น่าโมโหคือผู้ให้บริการมักจะเกรงใจที่จะทำงานหรือบริการพวกมนุษย์ป้าพวกนี้ก่อน วันนี้โรงเรียนลูกสาวเปิดวันแรกด้วยความที่วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกจึงมีพวกมนุษย์ป้าหน้ามึนทั้งหลายมาส่งลูกหลานมาโรงเรียนและมาซื้อสมุดของโรงเรียน พวกมนุษย์ป้าพวกนี้เป็นพวกคนรวยว่างงาน ดังนั้นพวกนางจึงคิดว่าตัวเองแก่ แล้วก็รวย กูจะแซงคิวจะทำไม เหตุการณ์มีดังนี้
คุณครูประมาณ7คนยืนขายสมุดและอุปกรณ์การเรียนอยู่ในโรงอาหารมีผู้ปกครองมุงซื้อกันอย่างกะแจกฟรี เราก็ไปต่อแถว(ซึ่งแมร่งจริงๆก็ไม่มีแถวหรอก ใช้วิธีต่อจากคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าของครูแต่ละคน โรงเรียนแมร่งก็ไม่จัดแถวให้ดีๆหงุดหงิดไปนิดหน่อย) เราก็รอคนข้สงหน้าซื้อ คือเข้าใจว่านางก็คงกังวลว่าขาดนู้นนี่มั้ย เพราะนางเล่นเหมาซื้อทุกอย่างที่มีบนโต๊ะนั้น ในใจคิด "ของเก่าปีที่แล้วไม่เหลือเลยหรอว่ะ" แต่ก็ช่างเขา เราก็ต่อแถวต่อไป แปบเดียวมีมนุษย์ป้าสองคนได้เดินมาจากข้างหลัง ทำเนียนๆเดินไปหลังโต๊ะคนนึงแล้วเดินไปหยิบสมุดดูแล้วถามว่าราคาเล่มละเท่าไหร่ คุณครูก็บอกไป นางเลยบอกว่างั้นเอาอย่างละ 10 เล่มค่ะ (อ้าว อีนี่ เนียนนะ) ยังไม่พอ นางคนที่สองที่เดินมาพร้อมกะอีป้าคนแรก พอคนหน้าเราซื้อเสร็จ นางแทรกตัวมาแซงหน้าเราแล้วสั่งสมุดให้ลูกนางเลย คือแบบ อีป้า แซงกู แต่ด้วยความว่านี่คือในโรงเรียน เราเลยเดินมาสงบสติอารมณ์ออกจากแถวมาก่อน เพราะมันมีอีกหลายคนทำแบบอีป้าคนที่สองคือ ไม่ต่อแถวแนวตรงๆ ไปต่อแถวแนวนอน คือไม่ต่อกู ไปต่ออีป้านั่น เดินมานั่งซึ่งห่างจากอีพวกป้านั่นไม่ถึง2ช่วงแขน เราเลบหยิบโทรศัพท์หาแฟนแล้ว บอกเสียงดังๆว่า " วันนี้เจอพวกมนุษย์ป้าชอบแซงคิว นิสัยไม่ดี แมร่งไม่ต่อแถว" มีมนุษย์ป้า 2 คนหันมามอง เราก็มองกลับด้วยสายตาอันใสซื่อ(เชื่อป่ะ555) นางเลยรีบหันกลับไป กว่าจะได้ซื้อสมุดเลยหรอให้อีแก่พวกนี่ไปให้หมดก่อนถึงเดินไปซื้อ คือกูไม่อยากด่าเข้าใจป่ะเพราะเกรงใจอันนี้ในโรงเรียน
พอมาถึงบ้านทำให้นึกถึงเหตุการณ์นึงเมืออาทิตย์ที่แล้ว มีเด็กผู้ชายคนนึงอายุน่าจะประมาณ7ขวบ ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นลูกคนมีตังค์ เด็กคนนี้มาเข้าห้องน้ำหญิงที่ Big C อยุธยา คิดว่าน่าจะเข้ามากะแม่ แล้วเด็กออกมาก่อน เด็กก็ล้างมือด้วยสบู่ ประเด็นคือ เรากำลังกดสบู่อยู่เด็กก็ยืนมือแทรกเข้ามา เราก็อ่ะไม่เป็นไรเพราะนี่คือเด็ก แล้วเขาคงกดเองไม่ถึง เราก็ล้างมือเสร็จ เด็กยังคงเล่นฟองสบู่เลยเสร็จช้า คราวนี้พอจะล้างมือ เด็กก็เอามือไปอังคิดว่าน่าจะเคยใช่แต่ก๊อกน้ำในห้างที่มีเซนเซอร์เพราะรออยู่นาน พอดีมีป้าพนักงานคนนึงเดินมาล้างมือ แกก็กดน้ำเด็กคนนี้วิ่งไปแทรกตัวเอามือไปล้างตรงอ่างที่ป้าแกกดน้ำ รอบแรกแกก็คงเซ็ง ย้ายอ่างไป กดใหม่ เด็กก็ตามมาอีกเพราะยังล้างไม่สะอาด น้ำหยุดก่อน ป้าแกก็ย้ายรอบที่สอง เราเลยบอกเด็กว่าให้กด เด็กหันมาบอกว่ากดไม่ออก ทำไม่เป็น พูดจาไม่ได้มีสัมมาคาระวะเลย เราเลยปล่อยมันรอแม่มันมาจัดการเองแล้วกัน ป้าพนักงานกดน้พรอบที่สามเด็กก็คนนี้ก็ทำเหมือนเดิม ป้าแกทนไม่ไหวเลยบอกว่า "รอเดี๋ยวสิไม่เห็นรึไงคนอื่นใช้อยู่" เด็กก็หน้าจ๋อยทันทีรอแม่มา ป้าแกก็ดินออกไป
สิ่งที่อยากจะบอกจากโพสนี้คือ สังคมไทย ความมีระเบียบวินัยและการปฎิบัติตัวต่อผู้อื่นของเด็ก มันมาจากพฤติกรรมของผู้ปกครองทั้งนั้น เด็กคนนั้นคงได้รับการเลี้ยงดูมาจากพวกมนุษย์ป้าทั้งหลาย ทำให้ไม่มีความเกรงใจต่อผู้อื่น เพราะพวกมนุษย์ป้าพวกนี้ยังคงรักษาระเบียบวินัยของตนเองไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรมาสอนลูกหลาน เด็กเหล่านี้ก็จะโตมาโดยคิดว่าการทำแบบนี้คือสิ่งที่ถูก แต่เปล่าเลย มันเป็นการกระทำที่ผิดที่สุด ที่ผู้ปกครองสั่งสอนเด็ก น่าเศร้ากับประเทศไทย
มนุษย์ป้าในสังคมไทย
มนุษย์ป้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจที่สุด แซงคิวทำหน้ามึนคือคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ แต่ที่น่าโมโหคือผู้ให้บริการมักจะเกรงใจที่จะทำงานหรือบริการพวกมนุษย์ป้าพวกนี้ก่อน วันนี้โรงเรียนลูกสาวเปิดวันแรกด้วยความที่วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกจึงมีพวกมนุษย์ป้าหน้ามึนทั้งหลายมาส่งลูกหลานมาโรงเรียนและมาซื้อสมุดของโรงเรียน พวกมนุษย์ป้าพวกนี้เป็นพวกคนรวยว่างงาน ดังนั้นพวกนางจึงคิดว่าตัวเองแก่ แล้วก็รวย กูจะแซงคิวจะทำไม เหตุการณ์มีดังนี้
คุณครูประมาณ7คนยืนขายสมุดและอุปกรณ์การเรียนอยู่ในโรงอาหารมีผู้ปกครองมุงซื้อกันอย่างกะแจกฟรี เราก็ไปต่อแถว(ซึ่งแมร่งจริงๆก็ไม่มีแถวหรอก ใช้วิธีต่อจากคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าของครูแต่ละคน โรงเรียนแมร่งก็ไม่จัดแถวให้ดีๆหงุดหงิดไปนิดหน่อย) เราก็รอคนข้สงหน้าซื้อ คือเข้าใจว่านางก็คงกังวลว่าขาดนู้นนี่มั้ย เพราะนางเล่นเหมาซื้อทุกอย่างที่มีบนโต๊ะนั้น ในใจคิด "ของเก่าปีที่แล้วไม่เหลือเลยหรอว่ะ" แต่ก็ช่างเขา เราก็ต่อแถวต่อไป แปบเดียวมีมนุษย์ป้าสองคนได้เดินมาจากข้างหลัง ทำเนียนๆเดินไปหลังโต๊ะคนนึงแล้วเดินไปหยิบสมุดดูแล้วถามว่าราคาเล่มละเท่าไหร่ คุณครูก็บอกไป นางเลยบอกว่างั้นเอาอย่างละ 10 เล่มค่ะ (อ้าว อีนี่ เนียนนะ) ยังไม่พอ นางคนที่สองที่เดินมาพร้อมกะอีป้าคนแรก พอคนหน้าเราซื้อเสร็จ นางแทรกตัวมาแซงหน้าเราแล้วสั่งสมุดให้ลูกนางเลย คือแบบ อีป้า แซงกู แต่ด้วยความว่านี่คือในโรงเรียน เราเลยเดินมาสงบสติอารมณ์ออกจากแถวมาก่อน เพราะมันมีอีกหลายคนทำแบบอีป้าคนที่สองคือ ไม่ต่อแถวแนวตรงๆ ไปต่อแถวแนวนอน คือไม่ต่อกู ไปต่ออีป้านั่น เดินมานั่งซึ่งห่างจากอีพวกป้านั่นไม่ถึง2ช่วงแขน เราเลบหยิบโทรศัพท์หาแฟนแล้ว บอกเสียงดังๆว่า " วันนี้เจอพวกมนุษย์ป้าชอบแซงคิว นิสัยไม่ดี แมร่งไม่ต่อแถว" มีมนุษย์ป้า 2 คนหันมามอง เราก็มองกลับด้วยสายตาอันใสซื่อ(เชื่อป่ะ555) นางเลยรีบหันกลับไป กว่าจะได้ซื้อสมุดเลยหรอให้อีแก่พวกนี่ไปให้หมดก่อนถึงเดินไปซื้อ คือกูไม่อยากด่าเข้าใจป่ะเพราะเกรงใจอันนี้ในโรงเรียน
พอมาถึงบ้านทำให้นึกถึงเหตุการณ์นึงเมืออาทิตย์ที่แล้ว มีเด็กผู้ชายคนนึงอายุน่าจะประมาณ7ขวบ ดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นลูกคนมีตังค์ เด็กคนนี้มาเข้าห้องน้ำหญิงที่ Big C อยุธยา คิดว่าน่าจะเข้ามากะแม่ แล้วเด็กออกมาก่อน เด็กก็ล้างมือด้วยสบู่ ประเด็นคือ เรากำลังกดสบู่อยู่เด็กก็ยืนมือแทรกเข้ามา เราก็อ่ะไม่เป็นไรเพราะนี่คือเด็ก แล้วเขาคงกดเองไม่ถึง เราก็ล้างมือเสร็จ เด็กยังคงเล่นฟองสบู่เลยเสร็จช้า คราวนี้พอจะล้างมือ เด็กก็เอามือไปอังคิดว่าน่าจะเคยใช่แต่ก๊อกน้ำในห้างที่มีเซนเซอร์เพราะรออยู่นาน พอดีมีป้าพนักงานคนนึงเดินมาล้างมือ แกก็กดน้ำเด็กคนนี้วิ่งไปแทรกตัวเอามือไปล้างตรงอ่างที่ป้าแกกดน้ำ รอบแรกแกก็คงเซ็ง ย้ายอ่างไป กดใหม่ เด็กก็ตามมาอีกเพราะยังล้างไม่สะอาด น้ำหยุดก่อน ป้าแกก็ย้ายรอบที่สอง เราเลยบอกเด็กว่าให้กด เด็กหันมาบอกว่ากดไม่ออก ทำไม่เป็น พูดจาไม่ได้มีสัมมาคาระวะเลย เราเลยปล่อยมันรอแม่มันมาจัดการเองแล้วกัน ป้าพนักงานกดน้พรอบที่สามเด็กก็คนนี้ก็ทำเหมือนเดิม ป้าแกทนไม่ไหวเลยบอกว่า "รอเดี๋ยวสิไม่เห็นรึไงคนอื่นใช้อยู่" เด็กก็หน้าจ๋อยทันทีรอแม่มา ป้าแกก็ดินออกไป
สิ่งที่อยากจะบอกจากโพสนี้คือ สังคมไทย ความมีระเบียบวินัยและการปฎิบัติตัวต่อผู้อื่นของเด็ก มันมาจากพฤติกรรมของผู้ปกครองทั้งนั้น เด็กคนนั้นคงได้รับการเลี้ยงดูมาจากพวกมนุษย์ป้าทั้งหลาย ทำให้ไม่มีความเกรงใจต่อผู้อื่น เพราะพวกมนุษย์ป้าพวกนี้ยังคงรักษาระเบียบวินัยของตนเองไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรมาสอนลูกหลาน เด็กเหล่านี้ก็จะโตมาโดยคิดว่าการทำแบบนี้คือสิ่งที่ถูก แต่เปล่าเลย มันเป็นการกระทำที่ผิดที่สุด ที่ผู้ปกครองสั่งสอนเด็ก น่าเศร้ากับประเทศไทย