Yaris
J eco 4.69, J 5.19, E 5.49, G 5.99 ส่วนลด 40,000
Mirage
GL MT 3.8, GLX MT 4.26, GLX 4.6, GLS 5.06, GLS Lmt 5.46 ส่วนลด 60,000-80,000 (110,000 เฉพาะ bloom edition)
Swift
GA MT 4.34, GL MT 4.74, GA 4.72, GL 5.12, GLX 5.64 ส่วนลด 20,000
March
S MT 3.88, E MT 4.47, E 4.81, EL 5.09, V 5.28, VL 5.58 ส่วนลด 50,000
Brio
S MT 4.36, S 4.75, V MT 4.72, V 5.11, V Lmt 5.33 ส่วนลด 80,000
Celerio
GA MT 3.59, GL 4.39, GLX 4.88 ส่วนลด ????
ปล.ส่วนลดทั้งหมดหาในเน็ต ก่อนซื้อควรตรวจสอบจริงอีกครั้ง
มาถึงวันนี้จนได้ Celerio อาจจะไม่ใช่รถรุ่นสำคัญ แต่เป็นรถที่เบิกทาง รถระดับ 1.0 ลิตร
ถ้าช่วงนี้รถที่น่าสนใจสุดๆ ยังไงๆ ก็ต้อง Jazz ซึ่งเป็นรถที่ครอบคลุมตลาดได้มากที่สุด ไม่ว่าจะ
วัยรุ่น วัยทำงาน วันเริ่มครอบครัว แต่ยังไงๆ Jazz ขายในไทย ก็ยังได้แค่ไม่กี่คันอยู่ดี เมื่อเทียบกับที่ญี่ปุ่น
หรือเทียบกับยอดขายเก๋งในไทย
วันนี้กระตือรือร้นไปทดลองขับแต่เช้า ไม่เยิ่นเย้อมาก แม้แต่เซลส์ยังคิดว่าราคาที่เปิดมาแพงมาาาก
Suzuki Thailand ช่างตั้งราคามาไม่ให้ความหวังกับเซลส์เลย เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ มัน
ไม่อำนวยกำลังซื้อเท่าไหร่ แต่แอบคิดเล็กๆ ว่า Suzuki อาจเชื่อมั่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบใครห้ามขวาง
ของรัฐบาลใหม่ (เอ้า จริงๆ ใครจะขวางได้) ผมก็เชื่อว่าไม่แน่ เศรษฐกิจอาจจะเด้งขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ เมื่อเงินในคลัง
ใช้ได้เต็มที่แบบนี้
ราคาข้างบนที่มีส่วนลดแรงๆ อาจจะเป็นราคาของช่วงยุคเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นช่วงสั้นๆ แต่หนัก
อนาคตก็ไม่แน่ว่าส่วนลดทั้งหลายจะมีต่อ หรืออาจจะน้อยลงไปก็เป็นไปได้
ผมคิดว่า CEO Suzuki Thailand น่าจะตั้งราคาเผื่อการมีส่วนลดอย่างแน่นอน หากเศรษฐกิจไปไม่สวย
ขึ้นมา ก็ค่อยปรับให้มีส่วนลด นี่ถ้าไม่มีรัฐประหาร ผมคิดว่า Suzuki จะตั้งราคาถูกกว่านี้อย่างแน่นอน
ขอวิเคราะห์ในแบบนักเศรษฐศาสตร์สักหน่อยนึง (ซึ่งคืนอาจารย์ไปแล้วประมาณ 99.99% 555)
แต่การตั้งราคาออกมาแบบนี้ ก็ทำให้ความน่าสนใจในตัวรถหายลงไปเยอะแล้วล่ะ!
ที่จริงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีส่วนลด 2-30,000 บาทอยู่แล้ว เมื่อทำตลาดรถรุ่นนึงไปสักระยะ
ราคา Celerio น่าจะจบอยู่ที่ประมาณ 3.4 - 4.5 แสนได้
แต่คงไม่ใช่ช่วงเวลาเปิดตัว และต้องดูยอดขายกันอีกระยะ ซึ่ง การเปิดตัวราคาไม่ว้าว ทำให้เกิด
ผลเสียมากอยู่ เพราะรถรุ่นดังกล่าวอาจจะตกหุบเหวลึก ตายไปตั้งแต่ช่วงเปิดตัว ดังเช่น Brio และ Pulsar
มาเข้าเรื่องการรีวิวดีกว่า
ผมให้ 2 ดาวครึ่ง เพราะ มันเป็นราคาที่ยังแรงเกินไป แต่ถ้าในเรื่องการขับขี่การใช้งานล่ะจะเป็นยังไง
ผมเคยลอง Eco car มาหลายรุ่น แต่ละรุ่นก็ใช้งานอยู่พักใหญ่ๆ มีทั้งชอบไม่ชอบคละกันไป
Celerio หนัก 785 กก. ในรุ่น GA เกียร์ธรรมดา และหนัก 820-835 ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
เทียบกับอีกรุ่นที่เน้นความเบาเช่นกันอย่าง Mirage ที่มีน้ำหนัก 830 กก. ในรุ่นเกียร์ธรรมดา
หรือหนักกว่าประมาณ ครึ่งร้อย กก. ส่วนเกียร์อัตโนมัติ หนัก 855-870 หนักกว่าประมาณ 30 กก.
Celerio พุ่งออกตัวในระดับน้องๆ รถยนต์ 1500cc พุ่งเร็วกว่า Swift ซึ่งเป็นความตั้งใจของ Suzuki
ที่จะทำให้อัตราเร่งดูจัดจ้าน ทำให้การขับขี่ในเมืองได้ดั่งใจ เกียร์ CVT ตอบสนองได้ดี ออกตัวไว
ไม่ต้องรอรอบ ถ้าเหยียบแบบรอการทำงานของเครื่องกับเกียร์สักนิด อัตราเร่งก็จะค่อยๆ ถูกผลักไป
ข้างหน้าเรื่อยๆ ในรุ่น GL ที่ไม่มีวัดรอบนั้นทำให้มองไม่เห็นว่ารอบเครื่องทำงานยังไง แต่ถ้าเหยียบ
แบบเต็มเท้า ระบบดูเหมือนจะเซฟ CVT หรือเครื่องอาจจะทำงานไม่ทันจนรู้สึกอั้นๆ ซึ่งคนใช้เกียร์
CVT เข้าใจลักษณะแบบนี้อยู่แล้ว กดไม่ลึก CVT จะไปไวกว่า กดแบบเต็มเท้า
แต่อัตราเร่งจะเริ่มเหี่ยวลงในช่วง 60 หรือ 70 กม./ชม. ทำให้ทีท่ากระฉับกระเฉงดุจเครื่อง 1500
ในตอนแรก กลับมาสู่สภาวะปกติของรถระดับ 1000-1200cc อีกครั้ง เป็นผลทำให้ อัตราเร่ง 0-100กม./ชม.
น่าจะทำเวลาได้ดีกว่า March และ Almera แต่ยังแพ้ Mirage หรือ Swift อยู่เล็กน้อย ถ้าเล่นเรื่องอัตราเร่ง
ในเมือง หรือในช่วงรถหนาแน่น Celerio 1.0 ช่วงต้น สามารถขับเคี่ยวซิกแซกไปกับรถ 1500 น่าจะพอได้
ผมรู้สึกเช่นนั้น ยิ่งถ้าท่านเป็นคนขับรถเก่ง รถ 1500 ที่มีฝีมือเป็นรองกว่า น่าจะถูกท่านฉีกแซงหายไปได้ไม่
ยาก พอถึงทางตรงยาว ถ้าสามารถแช่ไว้ที่ความเร็วสูง ช่วงล่างดีๆ แบบนี้ รถ 1500 ก็คงตามท่านลำบากเช่นกัน
ในรอบเดินเบา ผมยังไม่เจอเครื่องสั่น แต่ปกติแล้วนั้น ผมเจอเครื่องสั่นๆ
กับ Eco car ทุกรุ่น มากหรือน้อยแตกต่างกัน การเก็บเสียงทำได้ดี ไม่รู้สึกอึดอัดกับเสียงแบบ Mirage
ทำให้การขับ Celerio รู้สึกผ่อนคลาย ทัศนวิสัยข้างหน้าดี กระจกกว้างมาก ตำแหน่งนั่งที่สูงอาจจะทำให้
ระดับสายตาเจอขอบหลังคาด้านบนไปบ้าง ถ้าเตี้ยได้จะขับมันกว่านี้ City ตัวเก่าก็เป็นแบบนี้
คันที่ลองขับไม่เจอเสียงเสียดสีของพลาสติก คาดว่าเป็นเพราะชิ้นส่วนที่ประกอบกันมีน้อย มีการขึ้นรูปที่
ซับซ้อนน้อยกว่า Swift ทำให้โอกาสที่จะเสียดสีกันมีน้อย การประกอบ ความหนาแน่นรู้สึกแข็งแรง
พลาสติกดูแข็งๆ แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนนั่งรถจีนหรือมาเลย์ ได้ข้อดีของรถญี่ปุ่น Kei car มาพอสมควร
ส่วนตัวผมมองว่า Celerio มันก็กึ่งๆ Kei car นี่แหล่ะ มีรูปร่างสูงเพื่อทำให้รถเล็กไม่ดูอึดอัด แต่ภายนอก
ได้รับการออกแบบให้รองรับความต้องการของคนอินเดียสูง มีเกียร์ AMT มาเป็นตัวชูโรงทำให้ได้อัตรา
สิ้นเปลืองที่ดีมาก 25-26 กม./ลิตร แต่ประเทศไทยยังไม่ได้เกียร์ตัวนี้ ทำให้ Celerio ขาดจุดขายไปประมาณ
80-90% เลยทีเดียว เนื่องจากในรีวิวอินเดีย ก็พูดไว้เช่นกันว่า ถ้าไม่มีเกียร์ AMT ตัวนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะซื้อ Celerio
มาทำไม
ในรุ่น GL ให้ของมาได้ประทับใจผม และยังคงทำให้ผมใจละลายอยู่ดีแม้ว่ามันจะแพงกว่าที่คาดคิดไปอีก 4 หมื่น
ของภายในทุกอย่างยกเว้นกระจกมองข้าง ให้มาเหมือนๆ กับรุ่นท๊อป GLX วิทยุดูดีมาก ปุ่มกดดี การประกอบ การ
จัดวางดี ที่วางแขน ergonomic ทั้งคันทำได้ดีมาก แม้เบาะรองนั่งจะออกแนวสั้นๆ มากไปหน่อย มี ABS พร้อม
แต่จุดที่ด่างพร้อยก็ตรงที่ให้ airbag มาเพียงหนึ่งลูกด้านคนขับ ซึ่งไม่รู้ว่าไปหาติดเพิ่มเองได้มั้ย เพราะเซนเซอร์
อะไรต่างๆ ก็คงใช้ชุดเดียวเท่านั้นน่ะแหล่ะ คงไม่ได้เบิ้ลอะไร ส่วนกระจกมองข้างไฟฟ้า หาติดได้อยู่แล้วไม่ยากเย็น
มาตรวัดหน้าปัดของรุ่น GL ก็น่าประทับใจ แม้ไม่ให้ที่วัดรอบมา แต่ก็มีจอด้านล่างที่แสดงอัตราสิ้นเปลือง real time
ได้ หรือหน้าจอ MID ซึ่งถือว่ารุ่น GL ให้มาครบๆ ถูกใจ ภายนอกแค่หาสปอยเล่อร์ของรุ่นท็อปมาใส่ก็เจ๋งแล้ว
การบังคับควบคุมและช่วงล่าง
Celerio ยังมีการบังคับควบคุมและช่วงล่างที่ยังด้อยกว่า Swift แต่นับว่าใกล้เคียงกันมากๆ หากเป็นการใช้งานแบบ
ปกติ การเปลี่ยนเลนเร็วๆ จะรู้สึกมากกว่า Swift เพราะทำให้รู้สึกถึงความบางของหน้ากว้างล้อ 14 นิ้วได้ในทันที แต่
รถยังเกาะได้หนึบ โดยรวมรถดูหนักและหนักแน่น ช่วงล่างดูไม่เหมือนรถถูก ไม่รู้เอาน้ำหนักอะไรมาถ่วงเพราะมีอารมณ์จิก
พื้นเข้ามาด้วย ช่วงล่างถือว่าเป็นจุดเด่นมากๆ แต่สู้ Swift ที่ใช้ยางไซส์ใหญ่กว่าไม่ได้
เรื่องพวงมาลัย เห็นด้วยกับรีวิวก่อนหน้า พวงมาลัยมีน้ำหนักที่ให้ความมั่นใจ มี center feeling ที่ดี แต่จุดที่ไม่ดีคือ
ความรู้สึก contact ระหว่างล้อหน้าและตัวพวงมาลัย เหมือนมีช่องว่างแบ่งแยกออกจากกัน หรือมีอะไรมาคั่นกลาง
ทำให้ขาด feel และทำให้ขับสนุกน้อยลง แต่ถ้าเป็นการขับทางตรง ไกลๆ ยาวๆ หรือเข้าโค้ง จะสนุก แต่ถ้าเป็นการ
เข้าออกเปลี่ยนเลนเร็วๆ จะไม่สนุก เพราะมีความรู้สึกดังกล่าว
การขับแบบประหยัด
ปกติที่ขับ Swift หรือ March เราจะสามารถมองรอบเครื่อง และมองจอ MID พร้อมกับเลี้ยงแป้นคันเร่งไปพร้อมๆ กัน
ทำให้เกิดความประหยัดระดับ 20-25 กม./ลิตรได้ แต่ Celerio รุ่น GL ที่ไม่มีวัดรอบเครื่อง และมีแป้นคันเร่งที่ติดเท้า
กดปุ๊บไปปั๊บทำให้การขับแบบ Eco เดิมๆ ทำได้ลำบาก ถ้าจะแนวขับแบบ Racing เหยียบไปเลย มันติดเท้าคุณแน่
แต่ถ้าจะเป็นนักขับ eco ผมว่าคันนี้ขับยาก
ตัวช่วยของผมมีแค่ตัวเลขจากจอ MID เล็กๆ ที่เลี้ยงๆ ให้ตัวเลขขึ้นไม่ค่อยถนัด เลยตัดความรำคาญโดยการเหยียบ
ปรู้ดไปที่ความเร็วที่ต้องการแทน แล้วค้างเท้าไว้นิ่งๆ เบาๆ เท้าก็ต้องเบามากกว่าปกติ เพราะกดเข้าไปอีกนิดรู้สึกว่า
รถจะพุ่งทำให้ไม่ประหยัดน้ำมัน เมื่อประคองได้ที่แล้ว ตัวเลข MID โชว์มาที่ 20-30 กม./ลิตร แทบจะตลอด ที่ความ
เร็ว 70-80 กม./ชม. อันเป็นช่วงความเร็วที่กฎหมายกำหนด แต่ด้วยความไม่ชินทำให้ตัวเลขมันสวิงมาก คิดว่าต้องลองอีกครั้ง
แต่คิดว่าน่าจะประหยัดกว่า Swift พอสมควร
เมื่อขับเสร็จแล้วรู้สึกว่า อยากให้ Swift ของตัวเอง มีอัตราเร่งออกตัวดีแบบนี้บ้าง ไม่มีเสียงก้อบแก้บแบบนี้บ้าง
ช่วงล่างแน่นนุ่มหนึบ เอาใจคนยุโรปกับคนอินเดียเลย ซึ่งคันนี้จะส่งจากบ้านเราไปขายในยุโรป แต่จะขายดี
หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง
เพิ่มเติมเรื่องพื้นที่ภายในอีกนิด ผมและแฟนกับลูกน้อยนั่งด้านหลังได้หลวมๆ หลังคาอยู่เหนือหัวผมไปประมาณ
3 นิ้วมือ เบาะรองนั่งสั้นแฟนกับลูกผมจะนั่งพอดีๆ แต่ผมก็พอนั่งได้ เวลานั่งพิงพนักแบบหย่อนๆ ก้นหน่อยก็สบาย
ที่วางแขนบนแผงประตู รองรับแขนผมพอดี ทั้งความหนาของที่วางและระดับความสูง Suzuki ที่เป็นค่ายอันดับหนึ่ง
ของอินเดียว สามารถทำรถถูกๆ ให้ถูกใจคนอินเดียที่จู้จี้ขี้บ่นได้ ทำให้ภายในของ Celerio ไม่ใช่ปัญหาเลย
ไปทดลองขับ Celerio ดูกันครับ เค้าจะให้เขียนชื่อชิงโชครถ Celerio 2 คัน รุ่นท๊อป พร้อมบัตรเติมน้ำมัน 100,000 บาท
เป็นความตั้งใจของ Suzuki ที่อยากให้คนไทยได้ไปลองรถของเค้ากันดู เพราะความดีงามของมันซ่อนรูปอยู่ในตัว
รถจริงๆ แบบที่ว่า มองภายนอกก็เห็นเพียงแค่ รถหน้าตาแบนๆ คันเล็กๆ ล้อจิ๋วๆ
ถ้าให้ผมเลือกซื้อ เทียบกับรถ Eco car รุ่นอื่นๆ
รูปลักษณ์ของ Celerio มันไม่เข้าตาเท่ากับรุ่นอื่นๆ แต่มันน่าแต่งแฮะ เหมือนกับที่คนญี่ปุ่นชอบจับ Kei car มาแต่งน่ะแหล่ะ
Brio ผมไม่ชอบบานท้ายที่เป็นกระจก กับภายในที่ดูก็อกแก๊กกว่า Celerio เยอะแบบคนละเรื่อง พื้นวางขาซ้ายชอบตำเท้า เจ็บครับ
Mirage ผมชอบที่มันดูใสๆ แบบญี่ปุ่นมากๆ แต่เสียงมันดังกระหึ่ม ช่วงล่างสู้ Celerio ไม่ได้ พวงมาลัยได้ feel แต่ไม่หนัก เบาไป
ตัวรถชอบทำผมไฟดูด เจ็บแทบทุกวันที่ขับ เสียงเครื่องดัง นาวิแย่ วิทยุไม่ปลื้ม มีข้อเสียเยอะครับ ยกเว้นประหยัด ซึ่งจอ MID ก็ให้ info ไม่ครบอีก ไอเว..ร
March ผมชอบ packaging ทั้งคัน รูปทรงหน้าตาผมรับได้ แต่งเพิ่มจะสวย แต่งแบบ sport version หรือ Nismo ได้ จะเลิศเลย
แต่พวงมาลัยไม่มีข้อดีเลย เหมาะกับการขับแบบขับรถเด็กเล่น เหมือนพวงมาลัยเกม ช่วงล่างพร้อมพาคุณไปทุกที่ แต่มันเป็นช่วงล่างสำหรับ
ผู้หญิงที่ไม่ได้สนุกกับการขับรถ ergonomic ยังแพ้ Celerio อัตราเร่งแพ้ Celerio ประหยัดก็แพ้
Swift ดีกว่า Celerio ทุกด้าน แต่ยังแพ้ Ergonomic วางแขนไม่สบายเท่า ด้านราคา Suzuki ดันให้รุ่น GA 4.72 มา ให้มาถูกกว่า Celerio รุ่น
ท็อปอีก แต่อย่างที่บอกไป ผมมองแค่รุ่น GL ราคา 4.39 มีหลายๆ อย่างที่ Celerio ตีจุดบอดของ Swift แตก แต่ด้วยความที่เป็นรถระดับล่าง
กว่า ภาพรวมก็เลยสู้ไม่ได้ ซึ่งทำให้ผมเห็นแววว่า Suzuki น่าจะมีส่วนลดให้ Celerio ในอนาคต และหวังลุ้นให้ GL อยู่ที่ 4-4.1 แสน
Yaris ผมว่าเหนือกว่าคู่ Swift, Celerio ทุกด้านในภาพรวม แต่พวงมาลัยกับช่วงล่าง ยังแพ้สองพี่น้องอยู่อีกนิดนึง
Celerio เหนือกว่าทุกๆ คัน ตรงที่อัตราเร่งติดเท้า เหยียบคันเร่งปุ๊บแล้วพุ่ง อารมณ์ประมาณ Suzuki ไปเอากล่องควบคุมไฟฟ้ามาติด
ให้ Swift ยังไงยังงั้น Yaris น่าจะเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลในการตัด Eco car รุ่นอื่นๆ ทุกรุ่นทิ้ง แต่อัตราสิ้นเปลืองแย่กว่ารุ่นอื่น
อยู่ที่ว่าคุณให้ความสำคัญมากแค่ไหน เนื้อผ้าเบาะของ Swift, Celerio รู้สึกสบายกว่า Yaris และบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
Yaris ก็ดูมืดหม่นเกินไปหน่อย เหมาะถ้าผมยังอยู่มหาลัย แต่ไม่เหมาะในยามที่ผมมีลูกเล็กๆ อยู่ในวัยสดใส
[CR] รีวิวสั้นๆ Suzuki Celerio แพงเว่อร์ หรือแค่ยังไม่ได้อัดส่วนลด
J eco 4.69, J 5.19, E 5.49, G 5.99 ส่วนลด 40,000
Mirage
GL MT 3.8, GLX MT 4.26, GLX 4.6, GLS 5.06, GLS Lmt 5.46 ส่วนลด 60,000-80,000 (110,000 เฉพาะ bloom edition)
Swift
GA MT 4.34, GL MT 4.74, GA 4.72, GL 5.12, GLX 5.64 ส่วนลด 20,000
March
S MT 3.88, E MT 4.47, E 4.81, EL 5.09, V 5.28, VL 5.58 ส่วนลด 50,000
Brio
S MT 4.36, S 4.75, V MT 4.72, V 5.11, V Lmt 5.33 ส่วนลด 80,000
Celerio
GA MT 3.59, GL 4.39, GLX 4.88 ส่วนลด ????
ปล.ส่วนลดทั้งหมดหาในเน็ต ก่อนซื้อควรตรวจสอบจริงอีกครั้ง
มาถึงวันนี้จนได้ Celerio อาจจะไม่ใช่รถรุ่นสำคัญ แต่เป็นรถที่เบิกทาง รถระดับ 1.0 ลิตร
ถ้าช่วงนี้รถที่น่าสนใจสุดๆ ยังไงๆ ก็ต้อง Jazz ซึ่งเป็นรถที่ครอบคลุมตลาดได้มากที่สุด ไม่ว่าจะ
วัยรุ่น วัยทำงาน วันเริ่มครอบครัว แต่ยังไงๆ Jazz ขายในไทย ก็ยังได้แค่ไม่กี่คันอยู่ดี เมื่อเทียบกับที่ญี่ปุ่น
หรือเทียบกับยอดขายเก๋งในไทย
วันนี้กระตือรือร้นไปทดลองขับแต่เช้า ไม่เยิ่นเย้อมาก แม้แต่เซลส์ยังคิดว่าราคาที่เปิดมาแพงมาาาก
Suzuki Thailand ช่างตั้งราคามาไม่ให้ความหวังกับเซลส์เลย เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ มัน
ไม่อำนวยกำลังซื้อเท่าไหร่ แต่แอบคิดเล็กๆ ว่า Suzuki อาจเชื่อมั่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบใครห้ามขวาง
ของรัฐบาลใหม่ (เอ้า จริงๆ ใครจะขวางได้) ผมก็เชื่อว่าไม่แน่ เศรษฐกิจอาจจะเด้งขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ เมื่อเงินในคลัง
ใช้ได้เต็มที่แบบนี้
ราคาข้างบนที่มีส่วนลดแรงๆ อาจจะเป็นราคาของช่วงยุคเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นช่วงสั้นๆ แต่หนัก
อนาคตก็ไม่แน่ว่าส่วนลดทั้งหลายจะมีต่อ หรืออาจจะน้อยลงไปก็เป็นไปได้
ผมคิดว่า CEO Suzuki Thailand น่าจะตั้งราคาเผื่อการมีส่วนลดอย่างแน่นอน หากเศรษฐกิจไปไม่สวย
ขึ้นมา ก็ค่อยปรับให้มีส่วนลด นี่ถ้าไม่มีรัฐประหาร ผมคิดว่า Suzuki จะตั้งราคาถูกกว่านี้อย่างแน่นอน
ขอวิเคราะห์ในแบบนักเศรษฐศาสตร์สักหน่อยนึง (ซึ่งคืนอาจารย์ไปแล้วประมาณ 99.99% 555)
แต่การตั้งราคาออกมาแบบนี้ ก็ทำให้ความน่าสนใจในตัวรถหายลงไปเยอะแล้วล่ะ!
ที่จริงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีส่วนลด 2-30,000 บาทอยู่แล้ว เมื่อทำตลาดรถรุ่นนึงไปสักระยะ
ราคา Celerio น่าจะจบอยู่ที่ประมาณ 3.4 - 4.5 แสนได้
แต่คงไม่ใช่ช่วงเวลาเปิดตัว และต้องดูยอดขายกันอีกระยะ ซึ่ง การเปิดตัวราคาไม่ว้าว ทำให้เกิด
ผลเสียมากอยู่ เพราะรถรุ่นดังกล่าวอาจจะตกหุบเหวลึก ตายไปตั้งแต่ช่วงเปิดตัว ดังเช่น Brio และ Pulsar
มาเข้าเรื่องการรีวิวดีกว่า
ผมให้ 2 ดาวครึ่ง เพราะ มันเป็นราคาที่ยังแรงเกินไป แต่ถ้าในเรื่องการขับขี่การใช้งานล่ะจะเป็นยังไง
ผมเคยลอง Eco car มาหลายรุ่น แต่ละรุ่นก็ใช้งานอยู่พักใหญ่ๆ มีทั้งชอบไม่ชอบคละกันไป
Celerio หนัก 785 กก. ในรุ่น GA เกียร์ธรรมดา และหนัก 820-835 ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ
เทียบกับอีกรุ่นที่เน้นความเบาเช่นกันอย่าง Mirage ที่มีน้ำหนัก 830 กก. ในรุ่นเกียร์ธรรมดา
หรือหนักกว่าประมาณ ครึ่งร้อย กก. ส่วนเกียร์อัตโนมัติ หนัก 855-870 หนักกว่าประมาณ 30 กก.
Celerio พุ่งออกตัวในระดับน้องๆ รถยนต์ 1500cc พุ่งเร็วกว่า Swift ซึ่งเป็นความตั้งใจของ Suzuki
ที่จะทำให้อัตราเร่งดูจัดจ้าน ทำให้การขับขี่ในเมืองได้ดั่งใจ เกียร์ CVT ตอบสนองได้ดี ออกตัวไว
ไม่ต้องรอรอบ ถ้าเหยียบแบบรอการทำงานของเครื่องกับเกียร์สักนิด อัตราเร่งก็จะค่อยๆ ถูกผลักไป
ข้างหน้าเรื่อยๆ ในรุ่น GL ที่ไม่มีวัดรอบนั้นทำให้มองไม่เห็นว่ารอบเครื่องทำงานยังไง แต่ถ้าเหยียบ
แบบเต็มเท้า ระบบดูเหมือนจะเซฟ CVT หรือเครื่องอาจจะทำงานไม่ทันจนรู้สึกอั้นๆ ซึ่งคนใช้เกียร์
CVT เข้าใจลักษณะแบบนี้อยู่แล้ว กดไม่ลึก CVT จะไปไวกว่า กดแบบเต็มเท้า
แต่อัตราเร่งจะเริ่มเหี่ยวลงในช่วง 60 หรือ 70 กม./ชม. ทำให้ทีท่ากระฉับกระเฉงดุจเครื่อง 1500
ในตอนแรก กลับมาสู่สภาวะปกติของรถระดับ 1000-1200cc อีกครั้ง เป็นผลทำให้ อัตราเร่ง 0-100กม./ชม.
น่าจะทำเวลาได้ดีกว่า March และ Almera แต่ยังแพ้ Mirage หรือ Swift อยู่เล็กน้อย ถ้าเล่นเรื่องอัตราเร่ง
ในเมือง หรือในช่วงรถหนาแน่น Celerio 1.0 ช่วงต้น สามารถขับเคี่ยวซิกแซกไปกับรถ 1500 น่าจะพอได้
ผมรู้สึกเช่นนั้น ยิ่งถ้าท่านเป็นคนขับรถเก่ง รถ 1500 ที่มีฝีมือเป็นรองกว่า น่าจะถูกท่านฉีกแซงหายไปได้ไม่
ยาก พอถึงทางตรงยาว ถ้าสามารถแช่ไว้ที่ความเร็วสูง ช่วงล่างดีๆ แบบนี้ รถ 1500 ก็คงตามท่านลำบากเช่นกัน
ในรอบเดินเบา ผมยังไม่เจอเครื่องสั่น แต่ปกติแล้วนั้น ผมเจอเครื่องสั่นๆ
กับ Eco car ทุกรุ่น มากหรือน้อยแตกต่างกัน การเก็บเสียงทำได้ดี ไม่รู้สึกอึดอัดกับเสียงแบบ Mirage
ทำให้การขับ Celerio รู้สึกผ่อนคลาย ทัศนวิสัยข้างหน้าดี กระจกกว้างมาก ตำแหน่งนั่งที่สูงอาจจะทำให้
ระดับสายตาเจอขอบหลังคาด้านบนไปบ้าง ถ้าเตี้ยได้จะขับมันกว่านี้ City ตัวเก่าก็เป็นแบบนี้
คันที่ลองขับไม่เจอเสียงเสียดสีของพลาสติก คาดว่าเป็นเพราะชิ้นส่วนที่ประกอบกันมีน้อย มีการขึ้นรูปที่
ซับซ้อนน้อยกว่า Swift ทำให้โอกาสที่จะเสียดสีกันมีน้อย การประกอบ ความหนาแน่นรู้สึกแข็งแรง
พลาสติกดูแข็งๆ แต่ก็ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนนั่งรถจีนหรือมาเลย์ ได้ข้อดีของรถญี่ปุ่น Kei car มาพอสมควร
ส่วนตัวผมมองว่า Celerio มันก็กึ่งๆ Kei car นี่แหล่ะ มีรูปร่างสูงเพื่อทำให้รถเล็กไม่ดูอึดอัด แต่ภายนอก
ได้รับการออกแบบให้รองรับความต้องการของคนอินเดียสูง มีเกียร์ AMT มาเป็นตัวชูโรงทำให้ได้อัตรา
สิ้นเปลืองที่ดีมาก 25-26 กม./ลิตร แต่ประเทศไทยยังไม่ได้เกียร์ตัวนี้ ทำให้ Celerio ขาดจุดขายไปประมาณ
80-90% เลยทีเดียว เนื่องจากในรีวิวอินเดีย ก็พูดไว้เช่นกันว่า ถ้าไม่มีเกียร์ AMT ตัวนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะซื้อ Celerio
มาทำไม
ในรุ่น GL ให้ของมาได้ประทับใจผม และยังคงทำให้ผมใจละลายอยู่ดีแม้ว่ามันจะแพงกว่าที่คาดคิดไปอีก 4 หมื่น
ของภายในทุกอย่างยกเว้นกระจกมองข้าง ให้มาเหมือนๆ กับรุ่นท๊อป GLX วิทยุดูดีมาก ปุ่มกดดี การประกอบ การ
จัดวางดี ที่วางแขน ergonomic ทั้งคันทำได้ดีมาก แม้เบาะรองนั่งจะออกแนวสั้นๆ มากไปหน่อย มี ABS พร้อม
แต่จุดที่ด่างพร้อยก็ตรงที่ให้ airbag มาเพียงหนึ่งลูกด้านคนขับ ซึ่งไม่รู้ว่าไปหาติดเพิ่มเองได้มั้ย เพราะเซนเซอร์
อะไรต่างๆ ก็คงใช้ชุดเดียวเท่านั้นน่ะแหล่ะ คงไม่ได้เบิ้ลอะไร ส่วนกระจกมองข้างไฟฟ้า หาติดได้อยู่แล้วไม่ยากเย็น
มาตรวัดหน้าปัดของรุ่น GL ก็น่าประทับใจ แม้ไม่ให้ที่วัดรอบมา แต่ก็มีจอด้านล่างที่แสดงอัตราสิ้นเปลือง real time
ได้ หรือหน้าจอ MID ซึ่งถือว่ารุ่น GL ให้มาครบๆ ถูกใจ ภายนอกแค่หาสปอยเล่อร์ของรุ่นท็อปมาใส่ก็เจ๋งแล้ว
การบังคับควบคุมและช่วงล่าง
Celerio ยังมีการบังคับควบคุมและช่วงล่างที่ยังด้อยกว่า Swift แต่นับว่าใกล้เคียงกันมากๆ หากเป็นการใช้งานแบบ
ปกติ การเปลี่ยนเลนเร็วๆ จะรู้สึกมากกว่า Swift เพราะทำให้รู้สึกถึงความบางของหน้ากว้างล้อ 14 นิ้วได้ในทันที แต่
รถยังเกาะได้หนึบ โดยรวมรถดูหนักและหนักแน่น ช่วงล่างดูไม่เหมือนรถถูก ไม่รู้เอาน้ำหนักอะไรมาถ่วงเพราะมีอารมณ์จิก
พื้นเข้ามาด้วย ช่วงล่างถือว่าเป็นจุดเด่นมากๆ แต่สู้ Swift ที่ใช้ยางไซส์ใหญ่กว่าไม่ได้
เรื่องพวงมาลัย เห็นด้วยกับรีวิวก่อนหน้า พวงมาลัยมีน้ำหนักที่ให้ความมั่นใจ มี center feeling ที่ดี แต่จุดที่ไม่ดีคือ
ความรู้สึก contact ระหว่างล้อหน้าและตัวพวงมาลัย เหมือนมีช่องว่างแบ่งแยกออกจากกัน หรือมีอะไรมาคั่นกลาง
ทำให้ขาด feel และทำให้ขับสนุกน้อยลง แต่ถ้าเป็นการขับทางตรง ไกลๆ ยาวๆ หรือเข้าโค้ง จะสนุก แต่ถ้าเป็นการ
เข้าออกเปลี่ยนเลนเร็วๆ จะไม่สนุก เพราะมีความรู้สึกดังกล่าว
การขับแบบประหยัด
ปกติที่ขับ Swift หรือ March เราจะสามารถมองรอบเครื่อง และมองจอ MID พร้อมกับเลี้ยงแป้นคันเร่งไปพร้อมๆ กัน
ทำให้เกิดความประหยัดระดับ 20-25 กม./ลิตรได้ แต่ Celerio รุ่น GL ที่ไม่มีวัดรอบเครื่อง และมีแป้นคันเร่งที่ติดเท้า
กดปุ๊บไปปั๊บทำให้การขับแบบ Eco เดิมๆ ทำได้ลำบาก ถ้าจะแนวขับแบบ Racing เหยียบไปเลย มันติดเท้าคุณแน่
แต่ถ้าจะเป็นนักขับ eco ผมว่าคันนี้ขับยาก
ตัวช่วยของผมมีแค่ตัวเลขจากจอ MID เล็กๆ ที่เลี้ยงๆ ให้ตัวเลขขึ้นไม่ค่อยถนัด เลยตัดความรำคาญโดยการเหยียบ
ปรู้ดไปที่ความเร็วที่ต้องการแทน แล้วค้างเท้าไว้นิ่งๆ เบาๆ เท้าก็ต้องเบามากกว่าปกติ เพราะกดเข้าไปอีกนิดรู้สึกว่า
รถจะพุ่งทำให้ไม่ประหยัดน้ำมัน เมื่อประคองได้ที่แล้ว ตัวเลข MID โชว์มาที่ 20-30 กม./ลิตร แทบจะตลอด ที่ความ
เร็ว 70-80 กม./ชม. อันเป็นช่วงความเร็วที่กฎหมายกำหนด แต่ด้วยความไม่ชินทำให้ตัวเลขมันสวิงมาก คิดว่าต้องลองอีกครั้ง
แต่คิดว่าน่าจะประหยัดกว่า Swift พอสมควร
เมื่อขับเสร็จแล้วรู้สึกว่า อยากให้ Swift ของตัวเอง มีอัตราเร่งออกตัวดีแบบนี้บ้าง ไม่มีเสียงก้อบแก้บแบบนี้บ้าง
ช่วงล่างแน่นนุ่มหนึบ เอาใจคนยุโรปกับคนอินเดียเลย ซึ่งคันนี้จะส่งจากบ้านเราไปขายในยุโรป แต่จะขายดี
หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง
เพิ่มเติมเรื่องพื้นที่ภายในอีกนิด ผมและแฟนกับลูกน้อยนั่งด้านหลังได้หลวมๆ หลังคาอยู่เหนือหัวผมไปประมาณ
3 นิ้วมือ เบาะรองนั่งสั้นแฟนกับลูกผมจะนั่งพอดีๆ แต่ผมก็พอนั่งได้ เวลานั่งพิงพนักแบบหย่อนๆ ก้นหน่อยก็สบาย
ที่วางแขนบนแผงประตู รองรับแขนผมพอดี ทั้งความหนาของที่วางและระดับความสูง Suzuki ที่เป็นค่ายอันดับหนึ่ง
ของอินเดียว สามารถทำรถถูกๆ ให้ถูกใจคนอินเดียที่จู้จี้ขี้บ่นได้ ทำให้ภายในของ Celerio ไม่ใช่ปัญหาเลย
ไปทดลองขับ Celerio ดูกันครับ เค้าจะให้เขียนชื่อชิงโชครถ Celerio 2 คัน รุ่นท๊อป พร้อมบัตรเติมน้ำมัน 100,000 บาท
เป็นความตั้งใจของ Suzuki ที่อยากให้คนไทยได้ไปลองรถของเค้ากันดู เพราะความดีงามของมันซ่อนรูปอยู่ในตัว
รถจริงๆ แบบที่ว่า มองภายนอกก็เห็นเพียงแค่ รถหน้าตาแบนๆ คันเล็กๆ ล้อจิ๋วๆ
ถ้าให้ผมเลือกซื้อ เทียบกับรถ Eco car รุ่นอื่นๆ
รูปลักษณ์ของ Celerio มันไม่เข้าตาเท่ากับรุ่นอื่นๆ แต่มันน่าแต่งแฮะ เหมือนกับที่คนญี่ปุ่นชอบจับ Kei car มาแต่งน่ะแหล่ะ
Brio ผมไม่ชอบบานท้ายที่เป็นกระจก กับภายในที่ดูก็อกแก๊กกว่า Celerio เยอะแบบคนละเรื่อง พื้นวางขาซ้ายชอบตำเท้า เจ็บครับ
Mirage ผมชอบที่มันดูใสๆ แบบญี่ปุ่นมากๆ แต่เสียงมันดังกระหึ่ม ช่วงล่างสู้ Celerio ไม่ได้ พวงมาลัยได้ feel แต่ไม่หนัก เบาไป
ตัวรถชอบทำผมไฟดูด เจ็บแทบทุกวันที่ขับ เสียงเครื่องดัง นาวิแย่ วิทยุไม่ปลื้ม มีข้อเสียเยอะครับ ยกเว้นประหยัด ซึ่งจอ MID ก็ให้ info ไม่ครบอีก ไอเว..ร
March ผมชอบ packaging ทั้งคัน รูปทรงหน้าตาผมรับได้ แต่งเพิ่มจะสวย แต่งแบบ sport version หรือ Nismo ได้ จะเลิศเลย
แต่พวงมาลัยไม่มีข้อดีเลย เหมาะกับการขับแบบขับรถเด็กเล่น เหมือนพวงมาลัยเกม ช่วงล่างพร้อมพาคุณไปทุกที่ แต่มันเป็นช่วงล่างสำหรับ
ผู้หญิงที่ไม่ได้สนุกกับการขับรถ ergonomic ยังแพ้ Celerio อัตราเร่งแพ้ Celerio ประหยัดก็แพ้
Swift ดีกว่า Celerio ทุกด้าน แต่ยังแพ้ Ergonomic วางแขนไม่สบายเท่า ด้านราคา Suzuki ดันให้รุ่น GA 4.72 มา ให้มาถูกกว่า Celerio รุ่น
ท็อปอีก แต่อย่างที่บอกไป ผมมองแค่รุ่น GL ราคา 4.39 มีหลายๆ อย่างที่ Celerio ตีจุดบอดของ Swift แตก แต่ด้วยความที่เป็นรถระดับล่าง
กว่า ภาพรวมก็เลยสู้ไม่ได้ ซึ่งทำให้ผมเห็นแววว่า Suzuki น่าจะมีส่วนลดให้ Celerio ในอนาคต และหวังลุ้นให้ GL อยู่ที่ 4-4.1 แสน
Yaris ผมว่าเหนือกว่าคู่ Swift, Celerio ทุกด้านในภาพรวม แต่พวงมาลัยกับช่วงล่าง ยังแพ้สองพี่น้องอยู่อีกนิดนึง
Celerio เหนือกว่าทุกๆ คัน ตรงที่อัตราเร่งติดเท้า เหยียบคันเร่งปุ๊บแล้วพุ่ง อารมณ์ประมาณ Suzuki ไปเอากล่องควบคุมไฟฟ้ามาติด
ให้ Swift ยังไงยังงั้น Yaris น่าจะเป็นตัวเลือกที่สมเหตุสมผลในการตัด Eco car รุ่นอื่นๆ ทุกรุ่นทิ้ง แต่อัตราสิ้นเปลืองแย่กว่ารุ่นอื่น
อยู่ที่ว่าคุณให้ความสำคัญมากแค่ไหน เนื้อผ้าเบาะของ Swift, Celerio รู้สึกสบายกว่า Yaris และบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
Yaris ก็ดูมืดหม่นเกินไปหน่อย เหมาะถ้าผมยังอยู่มหาลัย แต่ไม่เหมาะในยามที่ผมมีลูกเล็กๆ อยู่ในวัยสดใส