แบ่งเป็นสามเรื่อง  
Sonata (สีเขียว)
เรื่องแรกได้กล่าวถึง บ้านหลังหนึ่งที่สามีภรรยาจะซื้อ แต่ว่าเมื่อเข้าไปในห้องแล้วมีอะไรกัน เขากลับได้เห็น ชายหญิงคู่หนึ่ง ซึ่งไม่ใช่คน  ทำให้เขาต้องรีบวิ่งแจ้นมาถาม นายหน้าขายบ้าน ว่า มันเกิดอะไรขึ้น  นายหน้าขายบ้านก็เล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนี้เคยเป็นของคุณหลวงมาก่อน แต่ว่าได้เกิดการฆาตกรรมในห้องที่คุณสองคนเข้าไป และเรื่องมีอยู่ว่า  คุณหลวงมีภรรยาชื่อ แอนนา แล้วก็อยู่กิน มีความสุขกันไป แต่แล้ววันหนึ่งภรรยาล้มป่วยลง เป็นอัมพาต และนั้นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว เพราะด้วยคำสัญญาที่ว่า “ฉันจะซื่อสัตย์กับเธอตลอดไป”  

สำหรับหนังสั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของการดูแล้วสนุก คือเนื้อเรื่องกับพลังนักแสดง  ตัวละครต้องดูไม่เยอะ เพราะว่าไม่ใช่หนังยาว แต่ว่าตัวละครต้องมีพลังในการแสดงบทบาทออกมาให้ดูสมจริง เรื่องตอนแรก  โยโกะ ทาคาโน่ ที่รับเป็นแม่เล้า ป้ายึ่สุ่น  ซึ่งโผล่มาไม่กี่ฉาก แต่พลังด้วยสายตาและท่าทางทำให้เรื่องนี้ มีพลังขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเจน  ส่วนนักแสดงที่รับบทเป็นแอนนา  คือ โอซา แวง และคุณหลวงรับบทโดย เป้ – ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์ ยังขาดพลังอยู่นิดหนึ่ง คือไม่ตรึงตา ให้ดูอยู่ได้ แต่ว่า เมื่อโยโกะ ปรากฎขึ้นมาเรียกว่า ตรึงตาด้วย พลังของสายและท่าทาง ซึ่งนักแสดงจะต้องมี  

เรื่องแรกผมให้คะแนน 6 /10

เรื่องที่ 17.00 น.

เรื่องนี้ออกแนวตลก ปน สยองแหวะๆนิดๆ  ซึ่ง  โบ้ เป็นมือปืนและเด็กติดตาม ของเฮียเบิ้ม   ซึ่งเฮียเบิ้มเข้ามารอเด็กของเขาในห้อง 513 ของโรงแรม  แต่ว่าเรื่องราวเริ่มขึ้น ที่โบ้ เห็นภาพหลอนของผู้หญิงสองคนในห้อง และได้พลาดยิง เจ้านายเขาตายเขาเลยต้องการ ชำแหละศพ …..เรื่องราวเป็นยังไงต้องไปดูเอาเอง แต่บอกได้เลยว่าหักมุมแบบสุดๆ สำหรับเรือ่งนี้

ต้องบอกว่า เอาสุหฤท สยามวาลา รับบทเป็นเฮียเบิ้ม กับเอา บีม กวี มาเล่นในบทลูกน้องได้อย่างลงตัว ซึ่งต้องชมการแสดงของ บีมกวี ที่สามารถดึงความน่าสนใจมาได้ ซึ่งหน้าตาของบีม กวี ก็ออกกวนๆอยุ่แล้ว แต่ว่าเมื่อเขาต้องเล่นในบทจริงจังของตอนใกล้ๆจบก็สามารภทำได้ เรื่องนี้ไม่น่ากลัว แต่จบได้อย่างหักมุมถือว่าโอเค และเวลา 17.00 น.ที่ใช้เอามาเป็นเงื่อนไขนั้น ตอนจบก็เฉลยได้อย่างดี


เรื่องที่สองให้คะแนน 7/10


เรื่องที่สาม Honey Moon Suite

ใหม่ หญิงสาวจากภูเก็ต เขาได้เช็คอีเมล์และเห็นว่าตัวเองได้รับรางวัลห้องพัก ฟรี 2 คืน 3 วัน ห้อง 1711 ที่กรุงเทพให้เขาต้องขึ้นมาพัก เพื่อลืมเรื่องราวเก่าของเขากับแฟน และได้มาพักห้อง Honey Moon Suite ห้อง 1711 โรงแรมหรูใจกลางเมือง เรื่องราวมาเริ่มเมื่อเขาได้เจอ ไมค์ ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง และได้สานสัมพันธ์  ซึ่งก่อนที่ ใหม่ จะกลับเขาได้นัดกับ ไมค์ ไว้ว่าจะเจอกันก่อนกลับ และไมค์ก็อยากมาเจอ  ซึ่งเกิดเหตุน่ากลัวมาเริ่ม[]ในห้องนี้ เป็นอย่างไรก็ต้องไปดูกัน

ใหม่ที่รับบทโดย พิ้งกี้ – สาวิกา ไชยเดช  ซึ่งในบทเป็นตัวแกนหลักของเรื่องนั้น ผมถือว่าให้ผ่านแต่ยังถือว่าทำไม่ได้ดี ด้วยบทที่อ่อนเกินไป และพยายามจะขายพระเอกใหม่ ที่รับเป็นไมค์ อติล่า อาร์เธอร์ อภิชาติ กานโยซ์  ทำให้หนังเรื่องนี้ ถ้าวางพล็อตเรื่องเสริมในบางส่วนจะลงตัวเป็นอย่างมาก และน่ากลัว กว่าสองเรื่องซะด้วยซ้ำ แต่ทำให้หนังนี้อ่อนด้อยมากที่สุด  และฉุดหนังไปเลยก็ว่าได้   พระเอกใหม่แสดงได้ถือว่าโอเค  แต่ว่าสำหรับพิ้งกี้แล้ว ผมมองว่า เขายังต้องปรับปรุงเรื่องสีหน้า ที่มองว่ากลัวคือกลัว หวาดหวั่นคือหวาดหวั่น ไม่จำเป็นต้องสวยตลอดเวลา  คำว่าแสดงคือ การเป็นคนๆนั้น ไม่ใช่เป็นฉันแล้วให้คนๆนั้นเป็น  

สำหรับเรื่องนี้ผมให้ 5/10

-------------------------- บทวิจารณ์
พยายามจบให้หักมุม แต่มันยังไม่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และความพยายามที่ดีของผู้เขียนบทและผู้กำกับทั้ง 3 คน ไม่ว่าจะเป็น ปัญจพงศ์ คงคาน้อย  (ซํมบาล่า) กำกับเรื่องแรก จะเด็ด เอื้อยฉิมพลี กำกับเรื่องที่ 2 และ  อิทธิศักดิ์ เอื้อสุนทรวัฒนา กำกับเรื่องที่ 3  คือพยายามจะทำให้เป็นหนังหักมุม แบบ six sense   แต่ว่ามันยังขาดในส่วนของการตรึงคนดูให้นั่ง เพื่อลุ้นว่าตอนจบนั้นเป็นเช่นไร
แต่เรื่องที่ 2 นั้นทำเฉลยออกมาได้อย่างดี ว่าทำไมต้องเป็นเวลา 17.00 น. และเรื่องที่สามที่เฉลยว่า ทำไมต้องเป็นห้อง  Honey Moon Suite แต่เรื่องแรกเรื่องเกี่ยวกับโรคที่ แอนนา เป็นนั้น มันทำให้ไม่สมจริงเท่าไร และขาดน้ำหนักไป ทำให้หนังเรื่องแรกดูจืด ด้วยเหตุการณ์และหลายๆไม่สมจริง ด้วยเหตุและผล  
แต่พอเรื่องที่สอง ถือว่าโอเค เล่นกันสองคนที่เป็นตัวแสดงหลัก แต่ทำให้หนังไหล ลี่น ไปได้  สำหรับเรื่องที่สาม พยายามให้ นางเอกฉายเดียว เรียกว่าพยายามความเป็น  พิ้งกี้ มากจนเกินไป ซึ่งน่าเสียดาย ถ้าไมพยายามขาย ผมว่าเนื้อเรื่องตอนที่ 2 กับตอนที่ 3 จะน่ากลัวมาก  

สำหรับเรื่องนี้ผมให้คะแนนโดยรวมอยุ่ที่ 6/10
ความคุ้มค่าในการไปดู 65 %