สวัสดีค่ะ
วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์เล็กๆน้อยๆกับทริปท่องเที่ยวอยุธยาภายใน1วันค่ะ
ขอบอกไว้ก่อนเลยว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้พันทิปกระทู้แรกในชีวิต หลังจากที่วนเวียนผีเข้าผีออกซุ่มอ่านห้องบลูแพลนเน็ตมานับแรมปี
เรื่องสำบัดสำนวนอาจจะมีผิดเพี้ยนกันบ้าง ต้องขออภัยไว้ก่อนเลยแล้วกันนะคะ
ปีนี้มหาลัยปิดเทอมตามอาเซียนนานถึง5เดือน หลังจากปล่อยตัวเองนอนอ้วนดูซีรี่ส์อยู่บ้านเฉยๆก็เริ่มมีความคิดที่ผจญสู่โลกภายนอกบ้าง
ชีวิตนักศึกษามหาลัยที่มีรถไฟตัดผ่านได้รับการซึมซับเสียงหวูดเสียงเบรกรถไฟทุกวัน
แถมผู้ใหญ่ใจดีเขาก็ต่อเวลารถไฟฟรีให้ซะด้วย ทริปแรกนั่งรถไฟฟรีไปเที่ยวซะเลย
อย่างที่บอกไปค่ะ ครั้งนี้เป็นทริปกะทันหัน
ตอนแรกคิดเองเออเองกะจะไปพิษณุโลกคนเดียว
แล้วดันไปเปรยๆไว้ในทวิตเตอร์จนเพื่อนคนนึงมาเห็นเข้า เพื่อนเลยขอแจมด้วยคน
คุยไปคุยมาสรุปว่าครั้งแรกไปใกล้ๆกรุงเทพก่อนมั้ย อยุธยาเมืองเก่าเก๋ๆกำลังดี
ก็เลยตกลงปลงใจกันช่วยกันหาข้อมูลและออกเดินทางกันในวันรุ่งขึ้นค่ะ......
*นี่กลับมา3อาทิตย์แล้วเพิ่งได้ตั้งกระทู้ค่ะ ดองจนกลมกล่อม55555
.......
วันอาทิตย์ที่11พฤษาคม
เราออกเดินทางถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงประมาณ8โมงเช้า
ไปถึงก็เข้าคิวซื้อตั๋วในราคา0บาท ขบวน201กรุงเทพ-อยุธยา(ปลายทางพิษณุโลก) รถไฟออกเวลา09.25น.
*กล้องที่ใช้ fuji xa1 กับเลนส์คิทซะส่วนใหญ่ มีบางรูปใช้helios44-2ก็มีค่ะ แต่หมุนกากมาก5555
บางรูปปรับแสงนิดหน่อย เป็นมือใหม่ยังถ่ายไม่ค่อยดีเท่าไร ติชมกันได้นะคะ
จริงๆตั้งใจจะเก็บภาพวิวทิวทัศน์ระหว่างนั่งรถไฟด้วยแต่รถไฟยังไม่ทันออกจากกรุงเทพ
เราก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตื่นอีกทีก็ถึงสถานีบางปะอินแล้วค่ะ แหง่ว...
พอใกล้ถึงสถานีอยุธยาคุณป้าแม่ค้าบอกเราว่า 'รีบไปยืนหน้าประตูเลยลูกเดี๋ยวไม่ได้ลง
นิสัยคนไทยไม่เคยรอให้คนลงหมด เขาก็ขึ้นกันมาแล้ว' .. อู้ย เรื่องจริงที่ต้องยอมรับ
ตามที่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ารถไฟไทยเลทนั้นเป็นเรื่องปกติ
เช่นกันกับขบวนนี้มีเลทกันพอหอมปากหอมคอไปเกือบ40นาที
ทำให้กำหนดเดิมเราจะต้องถึงอยุธยาเวลาตามตาราง11.24น.กลายเป็นเที่ยงกว่าๆแทน
และความหิวที่สั่งสมมาตั้งแต่พวกเราสองคนพากันมองเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่นำอาหารขึ้นมาขายบนรถไฟและทำการปฏิญานตนเองว่า 'ตูจะไม่ซื้ออะไรพร่ำเพรื่อเฟ้ย' ก็ได้ทำการทำลายตนเองทันทีที่ออกจากสถานีรถไฟอยุธยา หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่ท่าเรือข้ามฟากเพื่อไปที่ตลาดเจ้าพรหม ต้องข้ามถนนไปจากสถานีค่ะแล้วก็จะเจอซอยมีร้านเช่าจักรยานเยอะๆ ค่าเรือข้ามฟากคนละ4บาท
นั่งได้บรรยากาศกันพอกรุบกริบ
พอไปถึงตลาดเจ้าพรหม ภาพในหัวคิดว่าจะต้องมีร้านรวงมากมายตระการตาอาหารพันชนิดรอให้เราเลือกซื้ออยู่
แต่ภาพนั้นก็หายวับไป มันเงียบผิดปกติ.. ร้านข้าวอาหารตามสั่งก็ไม่ยักกะมี สงสัยว่าผิดตลาดหรืออย่างไรเลยตัดสินใจเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมายและปลายทาง เดินมาจนถึงบริเวณหน้าห้างอัมพร วินาทีนั้นปากท้องของเราสำคัญมาก เห็นร้านไหนร้านแรกก็เดินเข้าไปเลยค่ะ
รู้มั้ยคะคุณผู้อ่านมื้อแรกของเราในอยุธยาช่างบ่งบอกความเป็นอยุธยามากกก... KFC ค่ะ!
หลังจากที่เราฝากท้องไว้กับผู้พันซานเดอร์เรียบร้อยแล้ว ก็ตามล่าหาร้านเช่าจักรยาน เรามีแผนที่ค่ะแต่กระนั้นเราไม่รู้ทิศ55555
ก็ได้แต่ถามทางชาวบ้านไปเรื่อยๆค่ะ จากเคเอฟซีเดินมาเรื่อยๆทางขวามือ เดินจนเจอโรงแรมอโยธยาเราก็เจอลุงๆวินรถกบ(รถตุ๊กตุ๊กแต่หน้าเหมือนกบ) เราก็ใจกล้าหน้าด้านถามไปลุง ตรงๆว่า หนูจะหาร้านเช่าจักรยานขี่รอบเมืองแถวนี้มีมั้ยคะ ลุงๆก็ใจดีค่ะ บอกทางชี้ร้านให้เสร็จสับ ร้านที่เราสองคนเช่าอยู่ในซอยนเรศวรใกล้กับคิวรถตู้ จักรยานเลือกได้ตามใจชอบ เช่าได้ทั้งวันราคาแค่40บาทเท่านั้น คุณป้าที่ร้านก็คอยแนะนำเส้นทางและให้แผนที่มาด้วย น่ารักมากๆค่ะ
ไม่ขอเปิดเผยหน้าตาอันสวยงามค่ะ55555
เราสตาร์ทขี่จักรยานกันที่เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง
สถานที่แรกที่เราไปคือวัดมหาธาตุ ซึ่งการขี่จักรยานเที่ยวในอยุธยาก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรเลย ถนนที่นี่โล่งมากแถมมีทางจักรยานให้ด้วย เลิศมากจุดนี้
ในที่สุดเราก็มาถึงวัดมหาธาตุ ทั้งๆที่เป็นวันอาทิตย์แต่นักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง เหล่าอาจุมม่าจากเกาหลีและอาซิ้มจากเมืองจีน คนไทยน้อยมาก
จอดจักรยานกันหน้าป้ายนี้เลย
ตั๋วเข้าชม คนไทยคนละ10บาท
เศียรพระพุทธรูปหินทราย อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวัดมหาธาตุ
พระพุทธรูปที่อยู่ภายในวัด
ต่อไปเป็นบริเวณต่างๆในวัด อากาศร้อนแต่มีลมเดินเพลินมากๆ
เดินชมเดินถ่ายรูปกันสักพักใหญ่ก็ออกเดินทางไปที่วัดราชบูรณะที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนัก
ข้างกันนั่นแหละค่ะ แต่เห็นเขาทำการบูรณะกันอยู่เลยไม่ได้เข้าไป(จริงๆเข้าได้นะคะ)
แล้วเราก็ออกขี่จักรยานต่อกันไปตามทางจักรยาน
ไปต่อที่วัดพระนอนหรือชื่อวัดโลกยสุทธาราม
วัดนี้จะเข้าไปลึกหน่อยขี่ไปก็ไม่แน่ใจเท่าไรทำไมเจอแต่บ้านคนรถสักคันผ่านก็ไม่มี
แต่ประจวบเหมาะกับช่วงที่มีทัวร์จีนลงพอดีค่ะเลยขี่ตามลูกเดียว
ที่วัดพระนอนก็ถ่ายรูปกันไปนิดหน่อยไม่ได้เดินเข้าไปข้างในเช่นกัน
แล้วก็นั่งพักกันพอเหงื่อแห้งขี่ต่อไปตามทางจักรยานเรื่อยๆย้อนกลับไปทางเดิมที่เคยผ่านมา
ช่วงนี้เราไม่ได้หยุดขี่จักรยานกันเลยค่ะ เพราะทางจักรยานที่นี่ขี่สบายชมวิวสองข้างทางเพลินมาก
เรียกได้ว่าแดดร้อนก็บ่ยั่น ทำให้1ชั่วโมงนี้เราไม่ได้แวะไหนกันเลยขี่มาชมวิวล้วนๆ
ระหว่างทางก็ขี่ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมากเลยค่ะ วัดธรรมิราช วัดพระราม คุ้มขุนแผน
พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าอู่ทอง ศาลหลักเมือง วังช้างอยุธยาแลพนียด
ทริปเหมาน้ำ แวะซื้อน้ำกันตลอดทาง555
ทางจักรยานอยุธยา
ขี่ช้างเที่ยวก็มี
แวะถ่ายป้ายวังช้างสักหน่อย
พี่ช้างกำลังอาบน้ำอยู่เลย
ขี่จักรยานชมวิวจนพอใจกันแล้ว เราก็ออกเดินทางไป2สถานที่สุดท้ายก่อนจะกลับกัน
ที่แรกวิหารพระมงคลบพิตร
คนค่อนข้างเยอะเลยทั้งไทยทั้งเทศ
เสี่ยงเซียมซี ดวงจะดีหรือร้าย
พอไหว้พระเสี่ยงเซียมซีเสร็จก็เดินไปที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ที่อยู่ข้างๆ
เหมือนเดิมค่ะ ค่าเข้าชมคนละ10บาท
วันนี้ท้องฟ้าสวยมากๆ ตอนถ่ายย้อนแสง ปรับไปเยอะกว่าจะเห็นตัวเจดีย์
พอไม่ปรับแสงแล้วดูขลังดีเหมือนกัน
เจดีย์สามองค์ สัญลักษณ์ของวัดพระศรีสรรเพชญ์
เราสองคนใช้เวลาเดินชมวัดพระศรีสรรเพชญ์กันพักใหญ่เลยค่ะ
เพราะภายในวัดกว้างมาก เดินแล้วก็เพลิน ได้มุมถ่ายรูปสวยๆเยอะ
แถมเป็นวัดสุดท้ายก่อนจะกลับด้วย ต้องอยู่ให้คุ้ม10บาทที่เสียไป
ขากลับคืนจักรยานเรียบร้อย ก็แอบแวะเติมพลังหาขนมทานที่ห้างอัมพรสักหน่อย
เป็นเพราะพวกเราทำการบ้านกันมาไม่ดี เป็นทริปกะทันหันจริงๆ
เลยไม่ได้เที่ยวเยอะ ของกินที่ขึ้นชื่ออย่างโรตีสายไหมก็ไม่ได้ติดไม้ติดมือกลับมา
สงสัยจะต้องมีรอบแก้ตัวเนอะ5555
บรรยากาศระหว่างรอเรือข้ามฟาก
คุณลุงแอบมองกล้องนะเนี่ย
รถไฟขากลับที่เราจะขึ้นนั้นเทียบชานชาลาสถานีอยุธยาเวลา18.47น.
เป็นขบวน210 บ้านตาคลี-กรุงเทพ
เก็บภาพบรรยากาศก่อนรถไฟมากับท้องฟ้าสีหวานเย็น
สงวนใบหน้าเช่นเคย selfieกับรถไฟไทยเก๋ๆ
แล้วเจอกันใหม่นะอยุธยา
รถไฟออกแล้ว สองข้างทางสวยมากๆ
ห่วงจับกลมๆให้อารมณ์รถไฟญี่ปุ่น
โฮปเวลก็มา
ถึงหัวลำโพงแล้ว
ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ไม่ถึง500บาทค่ะ คุ้มค่า ประหยัด สนุกสนาน ได้ออกกำลังกาย
เราพลาดตรงที่ไม่ได้เตรียมน้ำขวดไปค่ะ ซึ่งการขี่จักรยานตลอด4ชม.น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก
เราแวะซื้อน้ำกันตลอดทาง หมดเงินกับค่าน้ำไปเป็น100เลย555555
แนะนำละกันค่ะว่าควรเตรียมน้ำขวดใหญ่มาตั้งแต่ออกจากบ้านเลย
อยุธยาเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์มาก ไปแล้วก็อยากกลับไปอีกครั้ง
วัดวาอารามธรรมชาติสวยงามสมเป็นเมืองเก่าจริงๆ
ถ้ามีเวลาอยากให้ไปเที่ยวกันค่ะ วันเดียวก็เที่ยวคุ้ม
ไม่ไกลจากกรุงเทพ การคมนาคมก็สะดวกสบาย
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะคะ
เป็นครั้งแรกที่ลองรีวิวเที่ยวดู ติชิมได้นะคะ จะนำข้อติชมไปปรับปรุงแก้ไข
ไว้ได้ไปเที่ยวที่ไหนจะมาอัพอีกแน่นอนค่ะ
[CR] กะทันหัน One day Bike Trip in Ayutthaya
วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์เล็กๆน้อยๆกับทริปท่องเที่ยวอยุธยาภายใน1วันค่ะ
ขอบอกไว้ก่อนเลยว่ากระทู้นี้เป็นกระทู้พันทิปกระทู้แรกในชีวิต หลังจากที่วนเวียนผีเข้าผีออกซุ่มอ่านห้องบลูแพลนเน็ตมานับแรมปี
เรื่องสำบัดสำนวนอาจจะมีผิดเพี้ยนกันบ้าง ต้องขออภัยไว้ก่อนเลยแล้วกันนะคะ
ปีนี้มหาลัยปิดเทอมตามอาเซียนนานถึง5เดือน หลังจากปล่อยตัวเองนอนอ้วนดูซีรี่ส์อยู่บ้านเฉยๆก็เริ่มมีความคิดที่ผจญสู่โลกภายนอกบ้าง
ชีวิตนักศึกษามหาลัยที่มีรถไฟตัดผ่านได้รับการซึมซับเสียงหวูดเสียงเบรกรถไฟทุกวัน
แถมผู้ใหญ่ใจดีเขาก็ต่อเวลารถไฟฟรีให้ซะด้วย ทริปแรกนั่งรถไฟฟรีไปเที่ยวซะเลย
อย่างที่บอกไปค่ะ ครั้งนี้เป็นทริปกะทันหัน
ตอนแรกคิดเองเออเองกะจะไปพิษณุโลกคนเดียว
แล้วดันไปเปรยๆไว้ในทวิตเตอร์จนเพื่อนคนนึงมาเห็นเข้า เพื่อนเลยขอแจมด้วยคน
คุยไปคุยมาสรุปว่าครั้งแรกไปใกล้ๆกรุงเทพก่อนมั้ย อยุธยาเมืองเก่าเก๋ๆกำลังดี
ก็เลยตกลงปลงใจกันช่วยกันหาข้อมูลและออกเดินทางกันในวันรุ่งขึ้นค่ะ......
*นี่กลับมา3อาทิตย์แล้วเพิ่งได้ตั้งกระทู้ค่ะ ดองจนกลมกล่อม55555
วันอาทิตย์ที่11พฤษาคม
เราออกเดินทางถึงสถานีรถไฟหัวลำโพงประมาณ8โมงเช้า
ไปถึงก็เข้าคิวซื้อตั๋วในราคา0บาท ขบวน201กรุงเทพ-อยุธยา(ปลายทางพิษณุโลก) รถไฟออกเวลา09.25น.
*กล้องที่ใช้ fuji xa1 กับเลนส์คิทซะส่วนใหญ่ มีบางรูปใช้helios44-2ก็มีค่ะ แต่หมุนกากมาก5555
บางรูปปรับแสงนิดหน่อย เป็นมือใหม่ยังถ่ายไม่ค่อยดีเท่าไร ติชมกันได้นะคะ
จริงๆตั้งใจจะเก็บภาพวิวทิวทัศน์ระหว่างนั่งรถไฟด้วยแต่รถไฟยังไม่ทันออกจากกรุงเทพ
เราก็เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตื่นอีกทีก็ถึงสถานีบางปะอินแล้วค่ะ แหง่ว...
พอใกล้ถึงสถานีอยุธยาคุณป้าแม่ค้าบอกเราว่า 'รีบไปยืนหน้าประตูเลยลูกเดี๋ยวไม่ได้ลง
นิสัยคนไทยไม่เคยรอให้คนลงหมด เขาก็ขึ้นกันมาแล้ว' .. อู้ย เรื่องจริงที่ต้องยอมรับ
ตามที่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่ารถไฟไทยเลทนั้นเป็นเรื่องปกติ
เช่นกันกับขบวนนี้มีเลทกันพอหอมปากหอมคอไปเกือบ40นาที
ทำให้กำหนดเดิมเราจะต้องถึงอยุธยาเวลาตามตาราง11.24น.กลายเป็นเที่ยงกว่าๆแทน
และความหิวที่สั่งสมมาตั้งแต่พวกเราสองคนพากันมองเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่นำอาหารขึ้นมาขายบนรถไฟและทำการปฏิญานตนเองว่า 'ตูจะไม่ซื้ออะไรพร่ำเพรื่อเฟ้ย' ก็ได้ทำการทำลายตนเองทันทีที่ออกจากสถานีรถไฟอยุธยา หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปที่ท่าเรือข้ามฟากเพื่อไปที่ตลาดเจ้าพรหม ต้องข้ามถนนไปจากสถานีค่ะแล้วก็จะเจอซอยมีร้านเช่าจักรยานเยอะๆ ค่าเรือข้ามฟากคนละ4บาท
นั่งได้บรรยากาศกันพอกรุบกริบ
พอไปถึงตลาดเจ้าพรหม ภาพในหัวคิดว่าจะต้องมีร้านรวงมากมายตระการตาอาหารพันชนิดรอให้เราเลือกซื้ออยู่
แต่ภาพนั้นก็หายวับไป มันเงียบผิดปกติ.. ร้านข้าวอาหารตามสั่งก็ไม่ยักกะมี สงสัยว่าผิดตลาดหรืออย่างไรเลยตัดสินใจเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมายและปลายทาง เดินมาจนถึงบริเวณหน้าห้างอัมพร วินาทีนั้นปากท้องของเราสำคัญมาก เห็นร้านไหนร้านแรกก็เดินเข้าไปเลยค่ะ
รู้มั้ยคะคุณผู้อ่านมื้อแรกของเราในอยุธยาช่างบ่งบอกความเป็นอยุธยามากกก... KFC ค่ะ!
หลังจากที่เราฝากท้องไว้กับผู้พันซานเดอร์เรียบร้อยแล้ว ก็ตามล่าหาร้านเช่าจักรยาน เรามีแผนที่ค่ะแต่กระนั้นเราไม่รู้ทิศ55555
ก็ได้แต่ถามทางชาวบ้านไปเรื่อยๆค่ะ จากเคเอฟซีเดินมาเรื่อยๆทางขวามือ เดินจนเจอโรงแรมอโยธยาเราก็เจอลุงๆวินรถกบ(รถตุ๊กตุ๊กแต่หน้าเหมือนกบ) เราก็ใจกล้าหน้าด้านถามไปลุง ตรงๆว่า หนูจะหาร้านเช่าจักรยานขี่รอบเมืองแถวนี้มีมั้ยคะ ลุงๆก็ใจดีค่ะ บอกทางชี้ร้านให้เสร็จสับ ร้านที่เราสองคนเช่าอยู่ในซอยนเรศวรใกล้กับคิวรถตู้ จักรยานเลือกได้ตามใจชอบ เช่าได้ทั้งวันราคาแค่40บาทเท่านั้น คุณป้าที่ร้านก็คอยแนะนำเส้นทางและให้แผนที่มาด้วย น่ารักมากๆค่ะ
ไม่ขอเปิดเผยหน้าตาอันสวยงามค่ะ55555
เราสตาร์ทขี่จักรยานกันที่เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง
สถานที่แรกที่เราไปคือวัดมหาธาตุ ซึ่งการขี่จักรยานเที่ยวในอยุธยาก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรเลย ถนนที่นี่โล่งมากแถมมีทางจักรยานให้ด้วย เลิศมากจุดนี้
ในที่สุดเราก็มาถึงวัดมหาธาตุ ทั้งๆที่เป็นวันอาทิตย์แต่นักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย ส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง เหล่าอาจุมม่าจากเกาหลีและอาซิ้มจากเมืองจีน คนไทยน้อยมาก
จอดจักรยานกันหน้าป้ายนี้เลย
ตั๋วเข้าชม คนไทยคนละ10บาท
เศียรพระพุทธรูปหินทราย อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของวัดมหาธาตุ
พระพุทธรูปที่อยู่ภายในวัด
ต่อไปเป็นบริเวณต่างๆในวัด อากาศร้อนแต่มีลมเดินเพลินมากๆ
เดินชมเดินถ่ายรูปกันสักพักใหญ่ก็ออกเดินทางไปที่วัดราชบูรณะที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนัก
ข้างกันนั่นแหละค่ะ แต่เห็นเขาทำการบูรณะกันอยู่เลยไม่ได้เข้าไป(จริงๆเข้าได้นะคะ)
แล้วเราก็ออกขี่จักรยานต่อกันไปตามทางจักรยาน
ไปต่อที่วัดพระนอนหรือชื่อวัดโลกยสุทธาราม
วัดนี้จะเข้าไปลึกหน่อยขี่ไปก็ไม่แน่ใจเท่าไรทำไมเจอแต่บ้านคนรถสักคันผ่านก็ไม่มี
แต่ประจวบเหมาะกับช่วงที่มีทัวร์จีนลงพอดีค่ะเลยขี่ตามลูกเดียว
ที่วัดพระนอนก็ถ่ายรูปกันไปนิดหน่อยไม่ได้เดินเข้าไปข้างในเช่นกัน
แล้วก็นั่งพักกันพอเหงื่อแห้งขี่ต่อไปตามทางจักรยานเรื่อยๆย้อนกลับไปทางเดิมที่เคยผ่านมา
ช่วงนี้เราไม่ได้หยุดขี่จักรยานกันเลยค่ะ เพราะทางจักรยานที่นี่ขี่สบายชมวิวสองข้างทางเพลินมาก
เรียกได้ว่าแดดร้อนก็บ่ยั่น ทำให้1ชั่วโมงนี้เราไม่ได้แวะไหนกันเลยขี่มาชมวิวล้วนๆ
ระหว่างทางก็ขี่ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมากเลยค่ะ วัดธรรมิราช วัดพระราม คุ้มขุนแผน
พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าอู่ทอง ศาลหลักเมือง วังช้างอยุธยาแลพนียด
ทริปเหมาน้ำ แวะซื้อน้ำกันตลอดทาง555
ทางจักรยานอยุธยา
ขี่ช้างเที่ยวก็มี
แวะถ่ายป้ายวังช้างสักหน่อย
พี่ช้างกำลังอาบน้ำอยู่เลย
ขี่จักรยานชมวิวจนพอใจกันแล้ว เราก็ออกเดินทางไป2สถานที่สุดท้ายก่อนจะกลับกัน
ที่แรกวิหารพระมงคลบพิตร
คนค่อนข้างเยอะเลยทั้งไทยทั้งเทศ
เสี่ยงเซียมซี ดวงจะดีหรือร้าย
พอไหว้พระเสี่ยงเซียมซีเสร็จก็เดินไปที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ที่อยู่ข้างๆ
เหมือนเดิมค่ะ ค่าเข้าชมคนละ10บาท
วันนี้ท้องฟ้าสวยมากๆ ตอนถ่ายย้อนแสง ปรับไปเยอะกว่าจะเห็นตัวเจดีย์
พอไม่ปรับแสงแล้วดูขลังดีเหมือนกัน
เจดีย์สามองค์ สัญลักษณ์ของวัดพระศรีสรรเพชญ์
เราสองคนใช้เวลาเดินชมวัดพระศรีสรรเพชญ์กันพักใหญ่เลยค่ะ
เพราะภายในวัดกว้างมาก เดินแล้วก็เพลิน ได้มุมถ่ายรูปสวยๆเยอะ
แถมเป็นวัดสุดท้ายก่อนจะกลับด้วย ต้องอยู่ให้คุ้ม10บาทที่เสียไป
ขากลับคืนจักรยานเรียบร้อย ก็แอบแวะเติมพลังหาขนมทานที่ห้างอัมพรสักหน่อย
เป็นเพราะพวกเราทำการบ้านกันมาไม่ดี เป็นทริปกะทันหันจริงๆ
เลยไม่ได้เที่ยวเยอะ ของกินที่ขึ้นชื่ออย่างโรตีสายไหมก็ไม่ได้ติดไม้ติดมือกลับมา
สงสัยจะต้องมีรอบแก้ตัวเนอะ5555
บรรยากาศระหว่างรอเรือข้ามฟาก
คุณลุงแอบมองกล้องนะเนี่ย
รถไฟขากลับที่เราจะขึ้นนั้นเทียบชานชาลาสถานีอยุธยาเวลา18.47น.
เป็นขบวน210 บ้านตาคลี-กรุงเทพ
เก็บภาพบรรยากาศก่อนรถไฟมากับท้องฟ้าสีหวานเย็น
สงวนใบหน้าเช่นเคย selfieกับรถไฟไทยเก๋ๆ
แล้วเจอกันใหม่นะอยุธยา
รถไฟออกแล้ว สองข้างทางสวยมากๆ
ห่วงจับกลมๆให้อารมณ์รถไฟญี่ปุ่น
โฮปเวลก็มา
ถึงหัวลำโพงแล้ว
ค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ไม่ถึง500บาทค่ะ คุ้มค่า ประหยัด สนุกสนาน ได้ออกกำลังกาย
เราพลาดตรงที่ไม่ได้เตรียมน้ำขวดไปค่ะ ซึ่งการขี่จักรยานตลอด4ชม.น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญมาก
เราแวะซื้อน้ำกันตลอดทาง หมดเงินกับค่าน้ำไปเป็น100เลย555555
แนะนำละกันค่ะว่าควรเตรียมน้ำขวดใหญ่มาตั้งแต่ออกจากบ้านเลย
อยุธยาเป็นจังหวัดที่มีเสน่ห์มาก ไปแล้วก็อยากกลับไปอีกครั้ง
วัดวาอารามธรรมชาติสวยงามสมเป็นเมืองเก่าจริงๆ
ถ้ามีเวลาอยากให้ไปเที่ยวกันค่ะ วันเดียวก็เที่ยวคุ้ม
ไม่ไกลจากกรุงเทพ การคมนาคมก็สะดวกสบาย
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบนะคะ
เป็นครั้งแรกที่ลองรีวิวเที่ยวดู ติชิมได้นะคะ จะนำข้อติชมไปปรับปรุงแก้ไข
ไว้ได้ไปเที่ยวที่ไหนจะมาอัพอีกแน่นอนค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น