มี Mission หนึ่ง ที่เราคิดว่าต้องทำให้ได้สักครั้งในชีวิต นั่นคือ การไปเที่ยวคนเดียว ถึงแม้ปกติชีวิตประจำวัน เราก็ไปไหนมาไหนคนเดียวตลอดอยู่แล้ว กินข้าว ดูหนัง ดูคอนเสิร์ต แต่การไปเที่ยวคนเดียวนี่ได้แต่คิด ไม่เคยกล้าทำสักที แต่คราวนี้ล่ะ “เราต้องทำให้ได้”
“อยุธยา” เป็นจุดหมายที่เราเลือก เหตุผลแรกเลยคือ “ใกล้” และก็ไม่ได้ไปนานแล้ว ล่าสุดก็น่าจะประมาณ 10 ขวบ ตอนนี้ 26 ขวบละ
เหตุผลที่ 2 คือ “ถูก” เพราะเราจะเดินทางด้วยรถไฟกันจ้าาาาา
ก่อนเดินทาง เราจะลิสต์รายการว่าเราอยากจะไปที่ไหนบ้าง ก็ลิสต์มาเยอะมาก แต่หลักๆที่ตั้งใจจะไปคือ วัดไชยวัฒนาราม
วัดมหาธาตุ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดใหญ่ชัยมงคล
เช้าวันเดินทาง ฝนพรำ อากาศครึ้ม ได้แต่หวังว่าไปถึงอยุธยา อากาศน่าจะดีกว่านี้ นั่งวินมอไซค์ และรถตู้มาที่สถานีรถไฟบางเขน ออกเดินทางด้วยรถไฟ (ไม่ฟรี) ค่าตั๋ว 20 บาท นั่งจากสถานีรถไฟบางเขนไปที่สถานีอยุธยา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เมื่อถึงสถานีอยุธยาเดินไปฝั่งตรงข้าม จะมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ เช่าจักรยาน แต่นี่ยังไม่ใช่จุดหมายของเรา เดินตรงเข้าไปอีกจะเจอเรือข้ามฟาก เมื่อข้ามฟากไป เราเลือกเช่าจักรยานที่ร้านแรกเลย ราคา 50 บาทต่อวัน lพี่เค้าจะแนะนำเส้นทางให้ ถ้ามีจุดหมายไหนที่อยากไป สอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ ใช้บัตรประชาชนในการเช่านะคะ เมื่อกายพร้อม ใจพร้อม พาหนะพร้อม เราก็ไปกันเลยยยยยย
จุดหมายแรกคือ วัดมหาธาตุ วัดที่มีเศียรพระพุทธรูปในต้นไม้ แต่ด้วยวันนี้คนค่อนข้างเยอะ ต่อแถวถ่ายรูปกับเศียรพระกันเยอะมาก เราก็เลยถ่ายแค่เศียรพระมา ไม่ได้ถ่ายคู่ แล้วเดินสำรวจวัด หามุมเหมาะๆ วางขาตั้งกล้อง ตั้งเวลาถ่ายรูปแล้วก็ วิ่งงงงง ไปแอคท่าตามใจชอบเลยจ้า
ถ่ายรูปจนหนำใจ ชักจะหิวแล้วสิ เลยปั่นจักรยาน ไปทานก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือลุงเล็ก สี่แยกโรงเรียนอนุบาลพระนครศรีอยุธยา ร้านนี้พี่ที่ร้านเช่าจักรยานแนะนำมาค่ะ เห็นว่าเป็นร้านเก่าแก่ ด้วยที่ยังไม่ทานมื้อเช้าเลยจัดรวบยอดไป เล็กหมูน้ำตก 2 อิ่มอร่อย ในราคา 80 บาท หิวจัดเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย โซ๊ยอย่างเดียว เติมพลังแล้วปั่นวนไปค่ะ
เป้าหมายถัดไปคือวัดพระศรีสรรเพชญ์ ก็ปั่นลัดเลาะไป เห็นป้ายบอกทางเราก็ปั่นๆๆ เจอวัดพระราม วัดมงคลบพิตร ยังไม่เจอเป้าหมายหลักถึงอยากถ่ายรูปเราก็จะไม่แวะ ก็ปั่นไปอีก ปั่นๆไป เอ๊ะ!!! ถ้าเลยไปอีกนี่ไม่มีวัดแล้วนะเลยย้อนกลับไปอีกรอบ ก็ยังไม่เจอไม่ได้การละ หาเองคงไม่เจอแน่ๆ เลยจอดรถจักรยานถามพี่ๆ ที่เก็บค่าเข้าชม ว่าวัดพระศรีสรรเพชญ์ไปทางไหนคะ พี่ๆเขาตอบอยู่นี่ค่ะ แหมมมมม อยู่ติดวัดมงคลบพิตร ที่เราเมินไปตอนแรกเลยค่ะ
ตอนนี้เวลาสักประมาณเที่ยงๆ บ่ายๆ แดดกำลังจัดเลยค่ะ ท้องฟ้ากำลังสวย วัดพระศรีสรรเพชญ์ ตั้งอยู่ในเขตพระราชวังโบราณ เป็นวัดพุทธาวาสที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาเพื่อประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ ของบ้านเมือง และเก็บอัฐิของพระมหากษัตริย์ เป็นต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานครค่ะ ใช้เวลาที่วัดนี้ไม่นาน เดินรอบๆ วัด ถ่ายรูปนิดหน่อย วัดถัดไป ตั้งใจจะไปวัดไชยวัฒนาราม ได้ข้อมูลมาว่าไกลแล้วยังต้องปั่นข้ามสะพานด้วย ตอนแรกก็ลังเล กลัวปั่นไม่ไหว แต่ไหนๆก็มาแล้วน่า เราต้องสู้ ปั่นไปวัดไชยวัฒนาราม ปั่นไปปั่นมาไปโผล่วัดโลกยสุธาราม ได้ยังไงก็ไม่รู้ จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ มีพระพุทธไสยาสน์ ปางไสยาสน์ ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา ไหว้พระ แล้วนั่งพักดื่มน้ำดื่มท่า แล้วมาดูแผนที่อีกครั้ง หายเหนื่อยแล้วลุยต่อ
ออกจากวัดพระนอน
ดูแผนที่แล้วต้องเลี้ยวขวาเพื่อตัดขึ้นถนนอู่ทอง แต่ดันตัดผิดซอย เข้าไปในพื้นที่ราชการ เหมือนเป็นพื้นที่ทหาร เราก็ไม่แน่ใจว่าคือที่ไหน แต่สามารถตัดขึ้นถนนอู่ทองได้เหมือนกัน เมื่อเข้าเส้นหลักแล้วก็ปั่นไป วัดไชยวัฒนาราม ความยากมันอยู่ที่การปั่นขึ้นสะพาน สูงม๊ากกกกกกกกกกก สำรวจกำลังตัวเองแล้ว ลงเข็นน่าจะดีกว่า ฮ่าๆๆ ลงจากสะพานซอยเข้าวัดจะอยู่ซ้ายมือ ปั่นไม่ไกล ก็ถึงวัดแล้วค่ะ วัดไชยวัฒนารามเป็นวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง โดยเดิมบริเวณที่ตั้งของวัดแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของพระราชมารดาที่ได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนที่พระเจ้าปราสาททองได้เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ เมื่อพระองค์ได้เสวยราชสมบัติ พระองค์จึงได้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญนี้ให้กับพระราชมารดาของพระองค์ และอีกประการหนึ่งวัดนี้อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมรด้วย จึงทำให้มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งมาจากปราสาทนครวัด
นั่งพักเหนื่อยที่ศาลา เงยหน้าขึ้นมา คุณพระ ฝรั่งหล่อมากกกก ใจสาวสั่นระรัว เสียด๊ายยย ไม่น่าพกแฟนมาด้วย
เข้าชมวัดได้สักครู่ ฝนจากกรุงเทพก็ตามเรามา เทแล้วหยุด หยุดแล้วเท จนมองๆดูแล้วน่าจะปลอดภัยก็เลยปั่นกลับ ตัดใจจากวัดใหญ่ชัยมงคลเนื่องจากอยู่คนละฝั่ง ปั่นผ่านถนนสายโรตี ฝนก็ตกลงมาอีก จอดรถใส่เสื้อกันฝนแล้วปั่นต่อ แต่คุณคะ พอดิฉันใส่เสื้อกันฝน ฝนไม่ยอมตกอีกเลยค่ะ แต่ก็ไม่อยากจะถอดละ เผื่อนางจะตกมาอีก ปั่นเอาจักรยานไปคืน ขึ้นเรือกลับ แวะซื้อข้าวเหนียวไก่ทอด ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ 3 น่อง 20 อร่อยจังเลยยยยยยยยย ซื้อตั๋วรถไฟกลับกรุงเทพอย่างอิ่มเอมใจ Mission Complete
ความจริงเที่ยวคนเดียวก็ไม่น่ากลัวนะ แค่เราต้องระมัดระวังตัว รู้จักสังเกตุ อย่างเราเอาโทรศัพท์ไปตั้งถ่ายรูปยิ่งต้องระมัดระวังตัว อย่าไปที่คนน้อยเกินหรือพลุกพล่านเกิน เตรียมพร้อมให้มากไอ้ที่จะมานั่งก้มหน้าก้มตาจิ้มมือถือนี่ไม่ได้เลยนะ แต่เราเรียนรู้อีกอย่างนะว่าถ้าจะตั้งกล้องถ่ายเอง ควรมีรีโมทบลูทูธ เพราะไอ้การตั้งเวลาถ่าย แล้ววิ่งไปแอคนี่ เหนื่อยยยยยมากกกกก กว่าจะได้รูปที่ถูกใจสักรูป ปล.รูปบรรยากาศ ไม่ได้ถ่ายมาเท่าไหร่นะคะ เพราะไม่มีฝีมือในการถ่ายภาพเลย แฮ่ๆๆ
สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป
[CR] Alone But Not Lonely : One day trip @ Ayutthaya
มี Mission หนึ่ง ที่เราคิดว่าต้องทำให้ได้สักครั้งในชีวิต นั่นคือ การไปเที่ยวคนเดียว ถึงแม้ปกติชีวิตประจำวัน เราก็ไปไหนมาไหนคนเดียวตลอดอยู่แล้ว กินข้าว ดูหนัง ดูคอนเสิร์ต แต่การไปเที่ยวคนเดียวนี่ได้แต่คิด ไม่เคยกล้าทำสักที แต่คราวนี้ล่ะ “เราต้องทำให้ได้”
“อยุธยา” เป็นจุดหมายที่เราเลือก เหตุผลแรกเลยคือ “ใกล้” และก็ไม่ได้ไปนานแล้ว ล่าสุดก็น่าจะประมาณ 10 ขวบ ตอนนี้ 26 ขวบละ
เหตุผลที่ 2 คือ “ถูก” เพราะเราจะเดินทางด้วยรถไฟกันจ้าาาาา
ก่อนเดินทาง เราจะลิสต์รายการว่าเราอยากจะไปที่ไหนบ้าง ก็ลิสต์มาเยอะมาก แต่หลักๆที่ตั้งใจจะไปคือ วัดไชยวัฒนาราม
วัดมหาธาตุ วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดใหญ่ชัยมงคล
เช้าวันเดินทาง ฝนพรำ อากาศครึ้ม ได้แต่หวังว่าไปถึงอยุธยา อากาศน่าจะดีกว่านี้ นั่งวินมอไซค์ และรถตู้มาที่สถานีรถไฟบางเขน ออกเดินทางด้วยรถไฟ (ไม่ฟรี) ค่าตั๋ว 20 บาท นั่งจากสถานีรถไฟบางเขนไปที่สถานีอยุธยา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เมื่อถึงสถานีอยุธยาเดินไปฝั่งตรงข้าม จะมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ เช่าจักรยาน แต่นี่ยังไม่ใช่จุดหมายของเรา เดินตรงเข้าไปอีกจะเจอเรือข้ามฟาก เมื่อข้ามฟากไป เราเลือกเช่าจักรยานที่ร้านแรกเลย ราคา 50 บาทต่อวัน lพี่เค้าจะแนะนำเส้นทางให้ ถ้ามีจุดหมายไหนที่อยากไป สอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ ใช้บัตรประชาชนในการเช่านะคะ เมื่อกายพร้อม ใจพร้อม พาหนะพร้อม เราก็ไปกันเลยยยยยย
จุดหมายแรกคือ วัดมหาธาตุ วัดที่มีเศียรพระพุทธรูปในต้นไม้ แต่ด้วยวันนี้คนค่อนข้างเยอะ ต่อแถวถ่ายรูปกับเศียรพระกันเยอะมาก เราก็เลยถ่ายแค่เศียรพระมา ไม่ได้ถ่ายคู่ แล้วเดินสำรวจวัด หามุมเหมาะๆ วางขาตั้งกล้อง ตั้งเวลาถ่ายรูปแล้วก็ วิ่งงงงง ไปแอคท่าตามใจชอบเลยจ้า
ถ่ายรูปจนหนำใจ ชักจะหิวแล้วสิ เลยปั่นจักรยาน ไปทานก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือลุงเล็ก สี่แยกโรงเรียนอนุบาลพระนครศรีอยุธยา ร้านนี้พี่ที่ร้านเช่าจักรยานแนะนำมาค่ะ เห็นว่าเป็นร้านเก่าแก่ ด้วยที่ยังไม่ทานมื้อเช้าเลยจัดรวบยอดไป เล็กหมูน้ำตก 2 อิ่มอร่อย ในราคา 80 บาท หิวจัดเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย โซ๊ยอย่างเดียว เติมพลังแล้วปั่นวนไปค่ะ
เป้าหมายถัดไปคือวัดพระศรีสรรเพชญ์ ก็ปั่นลัดเลาะไป เห็นป้ายบอกทางเราก็ปั่นๆๆ เจอวัดพระราม วัดมงคลบพิตร ยังไม่เจอเป้าหมายหลักถึงอยากถ่ายรูปเราก็จะไม่แวะ ก็ปั่นไปอีก ปั่นๆไป เอ๊ะ!!! ถ้าเลยไปอีกนี่ไม่มีวัดแล้วนะเลยย้อนกลับไปอีกรอบ ก็ยังไม่เจอไม่ได้การละ หาเองคงไม่เจอแน่ๆ เลยจอดรถจักรยานถามพี่ๆ ที่เก็บค่าเข้าชม ว่าวัดพระศรีสรรเพชญ์ไปทางไหนคะ พี่ๆเขาตอบอยู่นี่ค่ะ แหมมมมม อยู่ติดวัดมงคลบพิตร ที่เราเมินไปตอนแรกเลยค่ะ
ตอนนี้เวลาสักประมาณเที่ยงๆ บ่ายๆ แดดกำลังจัดเลยค่ะ ท้องฟ้ากำลังสวย วัดพระศรีสรรเพชญ์ ตั้งอยู่ในเขตพระราชวังโบราณ เป็นวัดพุทธาวาสที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาเพื่อประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ ของบ้านเมือง และเก็บอัฐิของพระมหากษัตริย์ เป็นต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานครค่ะ ใช้เวลาที่วัดนี้ไม่นาน เดินรอบๆ วัด ถ่ายรูปนิดหน่อย วัดถัดไป ตั้งใจจะไปวัดไชยวัฒนาราม ได้ข้อมูลมาว่าไกลแล้วยังต้องปั่นข้ามสะพานด้วย ตอนแรกก็ลังเล กลัวปั่นไม่ไหว แต่ไหนๆก็มาแล้วน่า เราต้องสู้ ปั่นไปวัดไชยวัฒนาราม ปั่นไปปั่นมาไปโผล่วัดโลกยสุธาราม ได้ยังไงก็ไม่รู้ จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ มีพระพุทธไสยาสน์ ปางไสยาสน์ ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา ไหว้พระ แล้วนั่งพักดื่มน้ำดื่มท่า แล้วมาดูแผนที่อีกครั้ง หายเหนื่อยแล้วลุยต่อ
ออกจากวัดพระนอน
ดูแผนที่แล้วต้องเลี้ยวขวาเพื่อตัดขึ้นถนนอู่ทอง แต่ดันตัดผิดซอย เข้าไปในพื้นที่ราชการ เหมือนเป็นพื้นที่ทหาร เราก็ไม่แน่ใจว่าคือที่ไหน แต่สามารถตัดขึ้นถนนอู่ทองได้เหมือนกัน เมื่อเข้าเส้นหลักแล้วก็ปั่นไป วัดไชยวัฒนาราม ความยากมันอยู่ที่การปั่นขึ้นสะพาน สูงม๊ากกกกกกกกกกก สำรวจกำลังตัวเองแล้ว ลงเข็นน่าจะดีกว่า ฮ่าๆๆ ลงจากสะพานซอยเข้าวัดจะอยู่ซ้ายมือ ปั่นไม่ไกล ก็ถึงวัดแล้วค่ะ วัดไชยวัฒนารามเป็นวัดสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปราสาททอง โดยเดิมบริเวณที่ตั้งของวัดแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของพระราชมารดาที่ได้สิ้นพระชนม์ไปก่อนที่พระเจ้าปราสาททองได้เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ เมื่อพระองค์ได้เสวยราชสมบัติ พระองค์จึงได้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นเพื่ออุทิศผลบุญนี้ให้กับพระราชมารดาของพระองค์ และอีกประการหนึ่งวัดนี้อาจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือเขมรด้วย จึงทำให้มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมส่วนหนึ่งมาจากปราสาทนครวัด
นั่งพักเหนื่อยที่ศาลา เงยหน้าขึ้นมา คุณพระ ฝรั่งหล่อมากกกก ใจสาวสั่นระรัว เสียด๊ายยย ไม่น่าพกแฟนมาด้วย
เข้าชมวัดได้สักครู่ ฝนจากกรุงเทพก็ตามเรามา เทแล้วหยุด หยุดแล้วเท จนมองๆดูแล้วน่าจะปลอดภัยก็เลยปั่นกลับ ตัดใจจากวัดใหญ่ชัยมงคลเนื่องจากอยู่คนละฝั่ง ปั่นผ่านถนนสายโรตี ฝนก็ตกลงมาอีก จอดรถใส่เสื้อกันฝนแล้วปั่นต่อ แต่คุณคะ พอดิฉันใส่เสื้อกันฝน ฝนไม่ยอมตกอีกเลยค่ะ แต่ก็ไม่อยากจะถอดละ เผื่อนางจะตกมาอีก ปั่นเอาจักรยานไปคืน ขึ้นเรือกลับ แวะซื้อข้าวเหนียวไก่ทอด ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ 3 น่อง 20 อร่อยจังเลยยยยยยยยย ซื้อตั๋วรถไฟกลับกรุงเทพอย่างอิ่มเอมใจ Mission Complete
ความจริงเที่ยวคนเดียวก็ไม่น่ากลัวนะ แค่เราต้องระมัดระวังตัว รู้จักสังเกตุ อย่างเราเอาโทรศัพท์ไปตั้งถ่ายรูปยิ่งต้องระมัดระวังตัว อย่าไปที่คนน้อยเกินหรือพลุกพล่านเกิน เตรียมพร้อมให้มากไอ้ที่จะมานั่งก้มหน้าก้มตาจิ้มมือถือนี่ไม่ได้เลยนะ แต่เราเรียนรู้อีกอย่างนะว่าถ้าจะตั้งกล้องถ่ายเอง ควรมีรีโมทบลูทูธ เพราะไอ้การตั้งเวลาถ่าย แล้ววิ่งไปแอคนี่ เหนื่อยยยยยมากกกกก กว่าจะได้รูปที่ถูกใจสักรูป ปล.รูปบรรยากาศ ไม่ได้ถ่ายมาเท่าไหร่นะคะ เพราะไม่มีฝีมือในการถ่ายภาพเลย แฮ่ๆๆ
สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป