ย้อนรอย 2549 ซี๊ดดดด....อูยย..... -108 จุด ในวันเดียว ขา S รวย

กระทู้สนทนา
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2006q4/2006dec20p1.htm

ยาแรง ธปท.ตลาดทรุด 108 จุด "อุ๋ย" ต้องถอย

มติชนรายวัน  วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 29 ฉบับที่ 10511

เลิกกัก "เงินนอก" ซื้อหุ้น30% "ตราสารหนี้-ตลาดเงิน" คงเดิม วิกฤตสุด30ปี-หายวับ8แสนล

ต่างชาติผวามาตรการสกัดบาทแข็งแบงก์ชาติ ถล่มขายหุ้นฉุดดัชนีรูดวันเดียว 108 จุด มาร์เก็ตแคปหายวับ 8 แสนล้าน ตลาดฯต้องหยุดซื้อขายชั่วคราวมาเบรก ก.ล.ต.ยื่น ธปท.เลิกกัก 30% เฉพาะเงินเข้ามาซื้อหุ้น โบรกฯ หวั่นถ้ายังฝืนเดินหน้า ตลาดหุ้นไปไม่รอด ต่างชาติเทขายต่อแน่ ครม.ตะลึงหลังรับรายงาน "สุรยุทธ์"ให้"อุ๋ย"ออกมาแจง ก่อนยอมเรียกประชุมด่วนสั่งยกเลิก

จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาตรการเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม เพื่อดูแลเงินทุนนำเข้าระยะสั้นเพื่อป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท ด้วยการกำหนดให้สถาบันการเงิน ที่รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจากลูกค้า จะต้องกันเงินของลูกค้าไว้ 30% ของจำนวนเงินที่นำมาแลก และให้คืนเงินที่กันไว้เมื่อครบ 1 ปี ซึ่งหากมีการนำเงินออกก่อน 1 ปี จะได้รับเงินที่กันสำรองไว้เพียง 2 ใน 3 เท่านั้น โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคมเป็นต้นไป

ผลจากมาตรการดังกล่าว ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างแรงทันที กว่าจะปิดตลาดก็ลดลง 108.41 จุด หรือ 14.84% มูลค่าหุ้นตามตลาดลดลง 8.2 แสนล้านบาท มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ภาวะดังกล่าวทำให้ ธปท.ต้องเรียกประชุมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ในช่วงบ่าย และ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตัดสินใจเรียก ประชุมผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ และโบรกเกอร์ในช่วงเย็นเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

**ตปท.เทขายฉุดหุ้นรูด108จุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ได้รับผลกระทบ จากมาตรการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท ของธปท. อย่างหนัก โดยดัชนีเปิดการซื้อขายที่ระดับ 721.85 จุด ลดลงทันที 8.7 จุด และลดลงต่อเนื่อง จนดัชนีหลุด 700 จุด กระทั่งลดลง 74.06 จุด มาอยู่ที่ 656.59 จุด ลดลง 10.14% ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องใช้มาตรการหยุดการซื้อขายอัตโนมัติ (เซอร์กิต เบรกเกอร์) ชั่วคราวเป็นเวลา 30 นาที เมื่อเวลา 11.29 น. ก่อนจะเปิดให้ซื้อขายอีกครั้งในเวลา 11.59 น. ทำให้ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ก่อนปิดตลาดช่วงเช้า

ส่วนช่วงบ่าย ปรากฏว่าดัชนีได้ลดลงจนทะลุ 100 จุด หลังจากที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายืนยันว่า จะไม่ผ่อนคลาย มาตรการป้องกันการเก็งกำไรค่าเงินบาท โดยดัชนีลดลงไปต่ำสุดที่ระดับ 587.92 จุด ลดลง 142.63 จุด หรือ 19.52% ก่อนจะเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 622.14 จุด ลดลง 108.41 จุด หรือ 14.84% มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 72,131.55 ล้านบาท

โดยพบว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 25,121.58 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,895.52 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 28,017.10 ล้านบาท ส่วนมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแค็ป) อยู่ที่ 4.63 ล้านล้านบาท ลดลง 8.2 แสนล้านบาท จากวันก่อนหน้า (18 ธันวาคม) ที่มีมาร์เก็ตแค็ปที่ 5.45 ล้านล้านบาท

**ตลาดงัดม.หยุดซื้อขายเบรกดัชนี

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทของ ธปท.กระทบการลงทุนในตลาดอย่างรุนแรง จนกระทั่งต้องใช้มาตรการ หยุดการซื้อขายอัตโนมัติ หรือเซอร์กิต เบรกเกอร์ เป็นเวลา 30 นาที ซึ่งถือเป็นการใช้มาตรการดังกล่าวครั้งแรก ตั้งแต่เตรียมมาตรการไว้ในปี 2542 และยอมรับว่า มาตรการครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นรุนแรงที่สุด โดยดัชนีหุ้นเคยลดลงมากสุด 10% เมื่อช่วงเหตุการณ์แบล็คมันเดย์ (19 ต.ค.2530) ขณะที่ช่วงเหตุการณ์วินาศกรรมตึกเวิลด์เทรด เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ดัชนีลดลงต่ำสุด 9.7% แต่ครั้งนี้เกือบ 20%

**ประเมินก่อนเสนอธปท.ทบทวน

นางภัทรียากล่าวว่า ช่วงเปิดตลาดหุ้นได้ประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นให้กับ ธปท. เพื่อให้ทบทวน และผ่อนคลายมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงิน ในส่วนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น โดยต้องการให้ ธปท.แยกมาตรการให้เป็นคนละส่วนกับการเข้ามาในตลาดเงิน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากเกินไป

นางภัทรียากล่าวว่า จากการตรวจสอบกับบริษัทหลักทรัพย์ พบว่านักลงทุนที่เทขายหุ้นออกมาในช่วงเช้า เป็นนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าเป็นนักลงทุนระยะสั้น โดยแรงขายเกิดจากความสับสนไม่เข้าใจมาตรการของ ธปท. และไม่แน่ใจว่าจะใช้มาตรการนี้นานเพียงใด ส่วนนักลงทุนต่างประเทศที่ต้องการลงทุนระยะยาวเชื่อว่า ยังไม่ออกไปจากตลาดหุ้นไทย โดยตั้งแต่ต้นปี 2549 ต่างชาติยังมียอดซื้อสุทธิอยู่กว่า1 แสนล้านบาท

**ก.ล.ต.วอนธปท.กันผลกระทบหุ้น

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนักลงทุนต่างประเทศได้ข้อมูลว่า บางรายมีความกังวลว่า ธปท.จะมีมาตรการอื่นอีกในอนาคต นอกจากที่ประกาศไปแล้ว จึงอยากจะขอให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอการขายและรับฟังข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนก่อน เซ็ง - นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติย่านถนนข้าวสารกำลังแลกเงินอยู่หน้าตู้บริการรับแลกเปลี่ยนเงินตราด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ขณะที่ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม

อย่างไรก็ตาม นายธีระชัยกล่าวว่า มาตรการดังกล่าว หากสามารถแยกแยะ ให้มีผลควบคุมแต่เฉพาะผู้ที่นำเงินเข้ามา เก็งกำไรค่าเงิน โดยกันไม่ให้มีผลกระทบต่อผู้ที่นำเงินมาลงทุนในหุ้นได้ก็จะดีกว่า โดย ก.ล.ต.จะลองศึกษาแนวทาง หากจะสามารถยกเว้นเฉพาะตลาดหลักทรัพย์เพื่อยกขึ้นหารือกับ ธปท.ต่อไป

**"อุ๋ย"ไม่แทรกแซง-ชี้เงินขายหุ้นอยู่ในไทย

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการที่ ธปท.ออกมาสกัดการเก็งกำไรค่าบาทครั้งนี้ ถือเป็นมาตรการที่ดีมาก แม้ว่าอาจจะทำให้การลงทุนในตลาด หลักทรัพย์ชะงักงันไปเล็กน้อย แต่จากการประเมินสถานการณ์ถือว่าต้องทำ เพื่อไม่ให้เงินทุนจากภายนอก ไหลเข้ามาภายในประเทศไทยมากเกินไป ธปท.จึงไม่มีทางเลือก เพราะเห็นชัดว่าเงินที่ไหลออกจากตลาดหลัก ทรัพย์ไม่ได้นำไปซื้อดอลลาร์เพื่อนำเงินกลับประเทศ แต่พบว่าวนเวียนในตราสารหนี้ระยะสั้นหรือ commacial paper ต่างๆ ที่ นอนเรสสิเดนท์ (ผู้มีถิ่นฐานนอกประเทศ) ถือกว่า 1 แสนล้านบาท จึงแน่ชัดว่าเป็นเงินที่ไหลเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาท หากปล่อยไว้เงินบาทจะทะลุ 34-35 บาทต่ดอลลาร์

"ผมเดาไว้แล้วหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ต้องลงมาเยอะ แต่รัฐบาลขอยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซง เราปล่อยให้ผลของมาตรการออกมาอย่างเต็มที่ โดยไม่แทรกแซงใดๆ เลย เพื่อเวลาที่เราดึงกลับมามันจะง่ายกว่า" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์คงจะปรับตัวอีก 2-3 วัน จากนั้นจะเข้ารูปเข้ารอย ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องทบทวนหรือเปลี่ยนแปลงมาตรการที่ประกาศใช้ไปแล้ว

"ดัชนีร่วงครั้งนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยค่อนข้างดี เรื่องนี้เป็นปัญหาต่อบริษัทที่เล่นหุ้น และนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาเก็งกำไร ตลอดจนเป็นเรื่องที่คนรวยซื้อขายกัน เราควรช่วยคนยากคนจนดีกว่า ส่วนนักลงทุนก็มีทางออกของเขา" รองนายกรัฐมนตรีกล่าว

**ครม.ตกใจ-นายกฯมอบ"อุ๋ย"แจง

รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งว่า ระหว่างการประชุม ครม. นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้แจ้งต่อ ครม.ทราบว่าดัชนีหุ้นตกไปกว่า 100 จุด ส่งผลให้รัฐมนตรีแทบทุกคนตกใจ และไม่สบายใจ จากนั้นเวลา 14.00 น. จึงมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือใน ครม.เป็นการด่วน โดย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ได้รายงานให้ทราบว่า ได้ติดตามเงินที่ไหลเข้าประเทศในช่วงนี้มาแล้ว 2-3 สัปดาห์ โดยพบว่าเป็นเม็ดเงินที่เข้ามา เพื่อเก็งกำไรค่าเงินบาท และทราบด้วยว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใด และเงินไหลไปประเทศใด คาดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่า จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยในระยะเวลาสั้นๆ และไม่ส่งผลกระทบระยะยาว อย่างไรก็ตาม ก่อนเลิกประชุม ครม. พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายก รัฐมนตรี ได้สั่งการให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อสื่อมวลชน

พล.อ.สุรยุทธ์แถลงภายหลังการประชุม ครม. ว่า ได้ให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเป็นผู้ชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่ ธปท.ได้ดำเนินการ และรัฐบาลได้เตรียมการที่จะหาทางแก้ไขอยู่แล้ว ในการรักษาการเงินการคลัง

**โบรกฯเชื่อต่างชาติกำไรกว่า20%

ด้านความเคลื่อนไหวของบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) พบว่าส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการของ ธปท. โดยนายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บีฟิท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มาตรการของ ธปท. ที่ออกมาส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยโดยตรง นักลงทุนต่างชาติที่กังวลกับมาตรการดังกล่าว พากันเทขายหุ้นออกมาก่อน และเชื่อว่าการจะดึงให้ผู้ลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนใหม่ในเร็วๆ นี้คงเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตามการเทขายของนักลงทุนต่างชาติรอบนี้ เชื่อว่าคงมีกำไรจากการลงทุนไม่น้อยกว่า 20% เพราะนักลงทุนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนตั้งแต่ค่าเงินบาทอยู่ระดับ 42 บาท ปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมา ระดับ 35 บาทกว่า หรือคิดเป็นการแข็งค่าขึ้นร่วม 20% ดังนั้นการขายหุ้นออกไป แม้จะไม่มีกำไรจากราคาหุ้น แต่ก็มีกำไรจากค่าเงินบาทอย่างแน่นอน" นายเอกพิทยากล่าว

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มาตรการของ ธปท.ถือว่าทำลายนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนอย่างสุจริต รวมทั้งทำลายบรรยากาศการลงทุน มูลค่าตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) หายไปภายในวันเดียวหลายแสนล้านบาท ธปท.ควรไปสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทในส่วนของตราสารหนี้มากกว่า

"มาตรการดังกล่าวออกมา แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้ที่ออกมาตรการว่าไม่มีความเข้าใจในความอ่อนไหวของตลาดหุ้น มาตรการของแบงก์ชาติยิ่งกว่าสงคราม โลก" นายก้องเกียรติกล่าว

ส่วนกระแสข่าวที่มีโบรกเกอร์บางแห่งมีการโยกหุ้นกัน เพื่อเทขายหุ้นออกมา นายก้องเกียรติกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ โบรกเกอร์ไม่ได้มีหุ้นในพอร์ตมากพอที่จะโยก และทำให้ดัชนีทรุดลงได้แรงขนาดนั้น แต่เป็นแรงขายจากต่างชาติล้วนๆ เพราะไม่พอใจมาตรการของ ธปท.


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่