เพื่อนในเฟสควรมีกี่คน สังเกตจากการ กระหน่ำ Like
เมื่อไม่นานมานี้ เราได้โพสรูปลงเฟสบุ๊คเพื่อแย่งชิงของรางวัลแบรนด์ดัง มูลค่าประมาณ 2000 บาท โดยเข้าไปร่วมสนุกกับสินค้าแบรนด์หนึ่ง ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติก็คงจะปล่อยตามมีตามเกิด ไอเจ้ารองเท้านั่นที่จริงก็ไม่ได้อยากได้ซักเท่าไหร่ จะให้ใส่ไปไหนเหรอ เดินห้าง เดินตลาด หรือไปทำงาน รองเท้าปกติธรรมดายังสะดุดเลย ถ้าเป็นคู่นี้ไม่ต้องพูดถึงคงไม่เวิค คงใส่ไปงานแต่ง งามพรอมต่างๆได้ แต่มันขึ้นอยู่กับตีมงานด้วยน้า เธอจะไม่แคร์เหรอยะ นั่นเป็นเพียงเกริ่นเริ่มต้น
แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงได้อยากชนะขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ เนื่องจากมีนางๆนึงโพสรูป และมียอดกดไลค์กว่า 200 ไลค์ ทำให้เกิดความรู้สึก อะไรวะเนี่ย สินค้าก็เพิ่มเริ่มมา คนก็ยังไม่รู้จัก และปกติ ไลค์ในเฟสนางก็ไม่ได้เยอะแยะพิศดารอะไร ทำไมอยากชนะขนาดนั้นเลยเหรอ (ประเด็นไปเอามาจากไหน 200 ไลค์ -*- ) (มีประเด็นเยอะกว่านั้นนิดหน่อย แต่ไม่ขอเล่านะคะ เอาเป็นว่า นางเจตนา ให้มียอดไลค์เยอะ 555 ) แค่เท่านั้นแหล่ะ ก็รู้สึกโกรธ โกรธในที่นี้อารมณ์เหมือนเด็กโดนเอาขนมไปอะไรอย่างนั้นนะคะ ก็ไม่ได้อะไร เลยเอามั่ง หาวิธีที่จะทำให้ยอดไลค์ขึ้นมาพรวดพราดแบบนั้น ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากมากสำหรับฉัน เพราะรูปที่มีคนไลค์เยอะที่สุดยังแค่ 80 กว่าคน และนั้นมันเป็นการโพสในวอลของฉันเอง แต่นี่ไปโพสวอลสินค้านั้น ใครมันจะไปเห็น และสามารถกดไลค์ได้ แท๊กชื่อตัวเองก็ยังไม่ขึ้นเลย ความซวยเริ่มมาเยือน เรื่องที่ยากอยู่แล้ว กลับยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แล้วทำไมนางนั้นถึงได้ไลค์เยอะขนาดนี้ (ก็คงจะใช้วิธีบอกต่อเนอะ และถ้าบอกต่อธรรมดา คงไม่เยอะขนาดนี้ ทำให้รู้ว่า ตั้งใจเอามากก ยิ่งทำให้อยากชนะ ) เอาวะ เราจะลองดูซักตั้งละกัน คนที่รู้จักช่วยให้เค้าไลค์ให้ก็ได้นี่นา แต่ว่ามันจะ 200 ได้ยังไงเนี่ย โอ้ยยยยยย ใครก็ได้ช่วยที จึงทำให้เป็นที่มาของเรื่องต่อไปนี้
เราเริ่มจากการ inbox ไปหาคนที่รู้จักสนิทคุ้นเคย ให้ช่วยกดไลค์ให้หน่อยรวมทั้งแชร์และแท๊ก ซึ่งไม่น่าจะยากลำบากอะไร แต่ว่ามันช้านะ กว่าจะเห็น กว่าจะไลค์ คนอื่นก็ไป ไหนต่อไหนละ เอาใหม่ inbox แบบส่งหลายๆคน จะได้เร็ว ส่ง link ไปเลย จะได้เห็นหลายๆคน และไลค์เร็วขึ้น แต่.....คนที่ตอบสนองกลับมาน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ส่งไป และก็ไม่ได้เข้าไปกดไลค์ด้วย นี่เป็นเวลาที่เริ่มคิดและเครียดขึ้นมา ( ในใจก็เอาแต่ถาม ไปเอามาจากไหนวะ 200 ไลค์ ทั้งๆที่ก็รู้คำตอบดี ) งั้นไม่เป็นไร เอาวิธีที่ได้ผลที่สุด เสียเวลาที่สุด ลำบากใจที่สุด ในการส่ง inbox ไปบอกแต่ละคน กลุ่มแรกเป็นคนที่สนิทและคุ้นเคย ถ้าขอให้ช่วยคงไม่ว่าอะไรเรา ก็เลยเริ่มส่ง link เลย ตามด้วยชื่อของคนที่เราขอร้อง เชื่อไหมส่วนใหญ่จะจำชื่อได้ มีน้อยมากที่ต้องมานั่งคิดว่าชื่ออะไร เพราะอะไรเหรอ คนกลุ่มแรกก็เป็นคนที่เราคุ้นเคยอยู่แล้วไง แต่บางคนเราไม่ได้คุยนาน ก็ลืมชื่อเล่นไปบ้างละเน้อ มานั่งพิมชื่อ บอกเหตุผลกับทุกคน ว่าทำไมจะต้องช่วยเรา ซึ่งรวมทั้งหมดประมาณ 120 คน จากนั้นก็รู้สึกว่า จะส่งให้ใครอีกดีละทีนี้ เค้าจะรำคาญไหม เค้าจะกดไลค์ไหม จะโดนสแปมไหม เครียด บอกเลย คิดเยอะมาก แล้วจะเอาไลค์มาจากไหนอีก จะเอาให้ได้ 500 ไลค์เลย (แม่มมม หมั่นไส้) เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลองวิธีขายตรงจริงๆเลย ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงกลับมานั่งคิดได้ว่า ถ้าที่เราบอกไป 100 คนแรก แล้วให้เค้าช่วยหาเพื่อนกดอีก 2 คน เราก็จะได้ 300 ไลค์เลยนะทีนี้ ซึ่งคนที่ช่วยให้กดจำนวนไม่เยอะเลย เพื่อนสนิทๆ 2 คนหาได้ สบายมาก (ทำไมไม่คิดได้ตั้งแต่แรกเนี่ยยย ไม่งั้นได้ 300 ไลค์แล้ว นี่ละนะ คนเราต้องโง่ก่อน TT โง่มากกกก)
(นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ยยย ของซื้อเองก็ซื้อได้ มานั่งกระวนกระวายใจทำไม นอนก็ดึก ตื่นก็เช้า คิดมากอีก เฮ้อออออ) แต่ก็ยังคงอยากชนะต่อไป
อะทีนี้ก็เริ่มใหม่ บอกให้ช่วยกดแล้วก็บอกเพิ่มไปว่า “หาเพื่อนช่วยกดอีก 2 คนนะ ช่วยหน่อยนะคะ” กลายเป็น
ระรานคนอื่นไปทั่ว ให้คนอื่นช่วยซะเลย ยุ่งยากดีนัก จากยอดไลค์ 20 มาถึง 70 จนขึ้นหลัก 100 เริ่มอุ่นใจขึ้นมานิด ทำยังไงจะได้ 500 ล่ะทีนี้ ไม่สนใจละว่าอีกรายจะได้เท่าไหร่ แต่ยอดก็ขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน (ช่างมัน เอายอดตัวเอง 500 ละกัน อย่างอื่นไม่สนละ) แล้วก็มานั่งคิดว่าเพื่อนในเฟสบุค มีทั้งหมด 700 กว่าคน ถ้าจะมากดให้เราซัก 500 ก็น่าจะได้สิ ทำยังไงดี มันคงจะต้องมีคนที่เปลี่ยนเฟส และเราไม่ได้ลบ ไหนจะคนที่ไม่ค่อยเล่นอีกก็เยอะ ยังไงๆ ก็น่าจะไม่เกิน 200 คน คนที่ไม่กดก็ค่อยว่ากัน
ณ จุดนี้ ไม่ได้อยากชนะอะไรแล้ว ตั้งใจทำให้ได้ 500 ไลค์ และจะลองดูคนที่ส่ง link ไปให้ ถือเป็นการคัดเพื่อนไปในตัวซะเลย มี 700 กว่าคน คุยไม่ถึง 20 ทักกันไม่ถึง 100 เยอะไปป่ะ บางคน ไม่รู้จักเลย แต่ว่ามาไงก็จำไม่ได้เนอะ ยุค social network สมัยนี้ ^^
แผนต่อไป จึงได้เริ่มขึ้น เนื่องจากคราวนี้ได้จับคอม ซึ่งยังไงก็ถนัดกว่าเห็นๆ จะเข้าไปบอกแต่ละคน ก็ดูคนที่ออนไลน์ ในช่องแชท ง่ายยิ่งกว่าเมื่อวานอีก (น่าจะมีคอมตั้งแต่แรกละ) ตอนนี้ ง่ายขึ้นก็จริง แต่ก็ยังคงเลือกคนอยู่ดี คนไหนรู้จักหน่อย ก็วางลิ๊ง และเอ่ยชื่อ ฝากกดไลค์ คนไหนไม่ค่อยสนิท ก็ก็อบวางเลย สะดวกง่าย สบาย กดเร็วมาก คราวนี้เน้นบอกเร็ว ทุกคนกดไลค์อย่างต่อเนื่อง แต่คราวนี้ไม่สนใจละว่ายอดเท่าไหร่แล้ว เราเน้นบอกให้ครบตามแผนที่วางไว้ นั่นคือ วาง link ใน inbox ของทุกคน รีบกดวางๆๆๆๆ คนไหนที่สนิทและเด็กหน่อย ก็จะขอให้ช่วยบอกเพื่อนกดให้อีก และช่วยปั่นไลค์ให้หน่อย จนคนที่ออนไลน์ในช่องแชท บอกไปครบทุกคนแล้ว จะมีเพียงผู้โชคดีที่ออนไลน์ขึ้นมาใหม่ไม่กี่คน
ณ จุดนี้ ไม่ได้อยากชนะอะไรแล้ว ตั้งใจทำให้ได้ 500 ไลค์ และจะลองดูคนที่ส่ง link ไปให้ ถือเป็นการคัดเพื่อนไปในตัวซะเลย มี 700 กว่าคน คุยไม่ถึง 20 ทักกันไม่ถึง 100 เยอะไปป่ะ บางคน ไม่รู้จักเลย แต่ว่ามาไงก็จำไม่ได้เนอะ ยุค social network สมัยนี้ ^^ (ถ้าใครรำคาญเค้าคงลบเราไปเอง โดยที่เราไม่ต้องมานั่นไล่ดูเอง)
จากตรงนี้ เริ่มมีความรู้สึกว่า ที่จริง มันก็สนุกดีนะ การที่มาทำอะไรแบบนี้ ถ้ามีคนช่วยปั่น ยอดที่ไลค์เยอะขึ้นมันก็ทำให้น่าภูมิใจ ไม่ใช่เพราะจะได้ของรางวัลหรอกนะ แต่เพราะมีคนอยากช่วยเหมือนกัน เค้าช่วยเรา ตรงนี้ที่ทำให้รู้สึกดี ส่วนที่บอกว่าน่าสนุก มันเป็นการเริ่มต้นความคิดว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย มาลองดูพฤติกรรมเพื่อนที่อยู่ในเฟสบุคเลยดีกว่า จึงทำให้อยากรู้ว่า ใครจะกดไลค์บ้าง ใครจะตอบกลับมาบ้าง หรือว่าใครจะอะไรยังไง
การที่ส่ง link ให้คนที่อยู่ในเฟสบุคทุกคนนั้น ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยทำมาก่อนมันไม่ง่ายเลย แล้วยิ่งเพื่อผลประโยชน์ ของตัวเองแล้วน่าอายใจมากๆ ความรู้สึกแย่ๆที่มีมาทั้งหมดมันยังคงอยู่ แต่ความคิดที่อยากจะลองเพื่อ วิเคราะห์อะไรก็แล้วแต่ที่เราคิด ก็จะลองอธิบายอะไรพวกนี้ดู ถือว่าได้บทเรียนใหม่มันซะเลย
เดี๋ยวจะลองอธิบายเองว่าเป็นยังไง จะลองใช้ความรู้ทั้งหมดที่ตนเองมีมาใช้วิเคราะห์ด้วย
ผลจากการกระหน่ำไลค์ครั้งนี้คือ
ส่งใน inbox ทั้งหมด 482 ครั้ง มีคนกดไลค์ในเพจ 293 ไลค์ เป็นเพื่อน 252 คน ไม่ใช่เพื่อน 41 คน
คนกดไลค์ถ้าเทียบกับจำนวนที่บอกใน inbox คือ 52.28 % เท่ากับครึ่งหนึ่งที่บอกไปใน inbox
(ผลทั้งหมดอาจเป็นการประมาณการ อาจมี Error )
จึงแยกเพื่อนที่อยู่ในเฟสบุ๊ค โดย ขอแยกเป็นกรณีๆ ดังนี้
1.คนที่ใกล้ชิด คิดว่ายังไงก็ช่วยแน่นอน ส่งไปขอความช่วยเหลือ และบอกให้ช่วยบอกต่อ โดยกลุ่มคนเหล่านี้ เต็มใจจะช่วยกดไลค์ และช่วยบอกต่อ มีประมาณ 50 คน ซึ่งคิดเป็น 6.8 % เท่านั้น กลุ่มนี้เป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันในสมัยเรียนและทำงานมีความใกล้ชิดกันมาก
2.คนที่มีระยะห่างแต่สามารถพูดคุยได้ หากเข้าไปคุยจะสามารถต่อบทสนทนาได้ยาว ไม่รู้สึกอึดอัดใจ มีประมาณ 70 คน ซึ่งให้ความช่วยเหลือกดไลค์และหากบอกให้ช่วยบอกต่อ ก็จะบอกต่อบ้าง คิดเป็น 9.5 %
กลุ่มนี้ไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มแต่เป็นเพื่อนที่มีนิสัยยังไงก็ได้ คุยได้หมดสามารถไว้ใจได้
3.คนที่รู้จักแต่ปกติจะไม่ค่อยได้คุยกัน รู้จักหน้า และชื่อ สามารถส่งเข้าไปใน inbox และจะกดไลค์กลับมาให้ 50 คน กลุ่มนี้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ได้สนิทกันมาก เจอกันคุยกัน แต่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิด
4.คนที่ไม่ได้รู้จักเท่าไหร่ ไม่เคยคุย อาจเคยเห็นหน้า คุ้นๆ สถาบันเดียวกัน จะส่งไปใน inbox และมีส่วนหนึ่งตอบกลับและกดไลค์ให้ กลุ่มนี้มีเยอะมาก 540 คน ประมาณ 73.9 %
5.คนที่ไม่รู้จัก ใครก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นหน้า ก็ส่งไปใน inbox มีหลายคนกดไลค์ให้ มีประมาณ 20 คน
*กลุ่มพิเศษ คิดว่าเค้าไม่ค่อยพอใจเราเท่าไหร่ แต่ก็เลือกที่จะส่งไปเป็นกลุ่มสุดท้าย เนื่องจากอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไร ส่งไป 2 คน กดไลค์ 1 คน และไม่ได้อ่านข้อความ 1 คน
สรุปคนที่เป็นเพื่อนกันจริงๆจะอยู่ใน 3 กลุ่มแรก ซึ่งประมาณ 16.4 % ของเพื่อนที่มีทั้งหมดในเฟสบุคทั้งหมด ซึ่งดูจะจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับ 730 คน ผลจากความใกล้ชิดมีผลต่อการเข้าดูข้อความและกดไลค์
(แต่ความคลาดเคลื่อนต่างๆในการสังเกตครั้งนี้มีเยอะมาก เพราะพฤติกรรมการเล่นเฟสบุ๊คของแต่ละคนต่างกัน บางคนไม่ได้ดู inbox อยู่แล้ว บางคนไม่ค่อยได้เล่น หลายวันกว่าจะเปิดมาดู เนื่องจากกิจกรรมครั้งนี้เหลือเวลาแค่ 2 วัน ทำให้ต้องรีบเร่ง และไม่ได้รอคนที่ยังไม่ได้อ่านข้อความ)
แต่ว่าอย่างไรถ้าต้องการยอดไลค์เยอะๆ การมีเพื่อนเยอะจะทำให้คุณได้ยอดไลค์ที่เยอะมากขึ้นค่ะ อย่างน้อย ครึ่งหนึ่งของที่คุณขอความช่วยเหลือเค้าไป แต่อย่าลืม ว่ามีจำนวนที่ยังไม่ได้บอกและคนที่ไม่ค่อยได้เล่นอีกในจำนวนที่บอกไปแล้ว ซึ่งถ้าเปิดมาเจอ เค้าอาจจะกดไลค์ให้คุณก็ได้
(ในนี้ยังไม่ได้อ้างอิงทฤษฎีอะไร ถ้าหากเจอทฤษฎีที่พอจะเกี่ยวข้องกัน จะเอามาอธิบายต่อนะคะ)
ลองคิดดูนะคะ ว่าเพื่อนในเฟสของคุณจริงๆแล้ว มีกี่คน
เพื่อนในเฟสควรมีกี่คน สังเกตจากการ กระหน่ำ Like
เมื่อไม่นานมานี้ เราได้โพสรูปลงเฟสบุ๊คเพื่อแย่งชิงของรางวัลแบรนด์ดัง มูลค่าประมาณ 2000 บาท โดยเข้าไปร่วมสนุกกับสินค้าแบรนด์หนึ่ง ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติก็คงจะปล่อยตามมีตามเกิด ไอเจ้ารองเท้านั่นที่จริงก็ไม่ได้อยากได้ซักเท่าไหร่ จะให้ใส่ไปไหนเหรอ เดินห้าง เดินตลาด หรือไปทำงาน รองเท้าปกติธรรมดายังสะดุดเลย ถ้าเป็นคู่นี้ไม่ต้องพูดถึงคงไม่เวิค คงใส่ไปงานแต่ง งามพรอมต่างๆได้ แต่มันขึ้นอยู่กับตีมงานด้วยน้า เธอจะไม่แคร์เหรอยะ นั่นเป็นเพียงเกริ่นเริ่มต้น
แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงได้อยากชนะขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ เนื่องจากมีนางๆนึงโพสรูป และมียอดกดไลค์กว่า 200 ไลค์ ทำให้เกิดความรู้สึก อะไรวะเนี่ย สินค้าก็เพิ่มเริ่มมา คนก็ยังไม่รู้จัก และปกติ ไลค์ในเฟสนางก็ไม่ได้เยอะแยะพิศดารอะไร ทำไมอยากชนะขนาดนั้นเลยเหรอ (ประเด็นไปเอามาจากไหน 200 ไลค์ -*- ) (มีประเด็นเยอะกว่านั้นนิดหน่อย แต่ไม่ขอเล่านะคะ เอาเป็นว่า นางเจตนา ให้มียอดไลค์เยอะ 555 ) แค่เท่านั้นแหล่ะ ก็รู้สึกโกรธ โกรธในที่นี้อารมณ์เหมือนเด็กโดนเอาขนมไปอะไรอย่างนั้นนะคะ ก็ไม่ได้อะไร เลยเอามั่ง หาวิธีที่จะทำให้ยอดไลค์ขึ้นมาพรวดพราดแบบนั้น ซึ่งเป็นเรื่องยากลำบากมากสำหรับฉัน เพราะรูปที่มีคนไลค์เยอะที่สุดยังแค่ 80 กว่าคน และนั้นมันเป็นการโพสในวอลของฉันเอง แต่นี่ไปโพสวอลสินค้านั้น ใครมันจะไปเห็น และสามารถกดไลค์ได้ แท๊กชื่อตัวเองก็ยังไม่ขึ้นเลย ความซวยเริ่มมาเยือน เรื่องที่ยากอยู่แล้ว กลับยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แล้วทำไมนางนั้นถึงได้ไลค์เยอะขนาดนี้ (ก็คงจะใช้วิธีบอกต่อเนอะ และถ้าบอกต่อธรรมดา คงไม่เยอะขนาดนี้ ทำให้รู้ว่า ตั้งใจเอามากก ยิ่งทำให้อยากชนะ ) เอาวะ เราจะลองดูซักตั้งละกัน คนที่รู้จักช่วยให้เค้าไลค์ให้ก็ได้นี่นา แต่ว่ามันจะ 200 ได้ยังไงเนี่ย โอ้ยยยยยย ใครก็ได้ช่วยที จึงทำให้เป็นที่มาของเรื่องต่อไปนี้
เราเริ่มจากการ inbox ไปหาคนที่รู้จักสนิทคุ้นเคย ให้ช่วยกดไลค์ให้หน่อยรวมทั้งแชร์และแท๊ก ซึ่งไม่น่าจะยากลำบากอะไร แต่ว่ามันช้านะ กว่าจะเห็น กว่าจะไลค์ คนอื่นก็ไป ไหนต่อไหนละ เอาใหม่ inbox แบบส่งหลายๆคน จะได้เร็ว ส่ง link ไปเลย จะได้เห็นหลายๆคน และไลค์เร็วขึ้น แต่.....คนที่ตอบสนองกลับมาน้อยกว่าครึ่งหนึ่งที่ส่งไป และก็ไม่ได้เข้าไปกดไลค์ด้วย นี่เป็นเวลาที่เริ่มคิดและเครียดขึ้นมา ( ในใจก็เอาแต่ถาม ไปเอามาจากไหนวะ 200 ไลค์ ทั้งๆที่ก็รู้คำตอบดี ) งั้นไม่เป็นไร เอาวิธีที่ได้ผลที่สุด เสียเวลาที่สุด ลำบากใจที่สุด ในการส่ง inbox ไปบอกแต่ละคน กลุ่มแรกเป็นคนที่สนิทและคุ้นเคย ถ้าขอให้ช่วยคงไม่ว่าอะไรเรา ก็เลยเริ่มส่ง link เลย ตามด้วยชื่อของคนที่เราขอร้อง เชื่อไหมส่วนใหญ่จะจำชื่อได้ มีน้อยมากที่ต้องมานั่งคิดว่าชื่ออะไร เพราะอะไรเหรอ คนกลุ่มแรกก็เป็นคนที่เราคุ้นเคยอยู่แล้วไง แต่บางคนเราไม่ได้คุยนาน ก็ลืมชื่อเล่นไปบ้างละเน้อ มานั่งพิมชื่อ บอกเหตุผลกับทุกคน ว่าทำไมจะต้องช่วยเรา ซึ่งรวมทั้งหมดประมาณ 120 คน จากนั้นก็รู้สึกว่า จะส่งให้ใครอีกดีละทีนี้ เค้าจะรำคาญไหม เค้าจะกดไลค์ไหม จะโดนสแปมไหม เครียด บอกเลย คิดเยอะมาก แล้วจะเอาไลค์มาจากไหนอีก จะเอาให้ได้ 500 ไลค์เลย (แม่มมม หมั่นไส้) เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ลองวิธีขายตรงจริงๆเลย ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงกลับมานั่งคิดได้ว่า ถ้าที่เราบอกไป 100 คนแรก แล้วให้เค้าช่วยหาเพื่อนกดอีก 2 คน เราก็จะได้ 300 ไลค์เลยนะทีนี้ ซึ่งคนที่ช่วยให้กดจำนวนไม่เยอะเลย เพื่อนสนิทๆ 2 คนหาได้ สบายมาก (ทำไมไม่คิดได้ตั้งแต่แรกเนี่ยยย ไม่งั้นได้ 300 ไลค์แล้ว นี่ละนะ คนเราต้องโง่ก่อน TT โง่มากกกก)
(นี่ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ยยย ของซื้อเองก็ซื้อได้ มานั่งกระวนกระวายใจทำไม นอนก็ดึก ตื่นก็เช้า คิดมากอีก เฮ้อออออ) แต่ก็ยังคงอยากชนะต่อไป
อะทีนี้ก็เริ่มใหม่ บอกให้ช่วยกดแล้วก็บอกเพิ่มไปว่า “หาเพื่อนช่วยกดอีก 2 คนนะ ช่วยหน่อยนะคะ” กลายเป็น
ระรานคนอื่นไปทั่ว ให้คนอื่นช่วยซะเลย ยุ่งยากดีนัก จากยอดไลค์ 20 มาถึง 70 จนขึ้นหลัก 100 เริ่มอุ่นใจขึ้นมานิด ทำยังไงจะได้ 500 ล่ะทีนี้ ไม่สนใจละว่าอีกรายจะได้เท่าไหร่ แต่ยอดก็ขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน (ช่างมัน เอายอดตัวเอง 500 ละกัน อย่างอื่นไม่สนละ) แล้วก็มานั่งคิดว่าเพื่อนในเฟสบุค มีทั้งหมด 700 กว่าคน ถ้าจะมากดให้เราซัก 500 ก็น่าจะได้สิ ทำยังไงดี มันคงจะต้องมีคนที่เปลี่ยนเฟส และเราไม่ได้ลบ ไหนจะคนที่ไม่ค่อยเล่นอีกก็เยอะ ยังไงๆ ก็น่าจะไม่เกิน 200 คน คนที่ไม่กดก็ค่อยว่ากัน
ณ จุดนี้ ไม่ได้อยากชนะอะไรแล้ว ตั้งใจทำให้ได้ 500 ไลค์ และจะลองดูคนที่ส่ง link ไปให้ ถือเป็นการคัดเพื่อนไปในตัวซะเลย มี 700 กว่าคน คุยไม่ถึง 20 ทักกันไม่ถึง 100 เยอะไปป่ะ บางคน ไม่รู้จักเลย แต่ว่ามาไงก็จำไม่ได้เนอะ ยุค social network สมัยนี้ ^^
แผนต่อไป จึงได้เริ่มขึ้น เนื่องจากคราวนี้ได้จับคอม ซึ่งยังไงก็ถนัดกว่าเห็นๆ จะเข้าไปบอกแต่ละคน ก็ดูคนที่ออนไลน์ ในช่องแชท ง่ายยิ่งกว่าเมื่อวานอีก (น่าจะมีคอมตั้งแต่แรกละ) ตอนนี้ ง่ายขึ้นก็จริง แต่ก็ยังคงเลือกคนอยู่ดี คนไหนรู้จักหน่อย ก็วางลิ๊ง และเอ่ยชื่อ ฝากกดไลค์ คนไหนไม่ค่อยสนิท ก็ก็อบวางเลย สะดวกง่าย สบาย กดเร็วมาก คราวนี้เน้นบอกเร็ว ทุกคนกดไลค์อย่างต่อเนื่อง แต่คราวนี้ไม่สนใจละว่ายอดเท่าไหร่แล้ว เราเน้นบอกให้ครบตามแผนที่วางไว้ นั่นคือ วาง link ใน inbox ของทุกคน รีบกดวางๆๆๆๆ คนไหนที่สนิทและเด็กหน่อย ก็จะขอให้ช่วยบอกเพื่อนกดให้อีก และช่วยปั่นไลค์ให้หน่อย จนคนที่ออนไลน์ในช่องแชท บอกไปครบทุกคนแล้ว จะมีเพียงผู้โชคดีที่ออนไลน์ขึ้นมาใหม่ไม่กี่คน
ณ จุดนี้ ไม่ได้อยากชนะอะไรแล้ว ตั้งใจทำให้ได้ 500 ไลค์ และจะลองดูคนที่ส่ง link ไปให้ ถือเป็นการคัดเพื่อนไปในตัวซะเลย มี 700 กว่าคน คุยไม่ถึง 20 ทักกันไม่ถึง 100 เยอะไปป่ะ บางคน ไม่รู้จักเลย แต่ว่ามาไงก็จำไม่ได้เนอะ ยุค social network สมัยนี้ ^^ (ถ้าใครรำคาญเค้าคงลบเราไปเอง โดยที่เราไม่ต้องมานั่นไล่ดูเอง)
จากตรงนี้ เริ่มมีความรู้สึกว่า ที่จริง มันก็สนุกดีนะ การที่มาทำอะไรแบบนี้ ถ้ามีคนช่วยปั่น ยอดที่ไลค์เยอะขึ้นมันก็ทำให้น่าภูมิใจ ไม่ใช่เพราะจะได้ของรางวัลหรอกนะ แต่เพราะมีคนอยากช่วยเหมือนกัน เค้าช่วยเรา ตรงนี้ที่ทำให้รู้สึกดี ส่วนที่บอกว่าน่าสนุก มันเป็นการเริ่มต้นความคิดว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย มาลองดูพฤติกรรมเพื่อนที่อยู่ในเฟสบุคเลยดีกว่า จึงทำให้อยากรู้ว่า ใครจะกดไลค์บ้าง ใครจะตอบกลับมาบ้าง หรือว่าใครจะอะไรยังไง
การที่ส่ง link ให้คนที่อยู่ในเฟสบุคทุกคนนั้น ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยทำมาก่อนมันไม่ง่ายเลย แล้วยิ่งเพื่อผลประโยชน์ ของตัวเองแล้วน่าอายใจมากๆ ความรู้สึกแย่ๆที่มีมาทั้งหมดมันยังคงอยู่ แต่ความคิดที่อยากจะลองเพื่อ วิเคราะห์อะไรก็แล้วแต่ที่เราคิด ก็จะลองอธิบายอะไรพวกนี้ดู ถือว่าได้บทเรียนใหม่มันซะเลย
เดี๋ยวจะลองอธิบายเองว่าเป็นยังไง จะลองใช้ความรู้ทั้งหมดที่ตนเองมีมาใช้วิเคราะห์ด้วย
ผลจากการกระหน่ำไลค์ครั้งนี้คือ
ส่งใน inbox ทั้งหมด 482 ครั้ง มีคนกดไลค์ในเพจ 293 ไลค์ เป็นเพื่อน 252 คน ไม่ใช่เพื่อน 41 คน
คนกดไลค์ถ้าเทียบกับจำนวนที่บอกใน inbox คือ 52.28 % เท่ากับครึ่งหนึ่งที่บอกไปใน inbox
(ผลทั้งหมดอาจเป็นการประมาณการ อาจมี Error )
จึงแยกเพื่อนที่อยู่ในเฟสบุ๊ค โดย ขอแยกเป็นกรณีๆ ดังนี้
1.คนที่ใกล้ชิด คิดว่ายังไงก็ช่วยแน่นอน ส่งไปขอความช่วยเหลือ และบอกให้ช่วยบอกต่อ โดยกลุ่มคนเหล่านี้ เต็มใจจะช่วยกดไลค์ และช่วยบอกต่อ มีประมาณ 50 คน ซึ่งคิดเป็น 6.8 % เท่านั้น กลุ่มนี้เป็นเพื่อนที่คุ้นเคยกันในสมัยเรียนและทำงานมีความใกล้ชิดกันมาก
2.คนที่มีระยะห่างแต่สามารถพูดคุยได้ หากเข้าไปคุยจะสามารถต่อบทสนทนาได้ยาว ไม่รู้สึกอึดอัดใจ มีประมาณ 70 คน ซึ่งให้ความช่วยเหลือกดไลค์และหากบอกให้ช่วยบอกต่อ ก็จะบอกต่อบ้าง คิดเป็น 9.5 %
กลุ่มนี้ไม่ใช่เพื่อนในกลุ่มแต่เป็นเพื่อนที่มีนิสัยยังไงก็ได้ คุยได้หมดสามารถไว้ใจได้
3.คนที่รู้จักแต่ปกติจะไม่ค่อยได้คุยกัน รู้จักหน้า และชื่อ สามารถส่งเข้าไปใน inbox และจะกดไลค์กลับมาให้ 50 คน กลุ่มนี้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ได้สนิทกันมาก เจอกันคุยกัน แต่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิด
4.คนที่ไม่ได้รู้จักเท่าไหร่ ไม่เคยคุย อาจเคยเห็นหน้า คุ้นๆ สถาบันเดียวกัน จะส่งไปใน inbox และมีส่วนหนึ่งตอบกลับและกดไลค์ให้ กลุ่มนี้มีเยอะมาก 540 คน ประมาณ 73.9 %
5.คนที่ไม่รู้จัก ใครก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นหน้า ก็ส่งไปใน inbox มีหลายคนกดไลค์ให้ มีประมาณ 20 คน
*กลุ่มพิเศษ คิดว่าเค้าไม่ค่อยพอใจเราเท่าไหร่ แต่ก็เลือกที่จะส่งไปเป็นกลุ่มสุดท้าย เนื่องจากอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไร ส่งไป 2 คน กดไลค์ 1 คน และไม่ได้อ่านข้อความ 1 คน
สรุปคนที่เป็นเพื่อนกันจริงๆจะอยู่ใน 3 กลุ่มแรก ซึ่งประมาณ 16.4 % ของเพื่อนที่มีทั้งหมดในเฟสบุคทั้งหมด ซึ่งดูจะจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับ 730 คน ผลจากความใกล้ชิดมีผลต่อการเข้าดูข้อความและกดไลค์
(แต่ความคลาดเคลื่อนต่างๆในการสังเกตครั้งนี้มีเยอะมาก เพราะพฤติกรรมการเล่นเฟสบุ๊คของแต่ละคนต่างกัน บางคนไม่ได้ดู inbox อยู่แล้ว บางคนไม่ค่อยได้เล่น หลายวันกว่าจะเปิดมาดู เนื่องจากกิจกรรมครั้งนี้เหลือเวลาแค่ 2 วัน ทำให้ต้องรีบเร่ง และไม่ได้รอคนที่ยังไม่ได้อ่านข้อความ)
แต่ว่าอย่างไรถ้าต้องการยอดไลค์เยอะๆ การมีเพื่อนเยอะจะทำให้คุณได้ยอดไลค์ที่เยอะมากขึ้นค่ะ อย่างน้อย ครึ่งหนึ่งของที่คุณขอความช่วยเหลือเค้าไป แต่อย่าลืม ว่ามีจำนวนที่ยังไม่ได้บอกและคนที่ไม่ค่อยได้เล่นอีกในจำนวนที่บอกไปแล้ว ซึ่งถ้าเปิดมาเจอ เค้าอาจจะกดไลค์ให้คุณก็ได้
(ในนี้ยังไม่ได้อ้างอิงทฤษฎีอะไร ถ้าหากเจอทฤษฎีที่พอจะเกี่ยวข้องกัน จะเอามาอธิบายต่อนะคะ)
ลองคิดดูนะคะ ว่าเพื่อนในเฟสของคุณจริงๆแล้ว มีกี่คน