ผมสงสารนะเพราะผมก็ชอบดู astv เหมือนกัน
"ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" รับ เอเอสทีวีเข้าสู่ภาวะวิกฤตหลังถูกคณะรัฐประหารระงับการออกอากาศ
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คอลัมน์นิสต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และอดีตโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ควันนี้ (23 พ.ค.) โดยระบุว่า จากเหตุการณ์รัฐประหารโดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมกับระงับการออกอาการของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมต่างๆ รวเอเอสทีวี ทำให้ขณะนี้ สถานีฯ กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติ และอาจเข้าขั้นต้องปิดตัวลงได้ โดยใจความส่วนหนึ่งระบุว่า
"ลำพังในภาวะปกติ ASTV ก็อยู่ได้ยากอยู่แล้วในทางธุรกิจที่ต้องทำอาชีพสื่อมวลชนที่รายงานความจริงโดยปราศจากการครอบงำหรือมีอิทธิพลจากพรรคการเมืองใดหรือกลุ่มทุนทางธุรกิจใด โดยมีจุดยืนอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน มาโดยตลอดเป็นที่ประจักษ์
ASTV จึงย่อมไม่ใช่อุปสรรคใดๆหากการรัฐประหารในครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน ในทางตรงกันข้าม ASTV กลับจะเป็นแนวร่วมของกองทัพได้ในการรายงานความจริงเพื่อเอาชนะความเท็จเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทยได้อย่างแท้จริง
เพราะเราเชื่อว่าความเท็จไม่สามารถเอาชนะด้วยความเงียบและปิดกั้นคนทุกกลุ่มได้ แต่ความเท็จต้องเอาชนะด้วยความจริงเท่านั้น สังคมจึงจะเกิดความสงบและเป็นปกติสุขบนความคิดที่แตกต่างกันได้
แต่เมื่อคณะรัฐประหารที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตัดสินใจระงับการถ่ายทอดออกอากาศสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV อย่างไม่มีกำหนดระยะเวลา แม้ ASTV จะให้ความร่วมมือระงับการถ่ายทอดออกอากาศมาตลอดตั้งแต่การประกาศกฎอัยการศึกก็ตาม แต่ ASTV ก็เป็นองค์กรที่ไม่ได้มีสายป่านยาวที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนทางการเมืองใด ต่างจากสื่อที่ก่อตั้งเพื่อเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองและนักการเมือง การระงับสัญญาณครั้งนี้จึงทำให้ ASTV ไม่สามารถดำเนินกิจการและหารายได้เพื่อหล่อเลี้ยงองค์กรและพนักงานกว่า 600 ชีวิตได้ ย่อมได้รับความเสียหายต่อรายได้และสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรงจนถึงอาจต้องปิดกิจการลงในที่สุด
astv ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหารอาจปิดกิจการ ผมสงสารนะเพราะผมก็ชอบดู astv เหมือนกัน
"ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" รับ เอเอสทีวีเข้าสู่ภาวะวิกฤตหลังถูกคณะรัฐประหารระงับการออกอากาศ
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คอลัมน์นิสต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และอดีตโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ควันนี้ (23 พ.ค.) โดยระบุว่า จากเหตุการณ์รัฐประหารโดย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมกับระงับการออกอาการของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมต่างๆ รวเอเอสทีวี ทำให้ขณะนี้ สถานีฯ กำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤติ และอาจเข้าขั้นต้องปิดตัวลงได้ โดยใจความส่วนหนึ่งระบุว่า
"ลำพังในภาวะปกติ ASTV ก็อยู่ได้ยากอยู่แล้วในทางธุรกิจที่ต้องทำอาชีพสื่อมวลชนที่รายงานความจริงโดยปราศจากการครอบงำหรือมีอิทธิพลจากพรรคการเมืองใดหรือกลุ่มทุนทางธุรกิจใด โดยมีจุดยืนอยู่บนผลประโยชน์ของชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน มาโดยตลอดเป็นที่ประจักษ์
ASTV จึงย่อมไม่ใช่อุปสรรคใดๆหากการรัฐประหารในครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน ในทางตรงกันข้าม ASTV กลับจะเป็นแนวร่วมของกองทัพได้ในการรายงานความจริงเพื่อเอาชนะความเท็จเพื่อนำไปสู่การปฏิรูปประเทศไทยได้อย่างแท้จริง
เพราะเราเชื่อว่าความเท็จไม่สามารถเอาชนะด้วยความเงียบและปิดกั้นคนทุกกลุ่มได้ แต่ความเท็จต้องเอาชนะด้วยความจริงเท่านั้น สังคมจึงจะเกิดความสงบและเป็นปกติสุขบนความคิดที่แตกต่างกันได้
แต่เมื่อคณะรัฐประหารที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตัดสินใจระงับการถ่ายทอดออกอากาศสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV อย่างไม่มีกำหนดระยะเวลา แม้ ASTV จะให้ความร่วมมือระงับการถ่ายทอดออกอากาศมาตลอดตั้งแต่การประกาศกฎอัยการศึกก็ตาม แต่ ASTV ก็เป็นองค์กรที่ไม่ได้มีสายป่านยาวที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนทางการเมืองใด ต่างจากสื่อที่ก่อตั้งเพื่อเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองและนักการเมือง การระงับสัญญาณครั้งนี้จึงทำให้ ASTV ไม่สามารถดำเนินกิจการและหารายได้เพื่อหล่อเลี้ยงองค์กรและพนักงานกว่า 600 ชีวิตได้ ย่อมได้รับความเสียหายต่อรายได้และสภาพคล่องทางการเงินอย่างรุนแรงจนถึงอาจต้องปิดกิจการลงในที่สุด