ไบโพล่า กับ ชีวิตบัดซบ

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับ..เพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน ผมมีเรืองที่อยากจะแชร์ ความคิดเห็นที่แตกต่างอาจจะมีบางท่านที่เจอ คล้ายๆผมเพื่อเป็นความรู้หรืออุทาหรณ์สอนใจตัวเราเอง เริ่มเรื่องเลยนะครับ ส่วนตัวผมยังไม่มีครอบครัว ผมรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง ทำงานราชการหน่วยงานหนึ่ง โดยบังเอิญอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ เมื่อปีที่แล้วเพราะต่างคนมาสวดมนต์ทำวัตรเย็นที่วัดแห่งหนึ่ง โดยที่เขามีครอบครัวแล้ว มีลูก2คน ญ.13 ปี ชาย15ปี แต่อย่าร้างตามกฏหมาย(มีใบอย่า)กับสามีแล้วประมาณ7-8ปีได้ โดยเขาแยกกันอยู่กับสามีคือ อยู่บ้านคนละหลัง แต่ผมมาทราบภายหลังว่า เขายังผูกพันธิ์ไปมาหาสู่กันอยู่(ร่วมหลับนอน)กับสามีเก่าอยู่ โดยที่สามียังมาดูแลเอาใจใส่อยุ๋ห่างๆ เป็นครั้งคราว และเขาก็เป็นโรคจิตที่กำลังฮิตในบ้านเราคือ โรค"ไปโพล่า" แรกๆรู้จักผมไม่ทราบว่าเขาเป็นโครดังกล่าว แต่หลังจากใช้เวลาคบหากัน(บางครั้งผมหลงผิดไปมีเพศสัมพันธิ์) ด้วย ฟฤติกรรมเขาคือ ชอบเก็บตัว อยุ่คนเดียว บางเวลาเจ้าอารมณ์หงุดหงิด โมโหง่าย เอาแต่ใจตัวเอง บางวันก็ร่าเริงจนผิดปกติ เวลากลางดึกดื่นไม่ชอบหลับนอน ชอบหาอะไรทำดึกๆดื่นๆเป็นประจำ พูดเสียงดัง ที่สำคัญคือ ใช้เงินแบบอีลุยฉุยแฉกช๊อปกระจาย ล่าสุดติดหนี้สิน จนเกินตัวเอง เห็นอะไรซื้อหมด บ้าไปกับพวกสะสมสแตรมป์แลกซื้อห้างต่างๆ จนปัจจุบันเงินไม่พอใช้(เงินเดือน1.9000) ชักหน้าไม่ถึงหลัง จนต้องไปหาขอยืมสิทธิ์กู้สหกรณ์(ให้เพื่อนร่วมงานกู้ให้โดยโอนคนเข้าบัญชีตัวเอง) แล้วค่อยหาผ่อนส่งคืน จนบางครั้งเขาเคยเล่าให้ผมฟังว่า เคยมีเรื่องฟ้องร้องจนขึ้นโรงขึ้นศาลมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยเอาบัตรเขาไปกดเอาตังค์มาใช้ประมาณห้าหมื่นบาท แล้วอีกฝ่ายหนึ่งก็ฟ้องเรียกค่าเสียคืน หนักเข้าล่าสุด ไปขอยืมสิทธิ์ของภปร.ที่สำนักงานเดียวกัน โดยตารปภ.คนนี้แก่เหลืออายุราชการสองปีกว่า มีครอบครัวแล้ว แต่การขอยืมสิทธิ์ครั้งนี้ ยอมลงทุนแม้กระทั่งไปมีเพศสัมพันธิ์กับรปภ.เพียงเพื่อขอให้ได้ตังต์ใช้อย่างเดียว สรุปแล้วก็คือ กลางวันคบหากับผม กลางคืนช่วงหัวค่ำคบหากับรปภ. ดึกๆใกล้สว่าง อาบน้ำ แต่งน่าทาปาก ไปนอนกับสามีเฉย(คือมีสามีวันเดียวกัน3คน แต่คนละเวลา)  ผมกลัวเขาจะทำติดเป็นนิสัย เพราะถ้าถลุงเงินกับตารภป.หมดเมื่อไร ก็จะไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีกได้ มันจะเข้าลักษณะยิ้มทางเพศ โอกาสติดโรคทางเพศสัมพันธิ์มีมาก พยายามเตือนสติเขาหลายครั้งแต่ไม่เป้นผล จนบางครั้งยอมรับว่าเหนื่อยจริงๆครับ  ดีไม่ดีผมกลับโดนต่อว่ากลับซะอีก เขาว่าจำเป็นต้องทำเพื่อปากท้อง ต้องอยู่ต้องกินต้องใช้ ยืมเขามาก็ต้องใช้เขา (นิสัยดิ้อรั้นไม่ฟังใคร) จนผมค้องอึ้งไป หนำซ้ำเขาเคยกับผมว่าสิ่งที่เขาทำเขาคิดถูกต้องแล้ว การที่ไปเป็นชู้กับสามีชาวบ้าน แล้วบอกว่าไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน(ครอบครัวเขาไม่ทะเลาะกัน)เมียเขาไม่รู้ พร้อมกับสามีตัวเองก็ไม่รู้ ตัวเองมี"ความสุข" คู่ขามี"ความสุข" แค่นี้ก็จบแล้ว ผมก็ยิ่งอึ้งไปกันใหญ่ คิดได้ไงเนี๋ย....  ผมมาทบทวนดูแล้ว สิ่งที่เขากระทำ(ผมก็มีส่วนกระทำด้วย) มันผิดตั้งแต่แรก ทางศิลธรรมแล้วผิดมหันต์ (ศิลข้อ3)  ตัณหามันทำให้เราคิดและกระทำอะไรผิดๆ ไม่ว่าจะทางสังคมประเพณี และจะเป็นผมกรรมติดตัวเราอีกต่างหาก บุญกุศลที่เราเคยกระทำมาพลอยจะทำให้มัวหมองไปด้วย เพราะว่าเรารู้ว่ามัน"ผิด" เราก็ยังเข้าไปพัวพันร่วมกระทำอยู่ ยิ่งจะเป็นกรรมหลายต่อหลายเท่า นรกเปิดประตูรอรับแน่นอน ล่าสุดผมจึงตัดสินใจ ขอเลิกคบหากับเขา มีสิ่งของอะไรที่เขาเคยให้ผมๆก็คืนเขาไปหมด ไม่อยากให้มีอะไรผูกพันธิ์ทางความรู้สึก ยอมรับว่าเหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจจริงๆครับ พยามช่วยดึงเข้าหาธรรมะแล้วก็แล้ว จนนะวันนี้บางวันเขาก็ยังไปวัดสวดมนต์(เขาว่าทำแล้วมี"ความสุข")อยุ่ปกติ ก็เจอผมอยู่ แต่ผมไม่เข้าไปคุยหรือทักทายอะไร(ต่างคนต่างเฉย)  ฉะนั้นขอฝากให้เพื่อนในที่อุทาหรณ์ เพื่อคิด พิจารณา ด้วยเหตุด้วยผล และด้วยสติครับผม.....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่