ฉันเคยเขียนรีวิวการไปเที่ยวครั้งนี้มาก่อนแล้วในช่วงที่กำลังเดินทาง เนื่องจากการถ่ายทอดสดถูกขัดขวางด้วยสถานการณ์บางอย่างเช่น ไม่มีเนต จึงทำให้ขาดจากการเขียนรีวิวตอนอื่นๆไป และในตอนนั่นเขียนได้ไม่ละเอียดนัก เมื่อเวลาผ่านไป (ถึง 1 ปีเลยทีเดียว) ฉันได้บันทึกความทรงจำเก็บเอาไว้ จึงนำมาตัดออก เพิ่มเติมเรื่องราวรายละเอียดบางส่วนแล้วนำมาทำรีวิวขึ้นใหม่อีกครั้งแบบละเอียดขึ้น หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นประโยช์ให้กับผู้ที่กำลังเดินทางไปยังที่เหล่านี้นะค่ะ
******************
ความเดิมกระทู้ที่แล้ว
>>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน1 มุ่งสู่ Paris <<<
http://ppantip.com/topic/32029347
>>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน2 Mont St Michel <<<
http://ppantip.com/topic/32039453
******************
แบ่งเป็นตอนๆในกระทู้นี้
หัวข้อกระทู้ : 7 เมษายน Musée du Louvre
ความคิดเห็นที่ 1 : 7 เมษายน ขึ้นหอ Eiffel
******************
7 เมษายน Musée du Louvre / Eiffel
หลังจากตั้งแต่วันแรกที่มาถึงอากาศไม่เป็นใจเท่าไหร่ ฟ้าครึ้มมีฝนปรอยบ้างเป็นระยะๆ วันนี้คือวันที่ฉันจะได้เข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่รอคอยแล้ว (ลูฟวร์ในวันอาทิตย์แรกของเดือนเข้าฟรี ซึ่งวันนี้คือวันอาทิตย์แรกของเดือนพอดี) และตอนเย็นเราจะไปขึ้นหอไอเฟลกัน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ต้องพบกับความดีใจที่วันนี้ฟ้าใสมีแดด โอ้ช่างดีเหลือเกินที่เจอแดด (ปกติอยู่ไทยภาวนาให้ฟ้าครึ้มอากาศเย็นเพราะความร้อน) วันนี้เราวางแผนนั่งเมโทรไปโผล่สถานี Palais Royal - Musée du Louvreซึ่งจากที่เราอยู่ต้องไปขึ้นเมโทรที่สถานี La Motte-Picquet-Grenelleเดินออกไปนิดเดียวจากสถานี Cambronne แล้วเราต้องไปเปลี่ยนเมโทรที่สถานี Concordeอีกทีหนึ่ง เมโทรสายที่จะไปยังลูฟวร์นั่นไฮโซขึ้นมาหน่อย ประตูจะเปิดปิดเองเหมือน BTS หรือรถไฟใต้ดินบ้านเรานี้แหล่ะ และมีประกาศสถานีที่จะถึงด้วย แต่อย่างไรก็ไม่ได้ช่วยอะไรฉันมากนัก ฉันจึงใช้วิธีนับสถานีที่จะถึงเอาดีกว่า
ปาเรลัวยัล(เลอะ) มิว(อือ)เซดือลูฟว(เวอะ)... เสียงประมาณพนักงานประกาศในห้างเสียงเล็กๆน่ารักๆไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย
(เมื่อออกจากสถานีเมโทร Palais Royal - Musée du Louvre ก็มาต่อคิวเข้าลูฟร์ คนเยอะมากกกก เพราะวันนี้เข้าฟรี )
เมื่อเราโผล่มาที่สถานี Palais Royal - Musée du Louvreนี้เดินตามๆป้ายและฝูงชนมาเรื่อยๆเราก็มาเจอแถวยาวมากๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวันนี้เข้าฟรีหรือเปล่า ต่อแถวไปสักพักก็ไปเจอพีระมิดกลับหัวที่เห็นจากรูปในเนตบ่อยๆ รู้สึกตื่นเต้นที่เป็นผู้ได้อยู่ในเหตุการณ์เองเสียที พอต่อแถวไปเรื่อยๆก็จะเป็นสแกนกระเป๋า ซึ้งด้านขวามือจะมีทางเข้าพิเศษสำหรับทัวร์ทั้งหลายแหล่ให้แซงเราได้ตรวจก่อน นักท่องเที่ยวอื่นๆก็ต่อแถวไปเป็นงูคดเคี้ยว เข้าไปครั้งแรก งง เฮ้ยไปไหนต่อ เดินไปเห็นเคาท์เตอร์ที่มีแผนที่พับๆไว้หลายภาษาก็ไปหยิบภาษาอังกฤษมา ถัดไปหน่อยก็จะเป็นบันไดวนที่ขึ้นไปด้านบนจะเป็นทางเข้าฝั่งพีระมิด ซึ่งตรงนั่นจะเป็นกระจกที่สร้างเป็นพีระมิดที่พอออกไปข้างนอกจะเป็นพีระมิดที่คนชอบมาถ่ายรูปกัน (งงไหม ฉันพิมพ์เองก็งงเอง)
พอได้แผนที่แล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนตรงหน้าไปอย่าง งงๆ เพราะยังดูแผนที่ไม่เป็นว่าตอนนี้เราอยู่โซนไหน รู้แต่ว่าดูจากแผนที่แล้วอยู่ที่ฝั่ง Sally (ซึ่งถึงรู้ว่าอยู่ฝั่งไหนฉันก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าถึงชั้นไหนแล้ว) เพราะลูฟวร์มีหลายโซน หลายชั้น เหลือเกิน เมื่อเราขึ้นบันไดเลื่อนผ่านเข้าไปแล้วเข้าห้องแรกที่เจอคือทางซ้ายมือ ถึงได้รู้ว่านั่นคือห้อง History of the Louvre อยู่ในชั้น -1 Lower Ground Floor ไม่มีอะไรจะบอกนอกจาก ปลื้มปีติ
( ส่วนของห้อง History of the Louvre )
( ส่วนของห้อง History of the Louvre )
( ส่วนของห้อง History of the Louvre )
ถัดจากห้องนั้นแล้วจำได้ว่าเดินเข้าไปเรื่อยๆ ยังงงๆอยู่ว่าตอนนี้เราอยู่ไหนเข้าไปยังโซนศิลปะอียิปต์ เห็นกำแพงยาวๆๆ และมีโมเดลคล้ายๆปราสาท (ดูเทียบจาก Plan กำแพงนั่นคือ Medieval Moat)แล้วก็ขึ้นลง
( ฝั่งศิลปะอียิปต์ )
( ฝั่งศิลปะอียิปต์ )
( ฝั่งศิลปะอียิปต์ )
ขึ้นลงบันไดวนไปมาอยู่หลายรอบก็ยังเป็นอียิปต์อยู่ เยอะมากจริงๆ ล้าจากการขึ้นลง ขึ้นลงมาจาก Mont Saint Michel สักพักเริ่มไม่ไหวหาที่นั่งและที่กินดูแผนที่อีกรอบแล้วหาทางเดินออกมายังระเบียงแถวๆบันไดเลื่อนที่ตรงกลางเป็นบันไดวนขึ้นไปยังพีระมิดด้านบนที่เราเข้ามาตอนแรก เลี้ยวไปด้านขวามือมีห้องอาหารที่ขายอาหาร กาแฟ ขนม ฉันพยายามเกี่ยงให้ผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉันช่วยสั่งอาหารให้สุดฤทธิ์ หรือไม่ก็พยายามจะไปสั่งพร้อมๆกัน (แต่หลังๆก็เริ่มกล้าเดินไปสั่งคนเดียวแล้ว โดยใช้วิธีชี้เอา) อาหารมื้อแรกในลูฟวร์ได้ไก่ต้มอะไรสักอย่างกับเฟรนฟราย และมูสช็อกโกแลต ซึ่งมันดูน่ากินแต่มันไม่ค่อยถูกปากนักเลยกินไม่หมดเสียดายมากแต่กินต่อไม่ไหวจริงๆ หมดค่าเสียหายไปมื้อนั่นประมาณเดียวกันกับ แมคโดนัลมื้อแรกที่มาถึงแต่ห่อที่เหลือกลับไปกินไม่ได้ โค้กที่ลูฟวร์ขวดเล็กอยู่ที่ขวดละ 3.60 Eur จ๊ากกกกกก!! (ตามร้านขายของชำหรือซูเปอร์มาเก็ต โค้กลิตรขวดใหญ่จะตกอยู่ที่ 1 Eurกว่าๆ)
( อาหารในลูฟร์ )
นั่งเล่นๆให้หายเหนื่อยอยู่สักพักเอาไอโฟนออกมาลองหาสัญญาณเนตเผื่อโชคดี โห๋โชคดีจริงเพราะมีสัญญาณเนทให้ใช้ฟรีของเครือข่ายโทรศัพท์ Orange อย่าว่าของฟรีของเขานะ เร็วปรื๊ดๆๆ
หลังจากที่เติมพลังงานเรียบร้อยแล้วเราก็กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ เราเริ่มมองหาโมนาลิซ่า อยู่ตรงไหนฟร่ะ แผนที่ก็ดูไม่รู้เรื่องเลย เฮ่ะบันไดวนนั้นขึ้นไปแล้วไปถึงไหน ลองกัน โห๋ยยยยย ไม่น่าขึ้นมาเลยได้ 1 หอบ ไม่มีอะไรนั่นคือทางเข้าและทางออก เลยลงบันไดเลื่อนมาที่เดิม สังเกตเห็นรูปโมนาลิซ่าโปรโมทโดดเด่นอยู่ทางฝั่ง Denon ซึ่งเมื่อลงบันไดเลื่อนลงมาจากทางเข้าฝั่งพีระมิดแล้ว ก็จะอยู่ตรงหน้าเลย เราก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปต่อ เดินตามป้ายโมนาลิซ่าอย่างเดียวจนไปเจอThe Winged Victory of Samothrace โอ๊วว ว๊าววว เจอของจริงแล้ว ผ้าช่างพริ้วไหว แล้วเดินเลี้ยวขวาตามป้ายต่อไปอีกจนเจอห้องที่ต้องเลี้ยวเข้าไปทางขวามืออีกที ห้องนี้ไงที่โมนาลิซ่าอยู่ ยืนอื้งกับฝูงชน... เอาหล่ะฟร่ะ อย่างน้อยรู้แล้วว่าโมนาลิซ่าอยู่ตรงไหนพรุ่งนี้จะรีบมาแต่เช้า บึ่งมานี้กันก่อนเลยทีเดียวเดินไป เดินมาไม่ไหวแล้ว เลยตัดสินใจออกจากที่นี้ดีกว่า เราออกประตูฝั่ง Porte des Lions กำลังตัดสินใจว่าเราจะเดินไปหอไอเฟลหรือจะมุดเมโทรไปดี แต่ดูจากระยะทางที่เราเดินเมื่อมาถึงวันแรกแล้ว ตามแผนที่เหมือนจะไกลแต่เอาเข้าจริงมันใกล้กว่าที่คิดเลยมโนเอาเองว่าครั้งนี้ก็คงเหมือนกันเราเลือกที่จะเดิน แต่เนื่องจากความอ่อนล้า เดินไปนั่งไปตลอดทางทีเดียว (กลับมาเสิร์ทระยะทางจากกูเกิ้ลไม่เบาเหมือนกัน เกือบ 4 กิโล แล้วที่เดินไปในลูฟวร์เดินไปกี่กิโลแล้วฟร่ะเนี๊ย)
( The Winged Victory of Samothrace)
( ใครเจอโมนาลิซ่าบ้าง เล็กๆตรงนู้นนนนน )
( บรรยากาศในลูฟร์)
( บรรยากาศในลูฟร์)
( บรรยากาศในลูฟร์)
( บรรยากาศในลูฟร์)
( บรรยากาศด้านนอก จากในลูฟร์)
( บรรยากาศด้านนอก จากในลูฟร์)
( ออกทางประตูฝั่ง Porte des Lions )
[CR] >>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน3 Louvre-Eiffel-Orsay <<<
ฉันเคยเขียนรีวิวการไปเที่ยวครั้งนี้มาก่อนแล้วในช่วงที่กำลังเดินทาง เนื่องจากการถ่ายทอดสดถูกขัดขวางด้วยสถานการณ์บางอย่างเช่น ไม่มีเนต จึงทำให้ขาดจากการเขียนรีวิวตอนอื่นๆไป และในตอนนั่นเขียนได้ไม่ละเอียดนัก เมื่อเวลาผ่านไป (ถึง 1 ปีเลยทีเดียว) ฉันได้บันทึกความทรงจำเก็บเอาไว้ จึงนำมาตัดออก เพิ่มเติมเรื่องราวรายละเอียดบางส่วนแล้วนำมาทำรีวิวขึ้นใหม่อีกครั้งแบบละเอียดขึ้น หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นประโยช์ให้กับผู้ที่กำลังเดินทางไปยังที่เหล่านี้นะค่ะ
******************
ความเดิมกระทู้ที่แล้ว
>>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน1 มุ่งสู่ Paris <<<
http://ppantip.com/topic/32029347
>>> (France-Swiss-Austria-Italy 31 วัน) แบคแพค ตปท.ครั้งแรก ภาษาอังกฤษไม่ดีก็ไปได้ ตอน2 Mont St Michel <<<
http://ppantip.com/topic/32039453
******************
แบ่งเป็นตอนๆในกระทู้นี้
หัวข้อกระทู้ : 7 เมษายน Musée du Louvre
ความคิดเห็นที่ 1 : 7 เมษายน ขึ้นหอ Eiffel
******************
7 เมษายน Musée du Louvre / Eiffel
หลังจากตั้งแต่วันแรกที่มาถึงอากาศไม่เป็นใจเท่าไหร่ ฟ้าครึ้มมีฝนปรอยบ้างเป็นระยะๆ วันนี้คือวันที่ฉันจะได้เข้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่รอคอยแล้ว (ลูฟวร์ในวันอาทิตย์แรกของเดือนเข้าฟรี ซึ่งวันนี้คือวันอาทิตย์แรกของเดือนพอดี) และตอนเย็นเราจะไปขึ้นหอไอเฟลกัน เมื่อตื่นขึ้นมาก็ต้องพบกับความดีใจที่วันนี้ฟ้าใสมีแดด โอ้ช่างดีเหลือเกินที่เจอแดด (ปกติอยู่ไทยภาวนาให้ฟ้าครึ้มอากาศเย็นเพราะความร้อน) วันนี้เราวางแผนนั่งเมโทรไปโผล่สถานี Palais Royal - Musée du Louvreซึ่งจากที่เราอยู่ต้องไปขึ้นเมโทรที่สถานี La Motte-Picquet-Grenelleเดินออกไปนิดเดียวจากสถานี Cambronne แล้วเราต้องไปเปลี่ยนเมโทรที่สถานี Concordeอีกทีหนึ่ง เมโทรสายที่จะไปยังลูฟวร์นั่นไฮโซขึ้นมาหน่อย ประตูจะเปิดปิดเองเหมือน BTS หรือรถไฟใต้ดินบ้านเรานี้แหล่ะ และมีประกาศสถานีที่จะถึงด้วย แต่อย่างไรก็ไม่ได้ช่วยอะไรฉันมากนัก ฉันจึงใช้วิธีนับสถานีที่จะถึงเอาดีกว่า
ปาเรลัวยัล(เลอะ) มิว(อือ)เซดือลูฟว(เวอะ)... เสียงประมาณพนักงานประกาศในห้างเสียงเล็กๆน่ารักๆไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย
(เมื่อออกจากสถานีเมโทร Palais Royal - Musée du Louvre ก็มาต่อคิวเข้าลูฟร์ คนเยอะมากกกก เพราะวันนี้เข้าฟรี )
เมื่อเราโผล่มาที่สถานี Palais Royal - Musée du Louvreนี้เดินตามๆป้ายและฝูงชนมาเรื่อยๆเราก็มาเจอแถวยาวมากๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวันนี้เข้าฟรีหรือเปล่า ต่อแถวไปสักพักก็ไปเจอพีระมิดกลับหัวที่เห็นจากรูปในเนตบ่อยๆ รู้สึกตื่นเต้นที่เป็นผู้ได้อยู่ในเหตุการณ์เองเสียที พอต่อแถวไปเรื่อยๆก็จะเป็นสแกนกระเป๋า ซึ้งด้านขวามือจะมีทางเข้าพิเศษสำหรับทัวร์ทั้งหลายแหล่ให้แซงเราได้ตรวจก่อน นักท่องเที่ยวอื่นๆก็ต่อแถวไปเป็นงูคดเคี้ยว เข้าไปครั้งแรก งง เฮ้ยไปไหนต่อ เดินไปเห็นเคาท์เตอร์ที่มีแผนที่พับๆไว้หลายภาษาก็ไปหยิบภาษาอังกฤษมา ถัดไปหน่อยก็จะเป็นบันไดวนที่ขึ้นไปด้านบนจะเป็นทางเข้าฝั่งพีระมิด ซึ่งตรงนั่นจะเป็นกระจกที่สร้างเป็นพีระมิดที่พอออกไปข้างนอกจะเป็นพีระมิดที่คนชอบมาถ่ายรูปกัน (งงไหม ฉันพิมพ์เองก็งงเอง)
พอได้แผนที่แล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนตรงหน้าไปอย่าง งงๆ เพราะยังดูแผนที่ไม่เป็นว่าตอนนี้เราอยู่โซนไหน รู้แต่ว่าดูจากแผนที่แล้วอยู่ที่ฝั่ง Sally (ซึ่งถึงรู้ว่าอยู่ฝั่งไหนฉันก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าถึงชั้นไหนแล้ว) เพราะลูฟวร์มีหลายโซน หลายชั้น เหลือเกิน เมื่อเราขึ้นบันไดเลื่อนผ่านเข้าไปแล้วเข้าห้องแรกที่เจอคือทางซ้ายมือ ถึงได้รู้ว่านั่นคือห้อง History of the Louvre อยู่ในชั้น -1 Lower Ground Floor ไม่มีอะไรจะบอกนอกจาก ปลื้มปีติ
( ส่วนของห้อง History of the Louvre )
( ส่วนของห้อง History of the Louvre )
( ส่วนของห้อง History of the Louvre )
ถัดจากห้องนั้นแล้วจำได้ว่าเดินเข้าไปเรื่อยๆ ยังงงๆอยู่ว่าตอนนี้เราอยู่ไหนเข้าไปยังโซนศิลปะอียิปต์ เห็นกำแพงยาวๆๆ และมีโมเดลคล้ายๆปราสาท (ดูเทียบจาก Plan กำแพงนั่นคือ Medieval Moat)แล้วก็ขึ้นลง
( ฝั่งศิลปะอียิปต์ )
( ฝั่งศิลปะอียิปต์ )
( ฝั่งศิลปะอียิปต์ )
ขึ้นลงบันไดวนไปมาอยู่หลายรอบก็ยังเป็นอียิปต์อยู่ เยอะมากจริงๆ ล้าจากการขึ้นลง ขึ้นลงมาจาก Mont Saint Michel สักพักเริ่มไม่ไหวหาที่นั่งและที่กินดูแผนที่อีกรอบแล้วหาทางเดินออกมายังระเบียงแถวๆบันไดเลื่อนที่ตรงกลางเป็นบันไดวนขึ้นไปยังพีระมิดด้านบนที่เราเข้ามาตอนแรก เลี้ยวไปด้านขวามือมีห้องอาหารที่ขายอาหาร กาแฟ ขนม ฉันพยายามเกี่ยงให้ผู้ร่วมเดินทางอีกคนของฉันช่วยสั่งอาหารให้สุดฤทธิ์ หรือไม่ก็พยายามจะไปสั่งพร้อมๆกัน (แต่หลังๆก็เริ่มกล้าเดินไปสั่งคนเดียวแล้ว โดยใช้วิธีชี้เอา) อาหารมื้อแรกในลูฟวร์ได้ไก่ต้มอะไรสักอย่างกับเฟรนฟราย และมูสช็อกโกแลต ซึ่งมันดูน่ากินแต่มันไม่ค่อยถูกปากนักเลยกินไม่หมดเสียดายมากแต่กินต่อไม่ไหวจริงๆ หมดค่าเสียหายไปมื้อนั่นประมาณเดียวกันกับ แมคโดนัลมื้อแรกที่มาถึงแต่ห่อที่เหลือกลับไปกินไม่ได้ โค้กที่ลูฟวร์ขวดเล็กอยู่ที่ขวดละ 3.60 Eur จ๊ากกกกกก!! (ตามร้านขายของชำหรือซูเปอร์มาเก็ต โค้กลิตรขวดใหญ่จะตกอยู่ที่ 1 Eurกว่าๆ)
( อาหารในลูฟร์ )
นั่งเล่นๆให้หายเหนื่อยอยู่สักพักเอาไอโฟนออกมาลองหาสัญญาณเนตเผื่อโชคดี โห๋โชคดีจริงเพราะมีสัญญาณเนทให้ใช้ฟรีของเครือข่ายโทรศัพท์ Orange อย่าว่าของฟรีของเขานะ เร็วปรื๊ดๆๆ
หลังจากที่เติมพลังงานเรียบร้อยแล้วเราก็กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ เราเริ่มมองหาโมนาลิซ่า อยู่ตรงไหนฟร่ะ แผนที่ก็ดูไม่รู้เรื่องเลย เฮ่ะบันไดวนนั้นขึ้นไปแล้วไปถึงไหน ลองกัน โห๋ยยยยย ไม่น่าขึ้นมาเลยได้ 1 หอบ ไม่มีอะไรนั่นคือทางเข้าและทางออก เลยลงบันไดเลื่อนมาที่เดิม สังเกตเห็นรูปโมนาลิซ่าโปรโมทโดดเด่นอยู่ทางฝั่ง Denon ซึ่งเมื่อลงบันไดเลื่อนลงมาจากทางเข้าฝั่งพีระมิดแล้ว ก็จะอยู่ตรงหน้าเลย เราก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปต่อ เดินตามป้ายโมนาลิซ่าอย่างเดียวจนไปเจอThe Winged Victory of Samothrace โอ๊วว ว๊าววว เจอของจริงแล้ว ผ้าช่างพริ้วไหว แล้วเดินเลี้ยวขวาตามป้ายต่อไปอีกจนเจอห้องที่ต้องเลี้ยวเข้าไปทางขวามืออีกที ห้องนี้ไงที่โมนาลิซ่าอยู่ ยืนอื้งกับฝูงชน... เอาหล่ะฟร่ะ อย่างน้อยรู้แล้วว่าโมนาลิซ่าอยู่ตรงไหนพรุ่งนี้จะรีบมาแต่เช้า บึ่งมานี้กันก่อนเลยทีเดียวเดินไป เดินมาไม่ไหวแล้ว เลยตัดสินใจออกจากที่นี้ดีกว่า เราออกประตูฝั่ง Porte des Lions กำลังตัดสินใจว่าเราจะเดินไปหอไอเฟลหรือจะมุดเมโทรไปดี แต่ดูจากระยะทางที่เราเดินเมื่อมาถึงวันแรกแล้ว ตามแผนที่เหมือนจะไกลแต่เอาเข้าจริงมันใกล้กว่าที่คิดเลยมโนเอาเองว่าครั้งนี้ก็คงเหมือนกันเราเลือกที่จะเดิน แต่เนื่องจากความอ่อนล้า เดินไปนั่งไปตลอดทางทีเดียว (กลับมาเสิร์ทระยะทางจากกูเกิ้ลไม่เบาเหมือนกัน เกือบ 4 กิโล แล้วที่เดินไปในลูฟวร์เดินไปกี่กิโลแล้วฟร่ะเนี๊ย)
( The Winged Victory of Samothrace)
( ใครเจอโมนาลิซ่าบ้าง เล็กๆตรงนู้นนนนน )
( บรรยากาศในลูฟร์)
( บรรยากาศในลูฟร์)
( บรรยากาศในลูฟร์)
( บรรยากาศในลูฟร์)
( บรรยากาศด้านนอก จากในลูฟร์)
( บรรยากาศด้านนอก จากในลูฟร์)
( ออกทางประตูฝั่ง Porte des Lions )