ปีกมงกุฏ ตอนที่1

ณ ห้องแถลงข่าวของสถานีโทรทัศน์ ช่อง Thai 10 คุณดิษฐ์ เบญจาบูรณี กรรมการผู้จัดการของทางช่องจัดงานแถลงข่าวการประกวดนางสาว ณ สยาม ประจำปี 2557 งานครั้งนี้ สื่อทุกสำนักให้ความสนใจมาทำข่าวกันอย่างหนาตา ด้วยเงินรางวัลที่มากมายถึง 15 ล้านบาท การประกวดครั้งนี้จึงเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว

สลิลทิพย์ซึ่งกำลังทำผมอยู่ในร้านทำผมหรูเจ้าประจำ เงยหน้ามองข่าวชิ้นนี้ในทีวีอย่างไม่ใคร่จะสนใจนัก ผิดกับเอมม่าเจ้าของร้านทำผมที่ดูจะสนใจเป็นพิเศษ ถามเธอว่าไม่คิดจะส่งน้องอร  หรืออรสินีลูกสาวของเธอเข้าประกวดกับเขาบ้างหรือ ตำแหน่งชนะเลิศจะนำมาซึ่งชื่อเสียง เงินทอง และอาจทำให้ธุรกิจของเธอรั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว สลิลทิพย์คงต้องกลับไปถามเจ้าตัวดูก่อนว่าสนใจหรือเปล่า

เอมม่านำเครื่องอบผมมาครอบผมให้สลิลทิพย์ เป็นจังหวะเดียวกับดารินทร์เปิดประตูร้านเข้ามา เจ้าของร้านทักทายอย่างคุ้นเคยว่าทำไมหายไปนาน สบายดีหรือ ดารินทร์เหลือบเห็นสลิลทิพย์ซึ่งเงยหน้าจากนิตยสารมองมาพอดี ต่างฝ่ายต่างตกใจคาดไม่ถึง ดารินทร์ตั้งสติได้ก่อน มือที่ถือแก้วกาแฟเย็นเกร็งแน่น

“วันนี้คงไม่ค่อยสบาย สงสัยจะก้าวเท้าผิดก่อนออกจากบ้าน เลยทำให้เจออะไรซวยๆ” ดารินทร์ทำทีจะไปนั่งเก้าอี้ข้างสลิลทิพย์ แต่แกล้งสะดุดขาตัวเอง ทำแก้วกาแฟเย็นหกรดคู่อริซึ่งลุกพรวดจะเอาเรื่อง แต่หัวโขกกับเครื่องอบผม ทรุดลงไปนั่งอย่างเดิม เอมม่ารีบยกเครื่องอบผมออกให้

“อีบ้า เลอะเทอะหมดเลย แก...แกแกล้งฉันใช่ไหม” สลิลทิพย์จะเล่นงานดารินทร์ แต่เอมม่าขวางไว้ขอร้องอย่ามีเรื่องกันเลย แล้วพาเธอไปล้างตัวในห้องน้ำ ดารินทร์มองตามสะใจ...

แค่โดนกาแฟเย็นราดยังไม่ทำให้ความแค้นที่

ดารินทร์มีต่อสลิลทิพย์ลดน้อยลง เธอจึงตามไปที่ลานจอดรถของร้านทำผม ว่ากระแนะกระแหนสลิลทิพย์ต่างๆ นานา คนถูกว่าหมดความอดทนจะเข้าไปเล่นงาน ดารินทร์

หยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าขึ้นมาขู่ ถ้าอยากขึ้นหน้าหนึ่งเพราะ ทำร้ายตนก็เข้ามาได้เลย สลิลทิพย์ไม่อยากให้เป็นข่าวฉาวจัดแจงเดินหนี ดารินทร์ขวางไว้ชวนให้อยู่คุยรื้อฟื้นความ หลังกันก่อนเนื่องจากไม่ได้เจอกันนาน

“ฉันไม่มีความหลังกับแก นังเมียน้อย”

“เมียน้อยหรือ แหม เรียกแบบนี้ทำเอาฉันคิดถึงผัวหล่อนขึ้นมาตงิดๆเลย” ดารินทร์ลอยหน้ายั่วโมโหสลิลทิพย์ปรี๊ดแตก ชี้หน้าด่าว่าหน้าด้าน แล้วขู่ซ้ำ ถ้า มายุ่งกับผัวของตนอีก รับรองคราวนี้ไม่รอด

“เหรอ ฉันกลัวมากนะนี่ ที่ผ่านมาฉันอาจจะไม่ทันความร้ายกาจของแก แต่คราวนี้ ฉันเอาคืนแน่” ดารินทร์มองข้ามไหล่สลิลทิพย์ เห็นอาชัญสามีของคู่อริเดินเข้ามา รีบพุ่งไปเกาะแขน ทักทายอย่างสนิทสนม เขาได้แต่นิ่งอึ้งไม่คาดคิดว่าจะเจอเธอ

“ดีใจจังเลยค่ะ ที่ได้เจอคุณ คิดถึงคุณนะคะ เสียดายจัง วันนี้ไม่สะดวก ไม่อย่างนั้นจะชวนคุณไปรำลึกความหลังเสียหน่อย เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกัน ดาไปก่อนนะคะ บาย” ดารินทร์พูดจบปรายตามองสลิลทิพย์แล้วผละจากไป อาชัญมองตามงงๆ สลิลทิพย์กระชากแขนสามีอย่างขุ่นเคืองพร้อมกับตวาดลั่นจะมองมันทำไม...

สลิลทิพย์หงุดหงิดไม่เลิกไม่แล้ว ตั้งแต่ออกจากร้านทำผมยันถึงบ้าน ถามอาชัญเสียงเขียวว่ายังติดต่อกับดารินทร์อยู่หรือเปล่า เขาจะไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร เธอก็รู้ว่าตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นไปอยู่กับใคร

ooooooo

ตกค่ำ งานเลี้ยงขอบคุณผู้สนับสนุนการประกวดนางสาว ณ สยาม จัดขึ้นที่สถานีโทรทัศน์ ช่อง Thai 10 แขกผู้มีเกียรติต่างมาร่วมงานกันคับคั่ง ทันทีที่นายพลอัศวินเดินควงคู่มากับดารินทร์ ดิษฐ์กระเซ้ามุกตาภาลูกสาวตัวเองว่าอย่าลืมให้คนไปตามเก็บภาพท่านด้วย อย่าให้เสียชื่อคู่หมั้นลูกชายของท่าน

“ค่ะ แต่ขอถ่ายเฉพาะคุณพ่อกับคุณลุงอัศวินนะคะ”

“ไม่เอาน่า ใจกว้างหน่อย ความสุขของว่าที่พ่อสามีนะ” ดิษฐ์ว่าแล้วเดินเข้าไปขอบคุณนายพลอัศวินที่ให้เกียรติมาร่วมงาน มุกตาภาตามเข้ามาไหว้ทักทายท่านเช่นกัน ท่านรีบออกตัว ในเมื่อเป็นงานของคู่หมั้นลูกชายของท่าน จะไม่มาได้อย่างไร และที่สำคัญท่านเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินการประกวดครั้งนี้ด้วย

มุกตาภาเหลือบเห็นอาชัญเข้ามาในงาน รีบกระซิบพ่อให้ไปต้อนรับ ดิษฐ์เชิญนายพลอัศวินกับดารินทร์

ตามสบาย เขาขอตัวไปรับแขกก่อน แล้วเดินออกไปกับ ลูกสาว...

ไม่นานนัก สลิลทิพย์กับอรสินีปรากฏตัวขึ้นในงาน ทุกคนต่างเหลียวมองอรสินีเป็นตาเดียวกัน ตะลึงในความงดงามของเธอ แขกร่วมงานคนหนึ่งอดทักไม่ได้ หนูอรสวยขนาดนี้ สลิลทิพย์น่าจะส่งประกวด รับรองชนะแน่นอน อรสินีถ่อมตัวว่าตัวเองสวยไม่พอกับตำแหน่งนางสาว ณ สยาม สลิลทิพย์ขอตัวพาลูกสาวไปทักทายเจ้าของงานก่อน แขกคนนั้นมองตามสองแม่ลูก ก่อนจะหันไปเม้าท์กับเพื่อนที่มาด้วยกัน

“เห็นวงในเขาซุบซิบกันว่าลูกชายคุณดิษฐ์เทียวไล้เทียวขื่อหนูอรอยู่น่ะ จริงหรือเปล่า”

“ก็คงจะจริงล่ะมั้ง ลูกเศรษฐีพวกนี้ เขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก เรือล่มในหนองทองจะไปไหน”

เสียงพิธีกรของงานประกาศเชิญ ชญานนท์ เบญจา–บูรณี ทายาทของดิษฐ์ ผอ.กองประกวดนางสาว ณ สยาม ขึ้นมาบนเวที สองขาเม้าท์จึงหยุดนินทา หันไปสนใจบนเวทีแทนที่...

หลังจากชญานนท์กล่าวขอบคุณพันธมิตรที่ให้การสนับสนุนการประกวดครั้งนี้เรียบร้อย รีบลงจากเวทีไปหาอรสินีที่หลบออกมาเดินเตร่อยู่นอกห้องจัดเลี้ยง กระเซ้าว่าเบื่องานเลี้ยง เบื่อคนมากๆ ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเปลี่ยน เธอยอมรับว่าเป็นอย่างที่เขาว่า งานหนักขนาดไหนเธอรับได้หมด แต่ถ้าให้ออกงานรับไม่ไหวจริงๆ

“พี่นนท์กลับเข้าไปในงานก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวน้องอรตามเข้าไป”

ชญานนท์คะยั้นคะยอให้อรสินีเข้างานพร้อมกัน เธอเถียงไม่ออกจำต้องพยักหน้ารับคำ...

ด้านสลิลทิพย์เดินหน้าบูดเข้ามาหาอาชัญ บ่นเป็นหมีกินผึ้ง วันนี้เป็นวันซวยอะไรกันหนักหนา ถึงหนีดารินทร์ไม่พ้น เขาท้วงว่าเธอน่าจะสบายใจด้วยซ้ำ สลิลทิพย์สวนขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์

“สบายใจเรื่องอะไรคะ เรื่องที่เห็นนังนั่นมากับท่านอัศวินน่ะหรือ ผู้หญิงสีทองทั้งตัวแบบนั้น มันพร้อมจะเป็นเมียน้อยให้ผู้ชายพร้อมๆกันหลายคนอยู่แล้ว คุณอยู่แถวนี้นะอย่าไปไหน เดี๋ยวฉันมา” สลิลทิพย์ผละจากไปโดยไม่รู้ดารินทร์คอยจับจ้องมองอยู่อย่างมีเลศนัย ครู่ต่อมา ขณะสลิลทิพย์เข้าไปสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องน้ำดารินทร์ตามมาเยาะเย้ยว่าถึงขนาดต้องหลบเธอมาอยู่ในนี้เลยหรือ สลิลทิพย์ไม่ได้หลบ แค่ไม่อยากเห็นหน้าเธอให้เป็นเสนียดกับลูกตาตัวเอง ดารินทร์-ดันถ้าคิดคำด่าได้แค่นี้ ควรกลับไปยืนเฝ้าสามีน่าจะดีกว่า

“อ้อ...แล้วฉันจะบอกอะไรให้นะ เสนียดในตัวฉัน มันเทียบกับความเลวทรามต่ำช้าของผู้หญิงที่ฉาบหน้าว่าเป็นไฮโซ ผู้ดี แต่การกระทำโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างแกไม่ได้เลย ถ้าวันนั้นฉันตายไป แกก็คือฆาตกร”

“แกพูดเรื่องอะไร อย่ามาใส่ร้ายป้ายสีฉันนะ”

“ฉันจะใส่ร้ายแกทำไม วันนี้แกมีอะไรมั่ง ผู้ชายข้างตัวก็เทียบกันไม่ติด ธุรกิจก็เทียบกันไม่ได้ รูปร่างหน้าตาก็...หมดสภาพ ไหน ลองคิดสิว่าแกมีอะไรที่พอจะเชิดหน้าชูตาได้บ้าง”

สลิลทิพย์โกรธควันแทบออกหู ไม่ทันจะอ้าปากด่า อรสินีเข้ามาตามเสียก่อน ดารินทร์รีบเดินเลี่ยงออกมาเธอมองตามแค้นใจมาก

ooooooo

สลิลทิพย์นึกถึงคำเย้ยหยันของดารินทร์ในงานเลี้ยงเมื่อคืนแล้วทนไม่ได้ ตัดสินใจจะส่งอรสินีเข้าประกวดนางสาว ณ สยาม อติรุจลูกชายคนโตไม่เห็นด้วยที่แม่จะทำอย่างนั้น

“แม่ไม่ได้ให้รุจไปประกวดสักหน่อย คนที่จะปฏิเสธหรือเห็นด้วยกับแม่ คือยายอรคนเดียว...อร แม่ไม่เคยขอให้อรทำอะไรที่ฝืนใจอรเลยใช่ไหมลูก ทุกอย่างที่แม่ให้อรทำ ก็เพราะว่าแม่หวังดีกับลูก”

อติรุจดักคอถ้าแม่พูดขนาดนี้ น้องคงปฏิเสธไม่ลง เป็นอย่างที่เขาว่าไม่มีผิด อรสินีตอบตกลงจะทำตามที่แม่ต้องการโดยไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อย อติรุจไม่เข้าใจทำไมอยู่ดีๆ แม่ถึงอยากเป็นแม่นางงามขึ้นมา

“เพราะแม่ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าชีวิตแม่สมบูรณ์แบบแค่ไหนไง มีครอบครัวที่ดี มีลูกชายเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ แล้วก็มีลูกสาวที่มีคุณสมบัติครบถ้วน”

“แล้วถ้าอรไม่ได้เป็นนางสาว ณ สยามล่ะคะ”

สลิลทิพย์มั่นใจว่าลูกต้องได้เป็น เพราะเธอสวย ธรรมชาติไม่ใช่ด้วยมือหมอ และที่สำคัญ งานนี้ ช่อง Thai 10 เป็นคนจัด ชญานนท์ต้องช่วยพวกเราอยู่แล้ว...

เพื่อไม่ให้น้องสาวต้องเคร่งเครียดกับการจัดงานประกวดนางงามครั้งนี้มากเกินไป และที่สำคัญน้องจะได้มีเวลาให้ณเดชย์คู่หมั้นของเธอ ชญานนท์จึงตกลงใจจะให้คุณรัตน์มาช่วยดูแลเรื่องแผนการประชาสัมพันธ์ ดิษฐ์เห็นด้วยกับลูกชาย มุกตาภาเจอสองรุมหนึ่งเข้าไปถึงกับค้านไม่ออก

“แบบนี้มุกก็ต้องยอมค่ะ มุกไปก่อนนะคะ มีนัดสำคัญค่ะ” มุกตาภาพูดจบ รีบออกจากห้องประชุม ดิษฐ์และชญานนท์มองตามยิ้มๆ...

จากนั้นไม่นาน มุกตาภามาถึงร้านอาหารตามนัด เธอดูกระตือรือร้นที่ได้เจอณเดชย์คู่หมั้นของตัวเอง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ค่อยจะใส่ใจเธอนัก ถามคำตอบคำ แถมชิงสั่งอาหารก่อนเธอเสียอีก...

ชญานนท์แปลกใจเมื่อรู้ว่าอรสินีจะเข้าประกวดนางงามครั้งนี้ด้วย ทั้งๆที่เธอเป็นคนไม่ชอบออกงานสังคมและไม่ชอบการแข่งขัน แต่แล้วความจริงก็เปิดเผยที่เธอเข้าประกวดก็เพื่อสนองความต้องการของแม่เธอเอง

ooooooo

หลายวันต่อมา...

ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะตรีอัปสรกำลังเข็นรถใส่กระเป๋าเดินทางออกมาจากประตูผู้โดยสายขาออก เจอ

อติรุจ อรสินีและชญานนท์มารอรับอาชัญกลับจากต่างประเทศ อติรุจตื่นเต้นดีใจที่ได้เจอเธอ เช่นเดียวกับอร–

สินีผู้เป็นน้องสาว เพราะไม่ได้เจอกันนานมากนับตั้งแต่ตรีอัปสรไปเรียนต่อเมืองนอก ผิดกับชญานนท์ที่ดูเย็นชาและหมางเมิน อติรุจอาสาจะไปส่งเธอให้ ถ้าไม่มีใครมารับ

“ขอบคุณค่ะ ตรีไม่รบกวนคุณรุจหรอกค่ะ แม่มารับตรีค่ะ”

อติรุจแสดงออกชัดเจนว่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่คุยกับเธอนานๆ ชญานนท์บอกให้เขาอยู่คุยก่อนก็ได้ ตนกับน้องอรจะไปรอคุณน้าเอง อติรุจยังไม่ทันจะพูดอะไร แม่ของตรีอัปสรโทร.มาตาม เธอขอตัวก่อน อติรุจรีบหยิบนามบัตรให้ บอกให้โทร.หาจะได้นัดไปกินข้าวกัน เธอยิ้มรับ บอกลาทุกคนแล้วรีบลากรถเข็นออกไป...

ดารินทร์ซึ่งรออยู่อีกมุมหนึ่งของทางออกอาคารผู้โดยสาร เห็นตรีอัปสร รีบโผเข้าไปหาด้วยความดีใจ แต่เธอกลับไหว้สวัสดีแม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย ดารินทร์ตัดพ้อว่าทำหน้าดีใจหน่อยไม่ได้หรือ

“ไปเถอะแม่ ตรีเหนื่อยจะแย่แล้ว”  ตรีอัปสรตัดบท...

ฝ่ายอรสินีอดกระเซ้าพี่ชายตัวเองไม่ได้ ที่สีหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุขที่ได้เจอตรีอัปสร แล้วหันไปถามชญานนท์ว่าเมื่อไหร่จะคุยกับเธอดีๆสักที เขาทำเฉไฉ คุยไม่ดีตรงไหน

“ก็ไม่ถึงกับไม่ดีหรอกค่ะ เพียงแต่หน้าพี่นนท์เฉยเมยไร้ความรู้สึกไปนิดน่ะค่ะ จริงไหมคะพี่รุจ”

อติรุจยังไม่ทันจะตอบ เห็นพ่อเดินออกมาจากด้านใน รีบชวนกันไปรอรับ...

ระหว่างนั่งรถกลับบ้าน ดารินทร์เห็นลูกเอาแต่นั่งหลับตา ถามว่าเหนื่อยจริงๆ หรือว่าไปเจอใครที่สนามบินตรีอัปสรลืมตามองแม่ ก่อนจะบอกว่าเจอเพื่อนเก่า

ตั้งแต่ตอนที่เธออยู่สลัม ดารินทร์ชักสีหน้าไม่พอใจ เอ็ดเสียงเขียว จะพูดถึงที่นั่นให้ได้อะไรขึ้นมา หญิงสาวไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย

“ช่างมันเถอะแม่ ว่าแต่แม่เถอะ ให้ตรีดร็อปเรียนแล้วเรียกกลับมาด่วนขนาดนี้ แม่จะให้ตรีทำอะไร”

ดารินทร์ยังไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้ เพราะไม่ต้องการให้คนขับรถได้ยิน รอจนกระทั่งถึงบ้านเรียบร้อย จึงยอมเฉลยสาเหตุที่ต้องเรียกตัวลูกกลับกะทันหัน เพราะต้องการจะให้มาประกวดนางสาว ณ สยาม หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ จังหวะนั้น ปิ๋มสาวใช้เข้ามาถามตรีอัปสรว่าจะให้เธอจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เลยไหม

“ให้ฉันรื้อของออกมาก่อนแล้วกัน แล้วแกค่อยขึ้นไปจัด แม่ ตรีไปอาบน้ำก่อนนะ”

“แล้วลงมากินข้าวด้วยกันนะ วันนี้คุณอัศวินมา”

ตรีอัปสรชักสีหน้าทันที ดารินทร์ไม่พอใจท่าทางของลูกสาว สั่งห้ามทำหน้าแบบนี้กับเธออีก ถ้าเราสองแม่ลูกไม่ได้ท่านอัศวิน ป่านนี้ไม่รู้ไปซุกอยู่รูไหน ไม่ได้มาชูคอเป็นไฮโซ เซเลบ แบบนี้หรอก

“ใครบอกแม่ว่าเราเป็นไฮโซ เซเลบ แม่คิดไปเองหรือเปล่า” ตรีอัปสรส่ายหน้าอย่างระอาใจ ก่อนจะลุกออกไป ดารินทร์มองตามหงุดหงิดใจ ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกหรือเป็นศัตรูของตนกันแน่...

ในเวลาต่อมา ตรีอัปสรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ออกจากห้องน้ำเห็นปิ๋มเอาเสื้อตัวสุดท้ายแขวนในตู้เสื้อผ้า คุยว่ามีของฝากให้ปิ๋มกับแป๋วแม่ของปิ๋มด้วย แต่อยู่ในกระเป๋าอีกใบ ว่างๆเธอจะรื้อให้ ปิ๋มขอตัวลงไปช่วยแม่จัดสำรับก่อน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่