เพิ่งนึกขึ้นมาตอนตลาดวาย
ตามละคร
เกนหลงไม่ได้รู้เรื่องคุณสุเป็นภรรยาแต่ในนามของท่านเจ้าสัวนิ
นั่นหมายถึง ทั้งที่เธอคิดว่า ท่านเจ้าสัวกับคุณสุมีลูกด้วยกันสองคน ซึ่งเป็นน้องแท้ๆ ของพี่เอื้อ
แต่เธอก็ยังอุตส่าห์เชียร์พี่เอื้อให้สมหวังกับแม่เลี้ยงตัวเอง ซึ่งมีลูกกับพ่อตัวเองไปแล้ว
ตอนเธอบอกว่าเชียร์คู่นี้ เขมทักท้วงแล้ว
แต่เกนหลงบอกแค่ว่า "เขมนี่หัวโบราณจัง เกนนับถือความรักของพี่เอื้อ" อะไรทำนองนี้
-------------------------------
บทตรงนี้มันแปร่งๆ ไปไหมอ่ะ
ถ้าหนูเล็กยังไม่มีลูกกับท่านเจ้าสัวก็ว่าไปอย่าง
นี่ลูกของหนูเล็กก็คือน้องของเอื้อ แล้วถ้าเอื้อแต่งกะหนูเล็กจะนับญาติอย่างไร
ไม่เข้าใจความคิดเกนหลงตรงนี้แฮะ
คนหัวสมัยใหม่ขนาดไหนอ่ะถึงคิดล้ำขนาดนี้ (นึกถึงนิทานเวตาลแฮะ)
ถ้าจะดัดแปลงบทตรงนี้ น่าจะหาเหตุผลรองรับที่ดีกว่านี้เหรือเปล่า หรืออย่าให้เกนหลงเชียร์ออกหน้าจะดีกว่า
เช่นให้คอยมองคู่เอื้อกับหนูเล็กเงียบๆ ไม่เชียร์แต่ไม่ห้าม ออกแนวเห็นใจจะเหมาะกว่าไหม
เกนหลง นึกไงถึงเชียร์เอื้อกับคุณสุ ?
ตามละคร
เกนหลงไม่ได้รู้เรื่องคุณสุเป็นภรรยาแต่ในนามของท่านเจ้าสัวนิ
นั่นหมายถึง ทั้งที่เธอคิดว่า ท่านเจ้าสัวกับคุณสุมีลูกด้วยกันสองคน ซึ่งเป็นน้องแท้ๆ ของพี่เอื้อ
แต่เธอก็ยังอุตส่าห์เชียร์พี่เอื้อให้สมหวังกับแม่เลี้ยงตัวเอง ซึ่งมีลูกกับพ่อตัวเองไปแล้ว
ตอนเธอบอกว่าเชียร์คู่นี้ เขมทักท้วงแล้ว
แต่เกนหลงบอกแค่ว่า "เขมนี่หัวโบราณจัง เกนนับถือความรักของพี่เอื้อ" อะไรทำนองนี้
-------------------------------
บทตรงนี้มันแปร่งๆ ไปไหมอ่ะ
ถ้าหนูเล็กยังไม่มีลูกกับท่านเจ้าสัวก็ว่าไปอย่าง
นี่ลูกของหนูเล็กก็คือน้องของเอื้อ แล้วถ้าเอื้อแต่งกะหนูเล็กจะนับญาติอย่างไร
ไม่เข้าใจความคิดเกนหลงตรงนี้แฮะ
คนหัวสมัยใหม่ขนาดไหนอ่ะถึงคิดล้ำขนาดนี้ (นึกถึงนิทานเวตาลแฮะ)
ถ้าจะดัดแปลงบทตรงนี้ น่าจะหาเหตุผลรองรับที่ดีกว่านี้เหรือเปล่า หรืออย่าให้เกนหลงเชียร์ออกหน้าจะดีกว่า
เช่นให้คอยมองคู่เอื้อกับหนูเล็กเงียบๆ ไม่เชียร์แต่ไม่ห้าม ออกแนวเห็นใจจะเหมาะกว่าไหม