ฝ่ายค้านอินเดียรู้จักรอ

ศุกร์ 16 พฤษภาคม 2557 พ่อนั่งรถจากเมืองไวสาลี ผ่านหมู่บ้านเกสรียา เมืองสำคัญในอดีตของรัฐพิหาร เพื่อต่อไปยังเมืองกุสินารา รัฐอุตรประเทศ ศุกร์ที่แล้วถนนโล่งโจ้ง เพราะผู้คนเอาแต่เฝ้าบ้านเพื่อฟังผลการเลือกตั้งทั่วไป ผู้อ่านท่านครับ การเลือกสมาชิกโลกสภา ก็คือ การเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของอินเดีย บรรยากาศตามเมืองต่างๆ ร้านรวงสองข้างทางต่างเปิดโทรทัศน์รายงานผลการเลือกตั้งกันดังลั่น ฝูงชนยืนรอดูอยู่เต็มหน้าร้าน เชียร์กันสนั่นสำเนียงเสียงดังกว่าการเชียร์กีฬาใดๆ เท่าที่เคยอุบัติในสาธารณรัฐอินเดีย

คนไทยที่ไปด้วยกันนัยน์ตาวาวร้อนผ่าวด้วยความอิจฉาริษยาปนความน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าทำไมคนไทยจำนวนหนึ่งจึงไม่ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเหมือนในอินเดียและในอีกมากมายหลายประเทศของโลก แม้ว่าสภาพผู้คนทั่วไปในรัฐพิหารและรัฐอุตรประเทศจะยากจนเข็ญใจกว่าคนไทยโดยทั่วไป แต่จิตใจกลับสูงส่งด้วยระบบยุติธรรมสากลของโลก นั่นคือระบบประชาธิปไตย ที่ให้ประชาชนคนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นผู้ตัดสินใจ ว่าใครจะเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ใครจะเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนคนทั้งผอง

ที่คนทั่วโลกชื่นชมอย่างที่สุดก็คือ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง”ของอินเดีย ด้วยประชากรหนึ่งพันกว่าล้านคน ทำให้อินเดียมีผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งมากถึง 814 ล้านคน ต้องใช้คูหาเลือกตั้งทั้งประเทศมากถึง 930,000 แห่ง นอกจากจะต้องเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจเป็นประชาธิปไตยแล้ว กกต.อินเดียยังต้องเป็นคนที่มีความสามารถสูงส่ง จึงจะสามารถบริหารอภิพญามหางานที่สลับซับซ้อนอย่างการเลือกตั้งทั้งประเทศอินเดียได้ ผิดกับในหลายประเทศ แค่หน่วยเลือกตั้งเพียงเก้าหมื่นกว่าไม่ถึงแสนแห่ง คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ไม่เอาแล้ว เลื่อนไปเลื่อนมา จนสถานะความเป็นประชาธิปไตยของประเทศเสื่อมถอยไปในสายตาของชาวโลก

คนอินเดียจำนวนไม่น้อยมีปัญหาด้านสถานะทางเศรษฐกิจ ทว่ามนุษย์บนโลกทั้งใบก็ไม่มีใครชาติไหนกล้าดูหมิ่นถิ่นแคลนคนอินเดีย เพราะศักดิ์ศรีของคนอินเดียมาจากการเมืองที่ผู้เล่นรู้แพ้รู้ชนะ สมัยก่อนย้อนหลังไปประมาณ พ.ศ.2543 นายกรัฐมนตรีของอินเดียมาจากพรรคภารติยะชนะตะ คนทั่วไปเรียกกันด้วยตัวอักษรย่อว่า พรรคบีเจพี ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมฮินดู เมื่อมีข่าวทุจริตคอร์รัปชันกับรัฐมนตรีหลายคนของรัฐบาลนายวัชปายี ประชาชนคนอินเดียทั้งประเทศก็รอเวลาเทพรรรคบีเจพีทิ้ง และเลือกผู้สมัครจากพรรคคองเกรสเข้าโลกสภามากขนาดสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

นายมานโมฮัน ซิงห์ จากพรรคคองเกรส ชนะเลือกตั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัยติดต่อกัน ระหว่างนั้น พรรคบีเจพีก็เก็บเนื้อ เก็บตัว เร่งให้ ส.ส.และผู้ที่จะสมัคร ส.ส. ของฝ่ายตนทำความดี มีการรวมกลุ่มกันออกแบบนโยบายที่จะใช้อวดประชาชนแข่งกับพรรคคองเกรส ในขณะเดียวกันก็ตั้งทีมสำรวจตรวจสอบการทำงานของรัฐมนตรีของพรรคคองเกรสอย่างถึงลูกถึงคน ในห้วงช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการทุจริตคอร์รัปชันในรัฐบาลของพรรคคองเกรส พรรคบีเจพีก็เอาเรื่องพวกนี้มาโพนทะนาสาธยายฟ้องประชาชน ว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปอย่าเลือกพรรคคองเกรสเข้ามาเป็นรัฐบาล เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับการคอร์รัปชันมากเหลือเกิน

สิ่งที่พรรคบีเจพีไม่ทำคือการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่เฝ้าอดทนรอ หมั่นทำความดี และชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องของพรรคคองเกรส

เมื่อวันเวลานาทีสำคัญมาถึง พรรคบีเจพีก็ส่งผู้สมัคร ส.ส. เพื่อให้ประชาชนคนทั้งประเทศตัดสินใจ และประกาศก้องร้องบอกประชาชนว่า ถ้าต้องการให้พรรคบีเจพีเป็นรัฐบาล ขอท่านประชาชนเมตตากรุณาเลือก ส.ส.ของบีเจพีเข้ามาเยอะๆ ช่วยเลือกเข้าสภามาอย่างถล่มทลาย

และผู้อ่านท่านครับ ผลของการเลือกตั้งของอินเดียก็ประกาศอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม 2557 พรรคบีเจพี และพรรคพันธมิตร ได้ ส.ส.ทั้งหมด 339 คน, พรรคคองเกรส และพรรคพันธมิตรได้ 59 คน และพรรคอื่นๆ ได้ 145 คน จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมดของโลกสภา 543 คน

พรรคบีเจพีได้เป็นรัฐบาล

เรื่องนี้ สอนให้นักการเมืองไทยจะต้องรู้จัก “รอ” และ “ปรับปรุงนโยบาย”ขายแข่งกันในสนามเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตยเหมือนอย่างในอินเดียบ้าง?



คุณนิติ นวรัตน์

ที่มา
http://www.thairath.co.th/content/423506
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่