สวัสดีอีกครั้งครับ
คราวที่แล้วผมพาไปเที่ยวเมอร์เร่น [
http://ppantip.com/topic/32030478] คราวนี้ผมเอาของดองมาปล่อยอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ที่อันซีน ลึกลับ ซับซ้อนมากมาย เรียกว่าเป็นที่ ที่คนมาเยือนสวิสเซอร์แลนด์ส่วนมากเลือกที่จะเดินทางไปเยี่ยมชมด้วยซ้ำ เพียงแต่เป็นมุมที่นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเลือกไปเพราะมันไม่ค่อยดังและไม่สะดวกเท่าไหร่นัก วันนี้ผมจะนำเมืองเซอร์แมท (Zermatt) เมืองสุดฮิตมานำเสนอครับ
เริ่มด้วยแผนที่เมืองเซอร์แมทกันก่อนเลย อันนี้เป็นตัวเต็มนะครับ เผื่อคนวางแผนจะไปเที่ยว จะได้ซูมดูเป็นจุดๆไปได้
http://files.gadmin.ch/15893
แน่นอนว่าคนไปเมืองเซอร์แมทก็เพื่อไปชมความงามของภูเขาทรงแปลกตาที่ชื่อแมธเธอร์ฮอร์น (Matterhorn) แต่มุมที่นักท่อเที่ยวถ่ายรูปมา เท่าที่ผมเห็นก็มีแต่มุมซ้ำเดิม เป็นมุมยอดฮิตที่เรียกว่าเห็นจนจำได้ตั้งแต่วางแผนจะไปซะอีก มุมที่เห็นๆก็มีอย่างเช่นถ่ายจากในเมืองบ้าง จาก กอร์เนอร์กราท จาก คไลนน์แมธเธอร์ฮอร์น บ้าง หรือไม่ก็จากสถานีรถไฟ และ ภาพถ่ายสะท้อนทะเลสาบ Riffelsee
หรือถ่ายแบบมีพร้อพ (เห็นหมีกันมั้ยครับ
) หมีเป็นสัญลักษ์ของเมืองเบิร์น เมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเจ้าของเค้าเกิดที่นั้นด้วยครับ
ผมมีอีกมุมนึงที่อยากนำเสนอวันนี้คือ แมธเธอร์ฮอร์นระยะประชิด ตามที่สัญญาไว้จากหัวกระทู้
ถ้าคิดว่ามุมนี้น่าโดน น่าลอง น่าไป ก็มาดูแผนที่กันเลยครับ
จุดที่เราจะไปชื่อว่า ฮอร์นลิฮูท(Hörnlihütte) ครับ อยู่ในดาวสีแดงด้านบนขวาของแผนที่ ในขณะที่มุมที่นักท่องเที่ยวนิยมไปผมวงไว้ด้วยวงกลมสีขาวสองอัน กอร์เนอร์กราทอยู่ด้านซ้ายมือ ส่วน คไลนน์แมธเธอร์ฮอร์นอยู่ตรกลางครับ ผมเริ่มเดินเท้าจากสถานีเคเบิ้ลคาร์ ฟูริ (Furi) ขึ้นไปยังสถานีเคเบิ้ลคาร์ ชวาซเซ (Schwarzsee) และเดินต่อขึ้นไปยัง ฮอร์นลิฮูท(Hörnlihütte) เพราะอยากออกกำลัง (และประหยัดตังค์) ครับ แต่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเคเบิ้ลคาร์ไปยัง ชวาซเซ (Schwarzsee) ได้โดยตรงครับ
แล้วเดินต่อไปยัง ฮอร์นลิฮูท(Hörnlihütte) ได้ทันที
ปล. ทริปนี้ผมไปเมื่อเดือน 8 ปี 2555 นะครับ เป็นช่วงหน้าร้อนแบบสุดๆเลย หิมะเลยมีน้อย เหมาะแก่การเดินครับ หากอยากไปตามที่ผมแนะนำก็คสรตรวจสอบสภาพอากาศให้ดี หรือสอบถามที่สถานีเคเบิ้ลคาร์ตอนมาถึงแล้วก็ได้ครับ ว่าเดินได้รึเปล่า
ดูภาพระหว่างทางเดินขึ้นก่อนนะครับ เผื่อจะเปลี่ยนใจหลายๆท่านให้เดินขึ้นแบบผมได้
ภาพเมืองเซอร์แมทครับ
สถานีกระเช้าสกีระหว่างทาง เคเบิ้ลคาร์จากฟูริก็ผ่านเส้นนี้ครับ แต่ไม่จอด
เมาท์เท่นไบค์ เห็นแล้วเสียวแทน ล้มมาทีนึงนี้มีแต่หินก้อนใหญ่ๆ ทางก็ชัน โรงบาลก็ไม่มีนะครับ
ตลอดทางที่เดินมาจากฟูริจะยังไม่เห็นแมธเธอร์ฮอร์นครับ เพราะโดนภูเขาบังอยู่ แต่พอเดินมาได้ซักครึ่งทาง ก็จะได้เห็นวิวแบบนี้ครับ
หนทางยังอีกยาวไกล
แต่ก็ได้เห็นยอดเซอร์แมทอยู่ลิบๆแล้ว จากนี้ยิ่งเดินไปแมธเธอร์ฮอร์นก็จะโผล่มาให้เห็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ
โรแรมที่เห็นคือ Hotel Schwarzsee ครับ ใครมีทุนทรัพย์เพียงพอก็มานอนเสพวิวแมธเธอร์ฮอร์นให้เต็มอิ่มได้ที่นี้ แต่ยาจกอย่างผมนอนได้แต่ฮอสเทลในเมืองข้างล่างครับแหะๆ
ที่เห็นด้านขวาคือสถานีเคเบิ้ลคาร์ Schwarzsee ครับ ที่ผมบอกว่าจะนั่งมาลงที่นี้เลยก็ได้ ไม่ต้องเสียแรง เสียเวลาเดินขึ้นมา
ป้ายจาก Schwarzsee ครับ จากจุดนี้ไป ฮอร์นลิฮูท(Hörnlihütte)ใช้เวลา 2ชั่วโมง 10นาที เวลานี้คือคนทั่วไปเดินเรื่อยๆไม่หยุดนะครับ หากหยุดพัก หรือถ่ายรูปก็บวกเวลาเพิ่มเข้าไป ณ จุดนี้ควรประเมิณว่าเราจะเดินทันหรือไม่และเช็คเวลาเคเบิ้ลคาร์รอบสุดท้ายเอาไว้ครับ เพราะเราต้องเดินกลับมาขึ้นที่เดิม
พักซักแป้ปแล้วก็เดินหน้าต่อ มุ่งหน้าไปหาแมธเธอร์ฮอร์นกันครับ วิวข้างหน้า
มองกลับมาเจอสถานีที่เราเดินออกมาพร้อมทะเลสาบดำ ที่เป็นที่มาของชื่อ ชวาซเซ Schwarzsee (Schwarz- ดำ see - ทะเลสาบ)
ระหว่างทางก็จะเห็นไม้กางเขนเป็นระยะๆครับ ไม่ใช่เพราะเค้าเคร่งศาสนานะครับ แต่ว่าเป็นเพราะมีคนเสียชีวิตที่นี้เยอะครับ ไม่ว่าจะเพราะการเดินเขา หรือเล่นสกี มันเป็นที่ท่องเที่ยวก็จริง แต่เราก็ต้องเคารพธรรมชาติครับ หากเราประมาทหรือบ้าบิ่นจนเกินไปก็จะได้เป็นผีเฝ้าเซอร์แมทอยู่ที่นี้แหละครับ เดี้ยวจะมีตัวอย่างให้เห็นตอนท้ายครับ
เดินต่อไป และต่อไป
ส่วนสุดท้ายจะแอบชัน แต่มีเชอกให้จับกันพลาดครับ
เดินมา ผมว่าเหนื่อยแล้ว ยังมีคนแบกจักรยานขึ้นมาด้วยครับ!
นับถือเลย
ถึงแล้วครับ ฮอร์นลิฮูท
คนที่จะพิชิตยอดแมธเธอร์ฮอร์นเค้าจะมาพักที่นี้กันก่อนหนึ่งคืนครับ เพื่อที่จะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดนั้น
แต่ตอนที่ผมไปมีการซ่อมบางส่วนครับ ที่พักเลยน้อยเข้าไปอีก แต่ยังมีส่วนให้นั่งพัก และมีที่ขายน้ำและอาหารราคาแพงหูฉีก เช่นน้ำขวด 1.5ลิตร ราคา 8สวิสฟรัง ประมาณ 270 บาท เทียบกับซื้อในเมืองราคา 1ฟรังเท่านั้น เพราะว่าของทั้งหลายส่งมาทางเฮลิคอปเตอร์ครับ รวมถึงวัสดุก่อนสร้าง และเครื่องจักรหนักด้วย
เดินอ้อมไปด้านหลัง จะมีทางเดินขึ้นไปอีก มองลงมาเห็นที่พักเมื่อกี้ รูปนี้ใครตาดีๆ จะเห็นกอร์เนอร์กราทอยู่ด้านซ้ายเล็กๆ ข้างซ้ายของธารน้ำแข็ง และ ทรอกเนอร์ชตีก (Trockener steg) อยู่กลางๆภาพ
ผมไปเจอสองนายนี้เดินลงมาอย่างหมดแรงเลยถามเค้าว่าได้ขึ้นไปถึงบนยอดมั้ย เพราะเห็นว่าอุปกรณ์เครื่องมือครบครันขนาดนี้
แต่เค้าบอกว่า ขึ้นไปได้ไม่ถึงยอด แต่ตัดสินใจกลับลงมาก่อน เพราะว่ามันยากเกินไปสำหรับเขา เขารู้ตัวว่าตัวเองยังไม่เก่งพอที่จะขึ้นไปพิชิตยอดนี้ครับ
เห็นมั้ยครับ คนที่รักการผจญภัย แม้ว่าจะต้องมีความบ้าดีเดือดระดับหนึ่ง แต่ว่าเราก็ต้องเคารพธรรมชาติและรู้ขีดจำกัดของตัวเอง หากเขาดื้อดึงจะไปให้ได้เราก็อาจได้ไม้กางเขนมาประดับภูเขาอีกสองอันก็เป็นได้
ขึ้นไปอีกนิด ก็ได้เห็นแมธเธอร์ฮอร์นตัวเป็นๆ เต็มๆ ระยะประชิด
เดินขึ้นไปอีกนิดนึงก็จะเจอเชือก ที่ผู้ที่หวังจะพิชิตยอดเขาต้องปีนขึ้นไปครับ ผมไม่มีปัญญาจะไปปีนก็จอไปดึงเล่นซักหน่อย พอเป็นพิธี
หลังจากนั้นก็เดินกลับไปยัง ชวาซเซ (Schwarzsee) ทางเดิมครับแล้วขึ้นเคเบิ้ลคาร์กลับไปยังเมืองเซอร์แมท
แต่ผมกับเพื่อนเลือกที่จะเดินไปขึ้นเคเบิ้ลคาร์ที่ ทรอกเนอร์ชตีก (Trockener steg) ครับ เพราะคิดว่าน่าจะทัน แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่ทันครับ!! ตกรถรอบสุดท้ายไป 5 นาที นึกว่าต้องเดินลงเขาซะแล้ว แต่โชคดีที่ยังมีรถรอบสุดท้ายจริงๆที่เอาไว้ขนขยะไปทิ้งในเมือง และพนักงานขายของที่ตัวสถานี ก็เลยขอเค้าลงไปด้วยครับ โชคดีมาก ไม่งั้นเซอร์แมทได้มีศาลพระภูมิมาประดับแน่ๆ
ขอจบทริปนี้ไว้เท่านี้ครับ หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวในอนาคตได้มาลองหามุมมองใหม่ๆ พร้อมการผจญภัยสนุกๆ ที่เซอร์แมทกันครับ
ไปให้ถึงสวิตเซอร์แลนด์ : แมธเธอร์ฮอร์นระยะประชิด, Hörnlihütte
เริ่มด้วยแผนที่เมืองเซอร์แมทกันก่อนเลย อันนี้เป็นตัวเต็มนะครับ เผื่อคนวางแผนจะไปเที่ยว จะได้ซูมดูเป็นจุดๆไปได้ http://files.gadmin.ch/15893
แน่นอนว่าคนไปเมืองเซอร์แมทก็เพื่อไปชมความงามของภูเขาทรงแปลกตาที่ชื่อแมธเธอร์ฮอร์น (Matterhorn) แต่มุมที่นักท่อเที่ยวถ่ายรูปมา เท่าที่ผมเห็นก็มีแต่มุมซ้ำเดิม เป็นมุมยอดฮิตที่เรียกว่าเห็นจนจำได้ตั้งแต่วางแผนจะไปซะอีก มุมที่เห็นๆก็มีอย่างเช่นถ่ายจากในเมืองบ้าง จาก กอร์เนอร์กราท จาก คไลนน์แมธเธอร์ฮอร์น บ้าง หรือไม่ก็จากสถานีรถไฟ และ ภาพถ่ายสะท้อนทะเลสาบ Riffelsee
หรือถ่ายแบบมีพร้อพ (เห็นหมีกันมั้ยครับ ) หมีเป็นสัญลักษ์ของเมืองเบิร์น เมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเจ้าของเค้าเกิดที่นั้นด้วยครับ
ผมมีอีกมุมนึงที่อยากนำเสนอวันนี้คือ แมธเธอร์ฮอร์นระยะประชิด ตามที่สัญญาไว้จากหัวกระทู้
ถ้าคิดว่ามุมนี้น่าโดน น่าลอง น่าไป ก็มาดูแผนที่กันเลยครับ
จุดที่เราจะไปชื่อว่า ฮอร์นลิฮูท(Hörnlihütte) ครับ อยู่ในดาวสีแดงด้านบนขวาของแผนที่ ในขณะที่มุมที่นักท่องเที่ยวนิยมไปผมวงไว้ด้วยวงกลมสีขาวสองอัน กอร์เนอร์กราทอยู่ด้านซ้ายมือ ส่วน คไลนน์แมธเธอร์ฮอร์นอยู่ตรกลางครับ ผมเริ่มเดินเท้าจากสถานีเคเบิ้ลคาร์ ฟูริ (Furi) ขึ้นไปยังสถานีเคเบิ้ลคาร์ ชวาซเซ (Schwarzsee) และเดินต่อขึ้นไปยัง ฮอร์นลิฮูท(Hörnlihütte) เพราะอยากออกกำลัง (และประหยัดตังค์) ครับ แต่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเคเบิ้ลคาร์ไปยัง ชวาซเซ (Schwarzsee) ได้โดยตรงครับ แล้วเดินต่อไปยัง ฮอร์นลิฮูท(Hörnlihütte) ได้ทันที
ปล. ทริปนี้ผมไปเมื่อเดือน 8 ปี 2555 นะครับ เป็นช่วงหน้าร้อนแบบสุดๆเลย หิมะเลยมีน้อย เหมาะแก่การเดินครับ หากอยากไปตามที่ผมแนะนำก็คสรตรวจสอบสภาพอากาศให้ดี หรือสอบถามที่สถานีเคเบิ้ลคาร์ตอนมาถึงแล้วก็ได้ครับ ว่าเดินได้รึเปล่า
ดูภาพระหว่างทางเดินขึ้นก่อนนะครับ เผื่อจะเปลี่ยนใจหลายๆท่านให้เดินขึ้นแบบผมได้
ภาพเมืองเซอร์แมทครับ
สถานีกระเช้าสกีระหว่างทาง เคเบิ้ลคาร์จากฟูริก็ผ่านเส้นนี้ครับ แต่ไม่จอด
เมาท์เท่นไบค์ เห็นแล้วเสียวแทน ล้มมาทีนึงนี้มีแต่หินก้อนใหญ่ๆ ทางก็ชัน โรงบาลก็ไม่มีนะครับ
ตลอดทางที่เดินมาจากฟูริจะยังไม่เห็นแมธเธอร์ฮอร์นครับ เพราะโดนภูเขาบังอยู่ แต่พอเดินมาได้ซักครึ่งทาง ก็จะได้เห็นวิวแบบนี้ครับ
หนทางยังอีกยาวไกล แต่ก็ได้เห็นยอดเซอร์แมทอยู่ลิบๆแล้ว จากนี้ยิ่งเดินไปแมธเธอร์ฮอร์นก็จะโผล่มาให้เห็นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ
โรแรมที่เห็นคือ Hotel Schwarzsee ครับ ใครมีทุนทรัพย์เพียงพอก็มานอนเสพวิวแมธเธอร์ฮอร์นให้เต็มอิ่มได้ที่นี้ แต่ยาจกอย่างผมนอนได้แต่ฮอสเทลในเมืองข้างล่างครับแหะๆ ที่เห็นด้านขวาคือสถานีเคเบิ้ลคาร์ Schwarzsee ครับ ที่ผมบอกว่าจะนั่งมาลงที่นี้เลยก็ได้ ไม่ต้องเสียแรง เสียเวลาเดินขึ้นมา
ป้ายจาก Schwarzsee ครับ จากจุดนี้ไป ฮอร์นลิฮูท(Hörnlihütte)ใช้เวลา 2ชั่วโมง 10นาที เวลานี้คือคนทั่วไปเดินเรื่อยๆไม่หยุดนะครับ หากหยุดพัก หรือถ่ายรูปก็บวกเวลาเพิ่มเข้าไป ณ จุดนี้ควรประเมิณว่าเราจะเดินทันหรือไม่และเช็คเวลาเคเบิ้ลคาร์รอบสุดท้ายเอาไว้ครับ เพราะเราต้องเดินกลับมาขึ้นที่เดิม
พักซักแป้ปแล้วก็เดินหน้าต่อ มุ่งหน้าไปหาแมธเธอร์ฮอร์นกันครับ วิวข้างหน้า
มองกลับมาเจอสถานีที่เราเดินออกมาพร้อมทะเลสาบดำ ที่เป็นที่มาของชื่อ ชวาซเซ Schwarzsee (Schwarz- ดำ see - ทะเลสาบ)
ระหว่างทางก็จะเห็นไม้กางเขนเป็นระยะๆครับ ไม่ใช่เพราะเค้าเคร่งศาสนานะครับ แต่ว่าเป็นเพราะมีคนเสียชีวิตที่นี้เยอะครับ ไม่ว่าจะเพราะการเดินเขา หรือเล่นสกี มันเป็นที่ท่องเที่ยวก็จริง แต่เราก็ต้องเคารพธรรมชาติครับ หากเราประมาทหรือบ้าบิ่นจนเกินไปก็จะได้เป็นผีเฝ้าเซอร์แมทอยู่ที่นี้แหละครับ เดี้ยวจะมีตัวอย่างให้เห็นตอนท้ายครับ
เดินต่อไป และต่อไป
ส่วนสุดท้ายจะแอบชัน แต่มีเชอกให้จับกันพลาดครับ
เดินมา ผมว่าเหนื่อยแล้ว ยังมีคนแบกจักรยานขึ้นมาด้วยครับ! นับถือเลย
ถึงแล้วครับ ฮอร์นลิฮูท คนที่จะพิชิตยอดแมธเธอร์ฮอร์นเค้าจะมาพักที่นี้กันก่อนหนึ่งคืนครับ เพื่อที่จะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดนั้น
แต่ตอนที่ผมไปมีการซ่อมบางส่วนครับ ที่พักเลยน้อยเข้าไปอีก แต่ยังมีส่วนให้นั่งพัก และมีที่ขายน้ำและอาหารราคาแพงหูฉีก เช่นน้ำขวด 1.5ลิตร ราคา 8สวิสฟรัง ประมาณ 270 บาท เทียบกับซื้อในเมืองราคา 1ฟรังเท่านั้น เพราะว่าของทั้งหลายส่งมาทางเฮลิคอปเตอร์ครับ รวมถึงวัสดุก่อนสร้าง และเครื่องจักรหนักด้วย
เดินอ้อมไปด้านหลัง จะมีทางเดินขึ้นไปอีก มองลงมาเห็นที่พักเมื่อกี้ รูปนี้ใครตาดีๆ จะเห็นกอร์เนอร์กราทอยู่ด้านซ้ายเล็กๆ ข้างซ้ายของธารน้ำแข็ง และ ทรอกเนอร์ชตีก (Trockener steg) อยู่กลางๆภาพ
ผมไปเจอสองนายนี้เดินลงมาอย่างหมดแรงเลยถามเค้าว่าได้ขึ้นไปถึงบนยอดมั้ย เพราะเห็นว่าอุปกรณ์เครื่องมือครบครันขนาดนี้
แต่เค้าบอกว่า ขึ้นไปได้ไม่ถึงยอด แต่ตัดสินใจกลับลงมาก่อน เพราะว่ามันยากเกินไปสำหรับเขา เขารู้ตัวว่าตัวเองยังไม่เก่งพอที่จะขึ้นไปพิชิตยอดนี้ครับ
เห็นมั้ยครับ คนที่รักการผจญภัย แม้ว่าจะต้องมีความบ้าดีเดือดระดับหนึ่ง แต่ว่าเราก็ต้องเคารพธรรมชาติและรู้ขีดจำกัดของตัวเอง หากเขาดื้อดึงจะไปให้ได้เราก็อาจได้ไม้กางเขนมาประดับภูเขาอีกสองอันก็เป็นได้
ขึ้นไปอีกนิด ก็ได้เห็นแมธเธอร์ฮอร์นตัวเป็นๆ เต็มๆ ระยะประชิด
เดินขึ้นไปอีกนิดนึงก็จะเจอเชือก ที่ผู้ที่หวังจะพิชิตยอดเขาต้องปีนขึ้นไปครับ ผมไม่มีปัญญาจะไปปีนก็จอไปดึงเล่นซักหน่อย พอเป็นพิธี
หลังจากนั้นก็เดินกลับไปยัง ชวาซเซ (Schwarzsee) ทางเดิมครับแล้วขึ้นเคเบิ้ลคาร์กลับไปยังเมืองเซอร์แมท
แต่ผมกับเพื่อนเลือกที่จะเดินไปขึ้นเคเบิ้ลคาร์ที่ ทรอกเนอร์ชตีก (Trockener steg) ครับ เพราะคิดว่าน่าจะทัน แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่ทันครับ!! ตกรถรอบสุดท้ายไป 5 นาที นึกว่าต้องเดินลงเขาซะแล้ว แต่โชคดีที่ยังมีรถรอบสุดท้ายจริงๆที่เอาไว้ขนขยะไปทิ้งในเมือง และพนักงานขายของที่ตัวสถานี ก็เลยขอเค้าลงไปด้วยครับ โชคดีมาก ไม่งั้นเซอร์แมทได้มีศาลพระภูมิมาประดับแน่ๆ
ขอจบทริปนี้ไว้เท่านี้ครับ หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวในอนาคตได้มาลองหามุมมองใหม่ๆ พร้อมการผจญภัยสนุกๆ ที่เซอร์แมทกันครับ