เด็กคนหนึ่งจะมีความคิดที่โตกว่าวัยได้จริงหรือ?

สมัครพันทิปมานานค่ะ จริงๆ ก็ตั้งใจว่าอยากจะแชร์ประสบการณ์ของตนเองบ้าง แต่ก็ปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน
แต่มาวันนี้ หลังจากดูศึก 12 ราศี และเค้าบอกว่า ราศีมังกร เป็นราศีที่เจ้าคิดเจ้าแค้นฝังรากลึก
คิดย้อนกลับไป ตัวแปรในชีวิตของเราก็มาจากชาวราศีมังกร
และหลังจากที่เรื่องอะไรๆ ดูเหมือนจะซ้ำรอยในอดีต ก็เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ในวัยเด็กให้เพื่อนๆ ชาวพันทิปได้รับฟัง
ถือว่าเป็นการระบายส่วนหนึ่งเนอะ ไม่ว่ากันนะคะ

ออกตัวก่อนเลยว่า จขกท เอง บรรลุนิติภาวะแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะเล่านี้เป็นเรื่องในวัยเด็กนะคะ
ตามหัวกระทู้เลยค่ะ มีจริงไหม ที่เด็กคนหนึ่งจะมีความคิดได้โตเกินวัยของเขาเอง
ใครๆ ก็บอกว่าเราเป็นแบบนั้น แต่เราเองก็ยังสงสัย และคิดว่าคงไม่ใช่

พื้นฐานทางครอบครัวของเราค่อนข้างมีกินค่ะ คือมีกิน มีใช้ มีฟุ่มเฟือยบ้าง แต่ก็ไม่ได้รวยล้นฟ้า
เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณแม่ ซึ่งเป็นภรรยาคนที่สองของคุณพ่อ อาศัยอยู่ที่ต่างจังหวัดไม่ไกลจากกรุงเทพฯ
สมัยประถมเรียนโรงเรียนเอกชนขนาดเล็กใกล้บ้าน ค่าเทอมราคากลางๆ มีแต่เด็กระแวกนั้นมาเรียน
ในระแวกบ้านไม่ค่อยมีเพื่อนวัยเดียวกันมากนัก มีแต่เด็กกว่า 2-5 ปี และโตกว่า 2 ปีขึ้นไป
ส่วนตัวเราเองไม่ค่อยชอบเล่นกับคนที่เด็กกว่า เพราะคิดว่าเค้าพูดไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจเรา(คงไม่ถือสาความคิดเด็กนะคะ ฮา)
และประกอบกับญาติๆ ไม่ค่อยพาลูกหลานมาเจอกัน มีแค่บ้านเราบ้านเดียวที่มักจะพาลูกไป
ทำให้เราต้องนั่งอยู่ในวงสนทนาของผู้ใหญ่เสมอ ตั้งแต่จำความได้

เคยคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้ทำให้เรามีความคิดที่โตกว่าเด็กวัยเดียวกัน แต่อีกใจก็คิดว่าคงไม่ใช่

เราเป็นคนหัวค่อนข้างไวค่ะ ตอนเด็กๆ เป็นที่รักของคุณครู เพราะคุณแม่เก่งด้วยท่านรู้ว่าควรจะทำยังไงให้เราเป็นที่รัก
แต่นั่นก็อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างก็เป็นได้
เรื่องราวอันยืดยาวของเราเริ่มต้นประมาณ ป.4
ช่วงนั้นมีคนมาขอติดต่อซื้อกิจการของที่บ้าน บ้านเราทำรีสอร์ทขนาดกลาง มีทำเลดี อยู่ในเมืองท่องเที่ยว
เราจำได้ว่าเราได้ยินคุณพ่อคุยโทรศัพท์ถึงวงเงินที่จะซื้อขายกันอยู่ที่ประมาณ 200-300 ล้านบาท
คุณลองจินตนาการถึงเด็กตัวเล็กๆ ได้ยินวงเงินที่เหมือนมาจากละครสิคะ เธอคงจะดีใจมาก และใช่ค่ะ เราก็ดีใจเช่นกัน
วันต่อมาเราจึงไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟังด้วยความไม่คิดอะไร (มาถึงวันนี้ก็คิดหรือว่าวันนั้นเราอยากจะอวดจริงๆ)
เพื่อนก็รับฟังปกติค่ะ ไม่ได้เล่าเป็นจริงเป็นจังอะไร เหมือนเล่าผ่านๆ แล้วก็เฮโลไปเล่นยางกันต่อ

แต่ผ่านมาไม่นาน ความรู้เท่าไม่ถึงการ(กระมัง) ของเราก็เริ่มแผลงฤทธิ์
เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นต่อๆ ไปฟัง
(ขอสมมตินามให้ว่าดิว แล้วกันนะคะ คนนี้เหละค่ะ ชาวราศีมังกรคนแรกที่เราจะกล่าวถึง)
แต่ดิวแปลงเรื่องของเราเป็นว่า เรามีเงินอยู่ในธนาคาร 300 ล้านบาท!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โอ้แม่เจ้า ทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้ เราไม่ได้เล่าแบบนี้ และแน่นอนว่ากิจการนั้นก็ยังไม่ได้ถูกขายไป(จนทุกวันนี้ก็ยังอยู่ค่ะ)
เราก็ไม่ได้คิดอะไร ณ จุดนั้น คิดว่าแบบ เห้ยยยย สงสัยเพื่อนๆ จะไม่เข้าใจเรา ฟังผิด หรืออะไรก็ตาม
ก็เลยเพียรพยายามแก้ไขความเข้าใจของเพื่อนซะใหม่ แต่ก็ดูเหมือยกลายเป็นข้อแก้ตัวไปซะแล้ว

พอเราขึ้น ป.5 บอกได้คำเดียวเลยว่า เหมือนเป็นคนที่ทำอะไรก็ผิดไปเสียหมด
ตอนแรกเรื่องราวก็ยังคงไม่แสดงออกเท่าไหร่หรอกค่ะ เพื่อนๆ เราเองก็รักกันดีไม่มีปัญหาอะไร
ชีวิตปกติสุขก็ดำเนินต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งหน้าอกของเราเริ่มขยาย
ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ เรื่องนี้เลยเหละ!

ขอทำความเข้าใจรวมๆ ก่อนว่า เราคิดว่าเด็กผู้หญิงวัยนั้นทุกคนก็อยากดูโต จริงไหมคะ?
ใครๆ ก็อยากเป็นสาวแล้วทั้งนั้น เหมือนเป็นวัยที่กำลังจะแข่งกันว่า ฉันนี่โตแล้ว
แน่นอนค่ะ เราก็เป็นหนึ่งในนั้น 555

เราขอให้พ่อกับแม่พาไปซึ้อชุดชั้นในสำหรับเด็ก ที่เราเคยเห็นตอนเดินผ่านในห้าง
ยอมรับเลยค่ะว่าเป็นเรื่องที่ใฝ่ฝันมาแสนนาน ว่าจะมีโอกาสได้ใส่ และดีใจสุดชีวิตเมื่อในที่สุดเวลานั้นก็มาถึง
คิดว่าทุกคนคงนึกภาพออกว่าเสื้อในเด็กเป็นยังไง มันก็จะประมาณ เสื้อกล้ามที่ยาวพอๆ กับบราเซียและมีขอบยางยืดรัด
แต่บังเอิ๊ญญญญญญญญ บังเอิญญญญญญญ วันที่เราไป เพิ่งมีรุ่นใหม่ออกมาไม่นาน
เป็นชุดชั้นในเด็กเหมือนกันค่ะ เพียงแต่ว่าเป็นรุ่นตะขอ!

ใช่เลยค่ะ รุ่นตะขอแบบผู้ใหญ่นั่นหล่ะ เราก็ตาวาวสิคะ โหยย อยากได้สุดๆ ราคาก็ไม่ต่างกัน
สุดท้ายแล้วเราได้ชุดชั้นในแบบนี้มาอยู่ในครอบครองสมใจอยาก
วันต่อมาหลังจากซักทำความสะอาด เราก็ใส่ไปโรงเรียนเลยค่า ด้วยความสุขใจเป็นที่สุด
ใครอยากเดาตอนต่อไปบ้างคะ? เดาไม่ยากเลยใช่ไหมคะ เพื่อนๆ เราสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนตัวเราอย่างแน่นอนค่ะ

เพื่อนฝูงมากหน้าหลายตาที่อยู่ในห้องเดียวกันต่างวนเวียนเข้ามาทักทาย
เห้ย นี่ใส่แบบของผู้ใหญ่เหรอ, ขโมยของแม่มาหรือเปล่า, ทำไมต้องใส่แบบนี้ล่ะ บลาๆๆ
คำถามมากมายประเดประดังเข้ามา ซึ่งเราก็ตอบทุกคำถามแบบไม่สะทกสะท้าน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รังสีเดลต้า แกมม่า แห่งความริษยา หมั่นไส้ อยากรู้อยากเห็น ชื่นชม เห็นด้วย มากมาย สาดใส่เราตูมเดียว
ซึ่งเรา.. คิดว่าเรารู้สึกเฉยๆ มากเลยนะตอนนั้น เพราะเหมือนก็เตรียมใจมาแล้วว่าคงต้องโดนอะไร
แต่แบบก็ไม่รู้จะทำยังไง คิดว่านี่คือเรา และเราก็อยากทำสิ่งที่เราอยากจะทำ
เราไม่สะทกสะท้านกับกระแสต่อต้านจนพวกที่ไม่พอใจเราเริ่มหันไปพึ่งคุณครูประจำชั้น
ซึ่งครูก็มองมาด้วยความสนใจ แต่ก็เพียงแค่บอกว่าให้เราใส่เสื้อทับมาด้วย
เราก็รับคำ และเรื่องก็จบลงเพียงเท่านั้น แต่มันอาจจะทำให้พวกนั้นยิ่งหมั่นไสเราหรือเปล่าไม่แน่ใจ

ความสุขมันคงไม่หายไปด้วยเรื่องๆ เดียวหรอกเนอะ ชีวิตของเราหลังจากนั้นก็ยังปกติดีค่ะ
ชีวิตวัย ป.5 แบบสามัญชนก็ยังดำเนินมาสักพัก จนมาถึงตัวแปรที่สอง รองเท้านักเรียน




****
เท่านี้ก่อนเนอะ เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ เพิ่งตั้งกระทู้แบบแทคๆ ครั้งแรก ผิดพลาดขออภัยนะคะ
*ข้ออนุญาติแทคห้องแป้งนะคะ อยากได้ความคิดเห็นของผู้หญิงที่โตๆ บ้างว่าคิดยังไงกับเรื่องเด็กๆ นี้ค่ะ 55
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่