สวัสดีครับ
ผมเรียนจบมหา'ลัยมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว ตอนนี้ว่างงานอยู่ครับ ช่วงเรียนมหาลัยผมได้เคยลองฝึกงาน แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่เรียนมานั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบ แต่เป็นสิ่งที่ผมทำได้ดี
จนมาทำงานผมก็ได้ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ทำได้ประมาณ 6 เดือนก็ลาออก ด้วยเหตุผลว่าอยากลองไปหาตัวเอง ในระหว่างที่ทำงานคนในบริษัทดีกับผมมากครับเพราะเป็นบริษัทเล็กๆมีกันประมาณ 7-8 คน ดังนั้นการลาออกจึงไม่ใช่เรื่องปัญหาของบริษัทแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของอารมณ์ผมเองล้วนๆ มันรู้สึกสับสนว่าชอบจริงมั้ย?กับงานที่ตรงกับที่เรียนมาน่ะ คือผมทำได้ดีนะ แต่ชอบหรือเปล่าผมไม่แน่ใจจริงๆ
หลังจากลาออกมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นระยะเวลา 6 เดือนแล้ว ผมอยู่กับบ้านเฉยๆ ช่วยพ่อแม่ทำกิจการไปด้วย แต่ผมรู้ตัวแล้วแน่ๆว่าผมไม่ชอบกิจการของพ่อแม่ ถึงมันจะเป็นกิจการเดียวที่สามารถหาเงินให้ผมใช้จนถึงวันนี้ก็ตาม และอาจจะด้วยเหตุผลนึงที่ทำให้ผมไม่ชอบกิจการของพ่อแม่ก็คือ ผมมักจะบอกตัวเองเสมอว่า...เงินทองของพ่อแม่ กิจการของพ่อแม่ มันไม่ใช่ของผม ผมจะต้องหาเลี้ยงอยู่รอดด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งสมบัติใดๆของพ่อแม่เลย... แม้ตอนนี้จะยังเกาะกิจการของพ่อแม่อยู่ก็เถอะ (ลืมบอกไป ผมเป็นลูกคนเดียวครับ)
ระหว่าง 6 เดือนที่ผมอยู่บ้านเฉยๆ ผมก็ลองฝึกภาษาไปเรื่อย หาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนมาในมหาลัยแม้ตอนทำงานจะไม่รู้ว่าตัวเองชอบงานเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนมาหรือเปล่า และผมก็คิดตลอดเวลาว่าผมจะทำยังไงกับชีวิตดี จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เหรอ ทิ้งว่างไปเรื่อยๆเหมือนคนไม่มีจุดหมาย ใช่ครับผมไม่มีจุดหมายของการมีชีวิตจริงๆ มันเคว้งคว้าง สับสน ไม่รู้จะหยิบจับอะไรดี เคยคิดว่าตัวเองอาจจะว่างมากเกินไป ผมจึงลองพยายามหางานบริษัททำอีกครั้ง แต่ก็กลัวว่าจะลาออกมาอีกเพราะอารมณ์ขึ้นๆลงๆของตัวเอง
จากเรื่องราวทั้งหมดของผมที่ได้ระบายมา ผมควรจะแก้ไขยังไงดีครับ และท่านๆเคยมีอาการเคว้งคว้างสับสนในชีวิตคล้ายๆผมบ้างไหมครับ และท่านมีวิธีแก้ยังไง
ใครเคยมีอาการเคว้งคว้าง สับสนในชีวิตบ้างไหมครับ แก้ยังไง
ผมเรียนจบมหา'ลัยมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว ตอนนี้ว่างงานอยู่ครับ ช่วงเรียนมหาลัยผมได้เคยลองฝึกงาน แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่เรียนมานั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบ แต่เป็นสิ่งที่ผมทำได้ดี
จนมาทำงานผมก็ได้ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ทำได้ประมาณ 6 เดือนก็ลาออก ด้วยเหตุผลว่าอยากลองไปหาตัวเอง ในระหว่างที่ทำงานคนในบริษัทดีกับผมมากครับเพราะเป็นบริษัทเล็กๆมีกันประมาณ 7-8 คน ดังนั้นการลาออกจึงไม่ใช่เรื่องปัญหาของบริษัทแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของอารมณ์ผมเองล้วนๆ มันรู้สึกสับสนว่าชอบจริงมั้ย?กับงานที่ตรงกับที่เรียนมาน่ะ คือผมทำได้ดีนะ แต่ชอบหรือเปล่าผมไม่แน่ใจจริงๆ
หลังจากลาออกมาจนถึงตอนนี้ก็เป็นระยะเวลา 6 เดือนแล้ว ผมอยู่กับบ้านเฉยๆ ช่วยพ่อแม่ทำกิจการไปด้วย แต่ผมรู้ตัวแล้วแน่ๆว่าผมไม่ชอบกิจการของพ่อแม่ ถึงมันจะเป็นกิจการเดียวที่สามารถหาเงินให้ผมใช้จนถึงวันนี้ก็ตาม และอาจจะด้วยเหตุผลนึงที่ทำให้ผมไม่ชอบกิจการของพ่อแม่ก็คือ ผมมักจะบอกตัวเองเสมอว่า...เงินทองของพ่อแม่ กิจการของพ่อแม่ มันไม่ใช่ของผม ผมจะต้องหาเลี้ยงอยู่รอดด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งสมบัติใดๆของพ่อแม่เลย... แม้ตอนนี้จะยังเกาะกิจการของพ่อแม่อยู่ก็เถอะ (ลืมบอกไป ผมเป็นลูกคนเดียวครับ)
ระหว่าง 6 เดือนที่ผมอยู่บ้านเฉยๆ ผมก็ลองฝึกภาษาไปเรื่อย หาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนมาในมหาลัยแม้ตอนทำงานจะไม่รู้ว่าตัวเองชอบงานเกี่ยวกับสิ่งที่เรียนมาหรือเปล่า และผมก็คิดตลอดเวลาว่าผมจะทำยังไงกับชีวิตดี จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้เหรอ ทิ้งว่างไปเรื่อยๆเหมือนคนไม่มีจุดหมาย ใช่ครับผมไม่มีจุดหมายของการมีชีวิตจริงๆ มันเคว้งคว้าง สับสน ไม่รู้จะหยิบจับอะไรดี เคยคิดว่าตัวเองอาจจะว่างมากเกินไป ผมจึงลองพยายามหางานบริษัททำอีกครั้ง แต่ก็กลัวว่าจะลาออกมาอีกเพราะอารมณ์ขึ้นๆลงๆของตัวเอง
จากเรื่องราวทั้งหมดของผมที่ได้ระบายมา ผมควรจะแก้ไขยังไงดีครับ และท่านๆเคยมีอาการเคว้งคว้างสับสนในชีวิตคล้ายๆผมบ้างไหมครับ และท่านมีวิธีแก้ยังไง