ช่วงเดือนที่ผ่านมา เรารู้สึกว่า ชีวิตมันวุ่นวาย
อกหักน่ะแหละ ท้อแท้ในชีวิตตามประสา
ก็อย่างว่านะ ชีวิตเราไม่เคยอยู่คนเดียวเลยมาหลายปีมากแล้ว
ตอนนี้เลย เคว้งคว้างสุดๆ จมอยู่กับสิ่งเดิมๆ จนถึงจุดที่ว่า "พอแล้ว"
จะประสาอะไรกับใจคน ก็คิดซะว่า
" เราโชคดีแค่ไหน ที่วันนี้เราแค่เสียคนที่เค้าไม่รักเราไป
แต่เค้าน่ะสิที่ต้องโชคร้าย เพราะเค้าเสียคนที่รักเค้าที่สุดไปคนนึง "
#ปลอบใจตัวเอง 55555+ #เปลี่ยนใจใครไม่ได้นี่เนอะ
ขณะที่ใจมันกำลังสับสน ตื้อตันไปหมด เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องร้องไห้ไปวันๆ ไม่ได้หลับได้นอน
ก็ไปเจอกระทู้ของน้องคนนึงที่เดินทางไปเที่ยวสังขละบุรี
ผู้หญิงคนเดียวซะด้วย ไปเที่ยวแบบชิลมากๆ ประทับใจสุดๆ
แต่ที่ประทับใจกว่า คือภาพถ่ายที่ถ่ายทอดออกมา เมืองนี้ มันสงบเหลือเกิน ..
เลยตัดสินใจทันที ว่าจะลางานซักอาทิตย์ ขอไปใช้ชีวิตคนเดียว สูดอากาศคนเดียวให้มันเต็มปอด
และเพื่อทิ้งความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมด ความไม่สบายกายไม่สบายใจทั้งหมด
และทิ้ง เรื่องราวของเธอทั้งหมด .. เอาไว้ข้างหลัง
ก็เลยตัดสินใจเดินทางจาก ภูเก็ต ไปสังขละบุรี ด้วยตัวคนเดียวครั้งแรก! Backpacker กันเลยทีเดียว
วางแผนทุกอย่างเองหมด เดินทางยังไง ขึ้นสถานีรถไฟที่ไหน พักที่ไหน (จากที่ไม่เคยกล้า)
โดยมีกระทู้ของสาวน้อยคนนั้น เป็นไกด์นำทางให้เล็กๆ .. ไม่เล็กสิ ก็มากพอตัวเลย
ไปใช้ชีวิตคนเดียว ชิลๆให้สบายใจซักพัก เติมพลังให้ตัวเอง
เริ่มจากการนั่งรถ บขส. จากภูเก็ต 640 บาท รถออก 16:30 น. ถึง 5:30 น.
ไปลงสายใต้ (เพราะหาข้อมูลมาว่าสายใต้ จะใกล้สถานีรถไฟตลิ่งชันมากที่สุด)
ที่ไม่นั่งเครื่องเพราะประหยัดงบ จะลุยทั้งทีก็เดินทางให้มันเต็มที่ไปเลย ^____^
และแล้วก็มาถึง สถานีรถไฟตลิ่งชัน จุดสำคัญของการมุ่งหน้าไปสู่สังขละบุรี
#บรรยากาศด้านนอก เวลา 6:30 น. เย็นสบายสุดๆ
#พนักงานต้อนรับ สำหรับเช้านี้ ^___^
#สำหรับสถานีรถไฟตลิ่งชัน ไปกาญจนบุรีลงที่สถานีน้ำตก ฟรี ! .. ตอนแรกไม่ทราบ ดีใจสุดๆเลย
รถไฟออก 8:00 น. รอๆๆ
#ขึ้นรถไฟกัน
#วิวทางผ่านแม่น้ำแคว
แล้วก็มาถึงจุดไคล์แมกซ์ที่อยากนั่งรถไฟ คือเส้นนี้ล่ะ รถไฟที่วิ่งอยู่บนทางสะพานแคบๆ
ด้านขวาเป็นผาหิน ด้านซ้ายเป็นแม่น้ำ ผู้คนในรถไฟต่างชะโงกออกไปตามหน้าต่าง ดูความสวยงามที่เกิดขึ้นตรงหน้า
#เก็บภาพยากมาก หาหน้าต่างว่างๆแทบไม่ได้เลย สนุกดี สวยมากๆ
เดินทางด้วยรถไฟประมาณ 6 ชม. รอบที่มานี่รถไฟดีเลย์ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะรถจึงวิ่งช้าลง (ป้าคนนึงบอก)
นั่งกันตุดชากันเลยทีเดียว หลับแล้วหลับอีก
14:00 น. >> ถึงแล้ว สถานีน้ำตก เย้
จากนั้นก็นั่งรถสองแถวแถวนั้น ไปลงที่หน้าน้ำตกไทรโยคน้อย ค่ารถ 10 บาท
#ท้องฟ้าเหนือน้ำตกไทรโยค
จากตรงนี้จะสามารถหารถต่อไปยังสังขละบุรีได้หลายทาง มีทั้งรถตู้ รถบัสแดง และรถบัสปรับอากาศ
รถบัสแดงถือว่าทุลักทุเลที่สุด เพราะเส้นทางกว่าจะไปถึงสังขละบุรีนั้น ฮาร์ดคอร์มาก
เดี๋ยวเบี่ยงซ้าย เดี๋ยวเบี่ยวขวา โค้งเพียบ และไกลมากๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. หลับแล้วหลับอีก
#น้องเค้าบอกว่าให้หารถไปให้ได้ก่อน 3 โมงครึ่ง จังหวะนั้นรถไฟเลทแล้วกลัวไม่ได้ไป เจอเจ้ารถบัสแดงคันนี้
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน GO!
รวมๆแล้วตั้งแต่ภูเก็ต มาถึงสังขละบุรี ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 24 ชม. เต็ม
เหนื่อย แต่สะใจ! ^_^
มาถึงสังขละบุรีแล้ว ก็ต้องหาที่พัก เรามีแต่ข้อมูลมาคร่าวๆว่าจะพักที่ไหนบ้าง
ที่ดูๆไว้ราคาไม่สูงมาก เพราะตั้งใจจะมาชิลๆ เดินถ่ายรูปเล่นสบายๆซัก 3-4 วัน
ในลิสต์ก็มี P Guesthouse, Haiku, ชื่นใจ เฮ้าส์ และ Oh dee
เอาที่ที่อยากพักที่สุดดีกว่า Haiku (แอบลุ้นว่าจะเต็มมั้ย เพราะเค้ามีบริการแค่ 4 ห้อง ราคาห้องละ 650 บาท, พัดลม)
เลยนั่งพี่วิน บอกเค้าว่า ไป Haiku รู้จักมั้ย พี่วินก็พยักหน้าหงิกหงัก
ถึงแล้ว Haiku! ด้านหน้าของเกสเฮ้าส์ จะเป็นร้านกาแฟ ชื่อว่า Graph Cafe' ร้านเล็กๆน่ารักๆ ดูอบอุ่นมาก
#ส่วนของห้องพัก
พัดลมน่ารักมาก คลาสสิกดีเราชอบ
ช่วงกลางวันในห้องอากาศค่อนข้างอบอ้าว ส่วนกลางคืนเย็นสบายเหมือนนอนอยู่ในห้องแอร์เลยล่ะ
เราชอบนะ พักที่นี่ ส่วนตัว สบาย และอากาศดี เจ้าของน่ารักมาก อัธยาศัยดี ประทับใจนะ
เราถึงที่พักประมาณ 17:30 น. แล้ว ฟ้าค่อนข้างจะมืดแล้ว เหนื่อยและหิวมาก
เลยออกไปนั่งกินกาแฟที่ร้านด้านหน้า ไปสอบถามเรื่องรถเช่า
ซึ่งจะมีให้บริการที่ P Gueshouse ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้าม Haiku เลย ค่าเช่าวันละ 200 บาท เตรียมแว๊นซ์ ^----^
คิดแผนคร่าวๆ ว่าพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง อยากไปสะพานมอญเร็วๆจังเลย ^_____^
#ตื่นเช้า 6:00 น. หลับสบายมาก สอบถามทางไปสะพานจากชาวบ้านแถวนั้น และแว๊นซ์
#สะพานมอญตอนเช้า ประทับใจ ชื่นนใจสุดๆ
#ก้นหมาเมืองมอญ แฮร่
#ไปหาอาหารเช้าทานในฝั่งมอญ อาหารที่นี่ราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับภูเก็ต อิอิ
ทานง่ายๆ ก่อนก็แล้วกัน โปรแกรมถัดไป ตั้งใจจะเดินไปวัด ไปเจดีย์พุทธคยากันดีกว่า
#พ่อค้าหน้าตาแขกๆ อัธยาศัยดี น่ารักเชียว ร้านนี้มีอาหารเช้าหลากหลายมาก ทั้งโจ๊ก ขนมจีนฮังเล ข้าวราด ฯลฯ
#ไข่ลวก ชาร้อน
#โปสการ์ดที่นี่ สวยดี ได้อารมณ์ดีนะ
จ่ายเงินเสร็จ ก็ถามทางไปวัดจากพ่อค้า พ่อค้าบอกว่าเดินไปประมาณ 1 กิโล
นั่งพี่วินไปจะสบายกว่า แต่ถ้าเดินก็จะได้ซึมซับบรรยากาศเมืองมอญตอนเช้าๆ
ไหนๆมาทั้งที เหนื่อยแค่นี้สบายม้าก เลยตัดสินใจ เดินจ้า!
ชาวมอญนิยมไปทำบุญไหว้พระแต่เช้าทุกวัน เช้านี้เลยเห็นชาวมอญเดินกลับจากวัดเยอะแยะ
ปะแป้งหน้าขาวๆ ห่มสไบ มีตั้งแต่เด็ก หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ ไปจนถึงคนมีอายุ
บ้านเมืองที่นี่สงบมาก เดินไปเราก็ถามทางไปวัดไปเรื่อยๆ ผู้คนน่ารัก ยิ้มแย้ม ชอบจัง
ถึงแล้ว เจดีย์พุทธคยาาา !
#ด้านในเป็นพระพุทธรูปสำหรับสักการะเต็มไปหมด มีโหม่งสำหรับตีเพื่อสิริมงคล จึงได้ยินเสียงโหม่งดังกังวาลไปหมด
วางเหรียญ ด้วยความเชื่อที่ว่า ชีวิตจะมั่นคง แนวแน่ขึ้น เราก็ไปวางนะ
#ไคล์มแม็กซ์ เจดีย์พุทธคยา อลังการมากๆ
เค้าว่ากันว่าบนยอดเจดีย์ มีทองคำอยู่ 40 บาท เป็นทองที่พระราชทานมาจากในหลวงของเรา
ตอนกลับ ตั้งใจจะนั่งวินกลับ เพราะเดินมาไกล เหนื่อยมากจิงๆ แต่ ! ไม่มีพี่วิน !
แดดก็ร้อนมากเลย แต่ตามกฏ backpack จะไปไหนให้โบก อิอิ
เลยโบกรถมอไซค์ชาวบ้านแถวนั้น กลับมาที่สะพาน เดินข้ามฝากไปที่มอไซค์ แว๊นซ์กลับบ้านหนีแดดก่อน
ระหว่างทางกลับ เกิดอาหารหิวจัด จะเที่ยงแล้วนี่นา
จากข้อมูลที่หามาเค้าบอกว่าชื่นใจเกสเฮ้าส์ อาหารอร่อยมาก
วนมอไซค์ไปมาๆ ขับเข้าไปในซอยนิดหน่อย ก็เจอ
ร้านนี้มีสไตล์เป็นของตัวเองมาก ร้านน่ารัก มีเมนูอาหารหลากหลาย และเราสั่งนี่มากิน "ชุดข้าวน้ำพริกอ่อง" พร้อมกาแฟสดแก้วนึง
#ชุดข้าวน้ำพริกอ่อง ข้าวสวย เสริฟพร้อมผักสด น้ำพริก และไข่ยางมะตูม 1 ใบ
อร่อยมากจิงๆ รสชาดดีทีเดียวเลย ^___________^
#ตั้งใจว่าคืนนี้ จะมานั่งดื่มเล็กๆที่นี่ คงจะชิลสุดๆ
#ด้านล่างของร้าน มีมุมดูหนัง อ่านหนังสือ มีแผ่น DVD บริการสำหรับคนที่เบื่อๆไม่รู้จะทำอะไร ก็มาหาหนังดูได้ฟรี
ที่นี่มีห้องพักด้วย เป็นบ้านหลังเล็กๆ มีไม่กี่หลัง ราคา 450 บาทต่อคืน น่าสนใจเหมือนกันนะ ^____^
เช้าวันต่อมา วันนี้ตั้งใจจะไปล่องเรือชมเมืองบาดาล และวัดจมน้ำ
ค่าบริการเรือ สำหรับ 5-7 คน ลำละ 300 บาท แต่เราไปคนเดียว ก็ขอราคาเหมาได้มา 250 บาท
น้องขับเรือน่ารักมาก ความรู้แน่นมาก เรารู้ประวัติศาสตร์ ที่มาที่ไปมากมายของสังขละบุรีจากน้องคนนี้ล่ะ
ประทับใจนะ ^_______^
ต่อด้านล่างเลย
[CR] Backpacker 1st time : ภูเก็ต - สังขละบุรี | พักกาย พักใจ
อกหักน่ะแหละ ท้อแท้ในชีวิตตามประสา
ก็อย่างว่านะ ชีวิตเราไม่เคยอยู่คนเดียวเลยมาหลายปีมากแล้ว
ตอนนี้เลย เคว้งคว้างสุดๆ จมอยู่กับสิ่งเดิมๆ จนถึงจุดที่ว่า "พอแล้ว"
จะประสาอะไรกับใจคน ก็คิดซะว่า
" เราโชคดีแค่ไหน ที่วันนี้เราแค่เสียคนที่เค้าไม่รักเราไป
แต่เค้าน่ะสิที่ต้องโชคร้าย เพราะเค้าเสียคนที่รักเค้าที่สุดไปคนนึง "
#ปลอบใจตัวเอง 55555+ #เปลี่ยนใจใครไม่ได้นี่เนอะ
ขณะที่ใจมันกำลังสับสน ตื้อตันไปหมด เอาแต่ขลุกตัวอยู่ในห้องร้องไห้ไปวันๆ ไม่ได้หลับได้นอน
ก็ไปเจอกระทู้ของน้องคนนึงที่เดินทางไปเที่ยวสังขละบุรี
ผู้หญิงคนเดียวซะด้วย ไปเที่ยวแบบชิลมากๆ ประทับใจสุดๆ
แต่ที่ประทับใจกว่า คือภาพถ่ายที่ถ่ายทอดออกมา เมืองนี้ มันสงบเหลือเกิน ..
เลยตัดสินใจทันที ว่าจะลางานซักอาทิตย์ ขอไปใช้ชีวิตคนเดียว สูดอากาศคนเดียวให้มันเต็มปอด
และเพื่อทิ้งความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมด ความไม่สบายกายไม่สบายใจทั้งหมด
และทิ้ง เรื่องราวของเธอทั้งหมด .. เอาไว้ข้างหลัง
ก็เลยตัดสินใจเดินทางจาก ภูเก็ต ไปสังขละบุรี ด้วยตัวคนเดียวครั้งแรก! Backpacker กันเลยทีเดียว
วางแผนทุกอย่างเองหมด เดินทางยังไง ขึ้นสถานีรถไฟที่ไหน พักที่ไหน (จากที่ไม่เคยกล้า)
โดยมีกระทู้ของสาวน้อยคนนั้น เป็นไกด์นำทางให้เล็กๆ .. ไม่เล็กสิ ก็มากพอตัวเลย
ไปใช้ชีวิตคนเดียว ชิลๆให้สบายใจซักพัก เติมพลังให้ตัวเอง
เริ่มจากการนั่งรถ บขส. จากภูเก็ต 640 บาท รถออก 16:30 น. ถึง 5:30 น.
ไปลงสายใต้ (เพราะหาข้อมูลมาว่าสายใต้ จะใกล้สถานีรถไฟตลิ่งชันมากที่สุด)
ที่ไม่นั่งเครื่องเพราะประหยัดงบ จะลุยทั้งทีก็เดินทางให้มันเต็มที่ไปเลย ^____^
และแล้วก็มาถึง สถานีรถไฟตลิ่งชัน จุดสำคัญของการมุ่งหน้าไปสู่สังขละบุรี
#บรรยากาศด้านนอก เวลา 6:30 น. เย็นสบายสุดๆ
#พนักงานต้อนรับ สำหรับเช้านี้ ^___^
#สำหรับสถานีรถไฟตลิ่งชัน ไปกาญจนบุรีลงที่สถานีน้ำตก ฟรี ! .. ตอนแรกไม่ทราบ ดีใจสุดๆเลย
รถไฟออก 8:00 น. รอๆๆ
#ขึ้นรถไฟกัน
#วิวทางผ่านแม่น้ำแคว
แล้วก็มาถึงจุดไคล์แมกซ์ที่อยากนั่งรถไฟ คือเส้นนี้ล่ะ รถไฟที่วิ่งอยู่บนทางสะพานแคบๆ
ด้านขวาเป็นผาหิน ด้านซ้ายเป็นแม่น้ำ ผู้คนในรถไฟต่างชะโงกออกไปตามหน้าต่าง ดูความสวยงามที่เกิดขึ้นตรงหน้า
#เก็บภาพยากมาก หาหน้าต่างว่างๆแทบไม่ได้เลย สนุกดี สวยมากๆ
เดินทางด้วยรถไฟประมาณ 6 ชม. รอบที่มานี่รถไฟดีเลย์ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะรถจึงวิ่งช้าลง (ป้าคนนึงบอก)
นั่งกันตุดชากันเลยทีเดียว หลับแล้วหลับอีก
14:00 น. >> ถึงแล้ว สถานีน้ำตก เย้
จากนั้นก็นั่งรถสองแถวแถวนั้น ไปลงที่หน้าน้ำตกไทรโยคน้อย ค่ารถ 10 บาท
#ท้องฟ้าเหนือน้ำตกไทรโยค
จากตรงนี้จะสามารถหารถต่อไปยังสังขละบุรีได้หลายทาง มีทั้งรถตู้ รถบัสแดง และรถบัสปรับอากาศ
รถบัสแดงถือว่าทุลักทุเลที่สุด เพราะเส้นทางกว่าจะไปถึงสังขละบุรีนั้น ฮาร์ดคอร์มาก
เดี๋ยวเบี่ยงซ้าย เดี๋ยวเบี่ยวขวา โค้งเพียบ และไกลมากๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. หลับแล้วหลับอีก
#น้องเค้าบอกว่าให้หารถไปให้ได้ก่อน 3 โมงครึ่ง จังหวะนั้นรถไฟเลทแล้วกลัวไม่ได้ไป เจอเจ้ารถบัสแดงคันนี้
เอาวะ เป็นไงเป็นกัน GO!
รวมๆแล้วตั้งแต่ภูเก็ต มาถึงสังขละบุรี ใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นประมาณ 24 ชม. เต็ม
เหนื่อย แต่สะใจ! ^_^
มาถึงสังขละบุรีแล้ว ก็ต้องหาที่พัก เรามีแต่ข้อมูลมาคร่าวๆว่าจะพักที่ไหนบ้าง
ที่ดูๆไว้ราคาไม่สูงมาก เพราะตั้งใจจะมาชิลๆ เดินถ่ายรูปเล่นสบายๆซัก 3-4 วัน
ในลิสต์ก็มี P Guesthouse, Haiku, ชื่นใจ เฮ้าส์ และ Oh dee
เอาที่ที่อยากพักที่สุดดีกว่า Haiku (แอบลุ้นว่าจะเต็มมั้ย เพราะเค้ามีบริการแค่ 4 ห้อง ราคาห้องละ 650 บาท, พัดลม)
เลยนั่งพี่วิน บอกเค้าว่า ไป Haiku รู้จักมั้ย พี่วินก็พยักหน้าหงิกหงัก
ถึงแล้ว Haiku! ด้านหน้าของเกสเฮ้าส์ จะเป็นร้านกาแฟ ชื่อว่า Graph Cafe' ร้านเล็กๆน่ารักๆ ดูอบอุ่นมาก
#ส่วนของห้องพัก
พัดลมน่ารักมาก คลาสสิกดีเราชอบ
ช่วงกลางวันในห้องอากาศค่อนข้างอบอ้าว ส่วนกลางคืนเย็นสบายเหมือนนอนอยู่ในห้องแอร์เลยล่ะ
เราชอบนะ พักที่นี่ ส่วนตัว สบาย และอากาศดี เจ้าของน่ารักมาก อัธยาศัยดี ประทับใจนะ
เราถึงที่พักประมาณ 17:30 น. แล้ว ฟ้าค่อนข้างจะมืดแล้ว เหนื่อยและหิวมาก
เลยออกไปนั่งกินกาแฟที่ร้านด้านหน้า ไปสอบถามเรื่องรถเช่า
ซึ่งจะมีให้บริการที่ P Gueshouse ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้าม Haiku เลย ค่าเช่าวันละ 200 บาท เตรียมแว๊นซ์ ^----^
คิดแผนคร่าวๆ ว่าพรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง อยากไปสะพานมอญเร็วๆจังเลย ^_____^
#ตื่นเช้า 6:00 น. หลับสบายมาก สอบถามทางไปสะพานจากชาวบ้านแถวนั้น และแว๊นซ์
#สะพานมอญตอนเช้า ประทับใจ ชื่นนใจสุดๆ
#ก้นหมาเมืองมอญ แฮร่
#ไปหาอาหารเช้าทานในฝั่งมอญ อาหารที่นี่ราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับภูเก็ต อิอิ
ทานง่ายๆ ก่อนก็แล้วกัน โปรแกรมถัดไป ตั้งใจจะเดินไปวัด ไปเจดีย์พุทธคยากันดีกว่า
#พ่อค้าหน้าตาแขกๆ อัธยาศัยดี น่ารักเชียว ร้านนี้มีอาหารเช้าหลากหลายมาก ทั้งโจ๊ก ขนมจีนฮังเล ข้าวราด ฯลฯ
#ไข่ลวก ชาร้อน
#โปสการ์ดที่นี่ สวยดี ได้อารมณ์ดีนะ
จ่ายเงินเสร็จ ก็ถามทางไปวัดจากพ่อค้า พ่อค้าบอกว่าเดินไปประมาณ 1 กิโล
นั่งพี่วินไปจะสบายกว่า แต่ถ้าเดินก็จะได้ซึมซับบรรยากาศเมืองมอญตอนเช้าๆ
ไหนๆมาทั้งที เหนื่อยแค่นี้สบายม้าก เลยตัดสินใจ เดินจ้า!
ชาวมอญนิยมไปทำบุญไหว้พระแต่เช้าทุกวัน เช้านี้เลยเห็นชาวมอญเดินกลับจากวัดเยอะแยะ
ปะแป้งหน้าขาวๆ ห่มสไบ มีตั้งแต่เด็ก หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ ไปจนถึงคนมีอายุ
บ้านเมืองที่นี่สงบมาก เดินไปเราก็ถามทางไปวัดไปเรื่อยๆ ผู้คนน่ารัก ยิ้มแย้ม ชอบจัง
ถึงแล้ว เจดีย์พุทธคยาาา !
#ด้านในเป็นพระพุทธรูปสำหรับสักการะเต็มไปหมด มีโหม่งสำหรับตีเพื่อสิริมงคล จึงได้ยินเสียงโหม่งดังกังวาลไปหมด
วางเหรียญ ด้วยความเชื่อที่ว่า ชีวิตจะมั่นคง แนวแน่ขึ้น เราก็ไปวางนะ
#ไคล์มแม็กซ์ เจดีย์พุทธคยา อลังการมากๆ
เค้าว่ากันว่าบนยอดเจดีย์ มีทองคำอยู่ 40 บาท เป็นทองที่พระราชทานมาจากในหลวงของเรา
ตอนกลับ ตั้งใจจะนั่งวินกลับ เพราะเดินมาไกล เหนื่อยมากจิงๆ แต่ ! ไม่มีพี่วิน !
แดดก็ร้อนมากเลย แต่ตามกฏ backpack จะไปไหนให้โบก อิอิ
เลยโบกรถมอไซค์ชาวบ้านแถวนั้น กลับมาที่สะพาน เดินข้ามฝากไปที่มอไซค์ แว๊นซ์กลับบ้านหนีแดดก่อน
ระหว่างทางกลับ เกิดอาหารหิวจัด จะเที่ยงแล้วนี่นา
จากข้อมูลที่หามาเค้าบอกว่าชื่นใจเกสเฮ้าส์ อาหารอร่อยมาก
วนมอไซค์ไปมาๆ ขับเข้าไปในซอยนิดหน่อย ก็เจอ
ร้านนี้มีสไตล์เป็นของตัวเองมาก ร้านน่ารัก มีเมนูอาหารหลากหลาย และเราสั่งนี่มากิน "ชุดข้าวน้ำพริกอ่อง" พร้อมกาแฟสดแก้วนึง
#ชุดข้าวน้ำพริกอ่อง ข้าวสวย เสริฟพร้อมผักสด น้ำพริก และไข่ยางมะตูม 1 ใบ
อร่อยมากจิงๆ รสชาดดีทีเดียวเลย ^___________^
#ตั้งใจว่าคืนนี้ จะมานั่งดื่มเล็กๆที่นี่ คงจะชิลสุดๆ
#ด้านล่างของร้าน มีมุมดูหนัง อ่านหนังสือ มีแผ่น DVD บริการสำหรับคนที่เบื่อๆไม่รู้จะทำอะไร ก็มาหาหนังดูได้ฟรี
ที่นี่มีห้องพักด้วย เป็นบ้านหลังเล็กๆ มีไม่กี่หลัง ราคา 450 บาทต่อคืน น่าสนใจเหมือนกันนะ ^____^
เช้าวันต่อมา วันนี้ตั้งใจจะไปล่องเรือชมเมืองบาดาล และวัดจมน้ำ
ค่าบริการเรือ สำหรับ 5-7 คน ลำละ 300 บาท แต่เราไปคนเดียว ก็ขอราคาเหมาได้มา 250 บาท
น้องขับเรือน่ารักมาก ความรู้แน่นมาก เรารู้ประวัติศาสตร์ ที่มาที่ไปมากมายของสังขละบุรีจากน้องคนนี้ล่ะ
ประทับใจนะ ^_______^
ต่อด้านล่างเลย