สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ติ๊กเขียน Blog มาได้ 3 เดือนแล้ว เลยอยากจะเข้ามาแนะนำตัวให้ได้รู้จักกัน ไม่ได้เขียนเรื่องแฟชั่นเท่านั้นแต่เป็นทุกเรื่องในชีวิต และสามารถเข้าไปติดตาม Update กันได้ที่
http://lovelydimple25.bloggang.com นะคะ
หัวข้อที่อยากจะแบ่งปันจากประสบการณ์ชีวิต เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ คือ >> การเป็น MC พิธีกร วิทยากร ไม่ยากอย่างที่คิด
เนื่องจากติ๊กมีประสบการณ์ในการเป็น Trainer หรือภาษาไทยเรียกว่า วิทยากร ไม่ใช่ Trainer ที่สอนการออกกำลังกายใน Fitness นะคะ และมีประสบการณ์มามากเกือบ 10 ปี ชื่อเต็มๆของอาชีพที่ติ๊กเคยคลุกคลี คร่ำหวอดมาก็ คือ Product Trainer หรือผู้ให้ความรู้ผลิตภัณฑ์นั่นเอง แต่กว่าที่จะมาถึงวันนี้ และมีความเชี่ยวชาญ ชำนาญ ในการพูดบนเวทีนั้น มันไม่ใช่เรื่อง่าย เรื่องราว พลิกผัน ครั้งใหญ่ในชีวิตติ๊กนั้น เป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย ในเรื่อง กว่าฉันจะมาเป็นวิทยากรมืออาชีพในวันนี้...
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว งาน Trainer ไม่ใช่งานแรกในชีวิต เพราะหลังจากที่ติ๊กเรียนจบปริญญาโทมา ก็ได้ทำงานบริษัทเล็กๆเพื่อหาประสบการณ์มาบ้าง ในด้านที่เรียนมา คือ วิทยาศาสตร์ แต่อาจโชคร้ายที่เริ่มงานช้ากว่าชาวบ้าน เพราะใช้เวลาทำวิทยานิพนธ์ และทดลองวิจัยในห้อง Lab ทางเคมีนานไปนิด กว่าจะจบก็เลือดตาแทบกระเด็น แต่มาเริ่มงาน Trainer จริงๆก็ตอนที่ได้งานที่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งด้านเครื่องสำอางค์และอาหารเสริม วันที่ Training manager สัมภาษณ์ติ๊กนั้น แปลกมากตรงที่ไม่มีการทดสอบความสามารถด้านการ Present ใดๆ นึกในใจทำไมรับชั้นง่ายจังฟะ ณ วันนั้น บอกเลยว่า หัวใจเต้นแรง เหมือนกับว่า มันคือวันที่ชั้นต้องขึ้นเวทีไปพูดต่อหน้าคนนับพัน และในใจนึกอย่างเดียวว่า ถอยดีกว่า ! ถอนตัวยังทันมั้ย บ้าละ คนอย่างติ๊กเนี่ยนะ จะมาเป็นนักพูด มันเป็นอะไรที่ไกลห่างชีวิตเราที่สุด เพราะเป็นคนขี้อายขั้นโคม่า ในชีวิตนี้เคย Present หน้าชั้นแบบจริงจังก็ตอน เรียนโทนี่แหละ ตายแน่งานนี้.....
แต่ที่ต้องยอมทำงานนี้เพราะอย่างเดียวคือ คำว่าเงิน เพราะตอนนั้นตกงานไม่มีทางเลือก เอาวะเป็นไงเป็นกัน !!!
หลังจากผ่านโปร การฝึกการพูดหน้าชั้นของเราก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยการฝึกแบบ On The Job Training แปลป็นไทยง่ายๆคือ การไปตายเอาดาบหน้า เหมือนคนว่ายน้ำไม่เป็นแล้วถูกถีบลงคลอง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า Moment ณ วันที่ขึ้นพูดครั้งแรกต่อหน้าคนเป็น 100 นั้น ความตื่นเต้นจากที่คิดว่าน่าจะ 100 กลับเหลือไม่ถึง 10% สงสัยตื่นเต้นล่วงหน้าตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานแล้ว ฮิฮิ หัวหน้าเราคงขี้เกียจจะมาสอนอะไรมากมาย เพราะสุดท้ายการฝึกให้เป็นและเก่งเร็วที่สุด คงเกิดจากการเผชิญกับสถานการณ์ บนสนามจริง และแล้วก้เป็นอย่างที่คิด ถึงแม้ครั้งแรกการพูดจะไม่ราบรื่นเท่าไหร่ แต่พอการพุดครั้งที่ 2 เราคิดว่าเราเก่งและมั่นใจขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หัวหน้าปล่อยเราให้ไปจัด training ที่โรงแรมต่างจังหวัดคนเดียว Oh wow! เรายิ่งชอบ และจากนั้นเป็นต้นมา ก็ลืมไปเลยว่า ความตื่นเต้น สั่นก่อนขึ้นเวทีเป็นไง รู้แต่ว่า เรารักและหลงไหลในอาชีพนี้มาก
สิ่งที่อยากแบ่งปันเทคนิคและเคล็ดลับในการพูด เป็นวิทยากรบนเวที มีมากมาย เพราะรายละเอียดมันมหาศาล
เอาเป็นว่า อยากรู้ว่า กว่าที่ติ๊กจะมาถึงวันนี้ได้ ต้องทำอย่างไรบ้าง
โปรดติดตามตอนที่ 2 ต่อไปนะคะ
Tiktok : Lovelydimple25blog
การเป็น MC พิธีกร วิทยากร ไม่ยากอย่างที่คิด
หัวข้อที่อยากจะแบ่งปันจากประสบการณ์ชีวิต เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ คือ >> การเป็น MC พิธีกร วิทยากร ไม่ยากอย่างที่คิด
เนื่องจากติ๊กมีประสบการณ์ในการเป็น Trainer หรือภาษาไทยเรียกว่า วิทยากร ไม่ใช่ Trainer ที่สอนการออกกำลังกายใน Fitness นะคะ และมีประสบการณ์มามากเกือบ 10 ปี ชื่อเต็มๆของอาชีพที่ติ๊กเคยคลุกคลี คร่ำหวอดมาก็ คือ Product Trainer หรือผู้ให้ความรู้ผลิตภัณฑ์นั่นเอง แต่กว่าที่จะมาถึงวันนี้ และมีความเชี่ยวชาญ ชำนาญ ในการพูดบนเวทีนั้น มันไม่ใช่เรื่อง่าย เรื่องราว พลิกผัน ครั้งใหญ่ในชีวิตติ๊กนั้น เป็นอย่างไร เรามาติดตามกันเลย ในเรื่อง กว่าฉันจะมาเป็นวิทยากรมืออาชีพในวันนี้...
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว งาน Trainer ไม่ใช่งานแรกในชีวิต เพราะหลังจากที่ติ๊กเรียนจบปริญญาโทมา ก็ได้ทำงานบริษัทเล็กๆเพื่อหาประสบการณ์มาบ้าง ในด้านที่เรียนมา คือ วิทยาศาสตร์ แต่อาจโชคร้ายที่เริ่มงานช้ากว่าชาวบ้าน เพราะใช้เวลาทำวิทยานิพนธ์ และทดลองวิจัยในห้อง Lab ทางเคมีนานไปนิด กว่าจะจบก็เลือดตาแทบกระเด็น แต่มาเริ่มงาน Trainer จริงๆก็ตอนที่ได้งานที่บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งด้านเครื่องสำอางค์และอาหารเสริม วันที่ Training manager สัมภาษณ์ติ๊กนั้น แปลกมากตรงที่ไม่มีการทดสอบความสามารถด้านการ Present ใดๆ นึกในใจทำไมรับชั้นง่ายจังฟะ ณ วันนั้น บอกเลยว่า หัวใจเต้นแรง เหมือนกับว่า มันคือวันที่ชั้นต้องขึ้นเวทีไปพูดต่อหน้าคนนับพัน และในใจนึกอย่างเดียวว่า ถอยดีกว่า ! ถอนตัวยังทันมั้ย บ้าละ คนอย่างติ๊กเนี่ยนะ จะมาเป็นนักพูด มันเป็นอะไรที่ไกลห่างชีวิตเราที่สุด เพราะเป็นคนขี้อายขั้นโคม่า ในชีวิตนี้เคย Present หน้าชั้นแบบจริงจังก็ตอน เรียนโทนี่แหละ ตายแน่งานนี้.....
แต่ที่ต้องยอมทำงานนี้เพราะอย่างเดียวคือ คำว่าเงิน เพราะตอนนั้นตกงานไม่มีทางเลือก เอาวะเป็นไงเป็นกัน !!!
หลังจากผ่านโปร การฝึกการพูดหน้าชั้นของเราก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยการฝึกแบบ On The Job Training แปลป็นไทยง่ายๆคือ การไปตายเอาดาบหน้า เหมือนคนว่ายน้ำไม่เป็นแล้วถูกถีบลงคลอง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า Moment ณ วันที่ขึ้นพูดครั้งแรกต่อหน้าคนเป็น 100 นั้น ความตื่นเต้นจากที่คิดว่าน่าจะ 100 กลับเหลือไม่ถึง 10% สงสัยตื่นเต้นล่วงหน้าตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานแล้ว ฮิฮิ หัวหน้าเราคงขี้เกียจจะมาสอนอะไรมากมาย เพราะสุดท้ายการฝึกให้เป็นและเก่งเร็วที่สุด คงเกิดจากการเผชิญกับสถานการณ์ บนสนามจริง และแล้วก้เป็นอย่างที่คิด ถึงแม้ครั้งแรกการพูดจะไม่ราบรื่นเท่าไหร่ แต่พอการพุดครั้งที่ 2 เราคิดว่าเราเก่งและมั่นใจขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ หัวหน้าปล่อยเราให้ไปจัด training ที่โรงแรมต่างจังหวัดคนเดียว Oh wow! เรายิ่งชอบ และจากนั้นเป็นต้นมา ก็ลืมไปเลยว่า ความตื่นเต้น สั่นก่อนขึ้นเวทีเป็นไง รู้แต่ว่า เรารักและหลงไหลในอาชีพนี้มาก
เอาเป็นว่า อยากรู้ว่า กว่าที่ติ๊กจะมาถึงวันนี้ได้ ต้องทำอย่างไรบ้าง
โปรดติดตามตอนที่ 2 ต่อไปนะคะ
Tiktok : Lovelydimple25blog