Godzilla (Gareth Edwards ,2014) คะแนน C+
By Form Corleone
"กลับคืน สู่ สมดุล" ความทรงจำครั้งเก่าของผมเกี่ยวกับ Godzilla ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ จะว่าไปแล้วผมมีความคาดหวังกับ Godzilla (2014) พอสมควร และรอคอยพอสมควร และยิ่งมี “Bryan Cranston” มาแสดงอีก ยิ่งอยากดูเข้าไปใหญ่ รอคอย รอคอย และรอคอย มันคงไม่แย่ไปกว่า Godzilla (1998) แล้วแหละครับ ผมเชื่อแบบนั้นเพราะนี้คือยุค CG ของแท้ และเมื่อได้ประสบพบเจอด้วยสายตาตัวเอง ก็ต้องยอมรับว่าดีกว่ากันแบบ วาว เอาแล้วๆ ความหวังใหม่ “ฮี่โร่”
หนังเปิดต้นเรื่องมาได้น่าประทับใจแบบสุดๆ จนผมมีความหวังที่ถูกปลูกถ่ายครั้งใหม่ลงใน เมมโมรี่อันน้อยนิดว่า เอาแล้วครับ “Godzilla(2014)” มันสุดยอดไปเลย!! หนังพยายามเล่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงบนโลกเชื่อมและโยงเข้ากับตัว Godzilla ได้น่าประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้นการแสดงของ Bryan Cranston ก็ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวังและเชื่ออีกว่าใครที่ได้ดูบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันดีมาก ณ ช่วงเวลาที่มี Bryan Cranston แสดงอยู่ แต่หลังจากนั้นผมก็ เงิบ!!
Godzilla(2014) ใช้เวลาในการพัฒนาถึง 6 ปี เพื่อที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดหรือฝันร้ายของใครหลายคนเกี่ยวกับ Godzilla (1998) ซึ่งผมคิดว่ามันทำสำเร็จในองค์ประกอบของภาพและวิธีการดำเนินเรื่อง โดยเฉพาะการสร้างภูมิหลังของตัวละครทุกตัวในช่วงแรก หนังเน้นประเด็นตัวละครและความสัมพันธ์ของตัวเนื้อเรื่องมากกว่าไปเจาะจงเจ้าตัว “Godzilla” ซึ่งผมคิดว่าเป็นไอเดีย ที่ดูดี ดูเข้าท่าเลยมากๆ ณ ช่วงเวลาที่ไม่มีเจ้า “Godzilla” ปรากฏตัว การเล่นกับภัยธรรมชาติต่างๆ นาๆ ผมเข้าใจว่าหนังพยายามหนี้และทิ้งบางส่วนที่ดู เลอเทอะ!! ซึ่งต้องชมว่า “ดีมาก” แต่บทสรุปสุดท้ายหนังก็มา เลอะอีกเหมือนเดิม จนผมอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ Godzilla อะไรของคุณ อะไร ฉากที่พยายามให้แปลกตา แต่มันดูตลกๆ จริง!!
ในเรื่องเจ้า Godzilla จะต้องต่อสู้กับ มูโตตัวผู้ตัวเมีย ที่จะทำการผสมพันธุ์ แต่มันไปคัดกับสมดุลธรรมชาติ ทำให้เจ้า Godzilla ออกมากำจัดเจ้าสิ่งที่กำลังจะทำให้สมดุลธรรมชาติเสียไป โดยส่วนนี้ให้แง่คิดกับตัวผมว่า แท้จริงแล้วเจ้า Godzilla ก็คือภัยธรรมชาติทั้งหมด ที่เกิดบนโลกหรือเปล่า เพราะว่ามันนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ไม่บอกอะไรเลย ในส่วนเจ้า “มูโต” ก็คือ มนุษย์อย่างพวกเราที่พยายามทำลายระบบสมดุลโลก จนทำให้เจ้าภัยธรรมชาติหรือ Godzilla ในที่นี้มากำจัดทิ้งไปซะ ผมอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ มันอาจเป็นแค่หนังสัปหลาดสู้กัน ถล่มตึกเฉยๆ ก็ได้ครับ คุณคนดูเท่านั้นที่เป็นคนคิดและพิจารณาเอาเอง!!!
ว่าด้วย Gareth Edwards ผู้กำกับที่โด่งดังมาจาก Monster(2011) ก็กลับมาสร้างสรรค์ เรื่องราว ภาพและแน่นอนสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ ต้องยอมให้กับความ “อลัง” มากๆครับ ใครที่ต้องการความอลังการงานสร้าง ผมบอกได้คำเดียวว่า คุ้มทุนสุดๆ แต่ถ้าใครต้องการความแปลกใหม่ ผมว่ามันเท่าทุนครับ เมื่อพูดถึงความดราม่า ผมว่ามันดราม่าไม่สุด ไม่สะเทือนใจ บางสิ่งบางอย่างก็ไม่ค่อยมีเหตุผล ตัวละครที่ตอนแรกทำไว้ดีมาก แต่พอมาช่วงหลังกับกลายเป็นว่าตัวละครตัวเดิม เป็นส่วนเกินของหนังไปซะยังงั้น !!
สุดท้าย Godzilla(2014) คือหนังดราม่าชีวิต ของเหล่ามนุษย์ที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ไม่ถึงเท่าที่ควร ด้วยพล็อตเรื่องที่ทำออกมาดีเอามากๆ ณ ช่วงแรกถูกกลบทับด้วยช่วงหลังที่ดูแล้ว “เหนื่อย” มันทำให้ตัวหนังเกิดความสมดุลในตัวของมันเองแบบ อ๋อๆ “กลับคืน สู่ สมดุล” แน่ๆเลย โกจิร่า!! >< ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ติดตามอ่านเพิ่มเติม
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หรือ
https://www.facebook.com/pages/Review-me/590037124412674?ref=ts&fref=ts
Review : Godzilla (2014)
By Form Corleone
"กลับคืน สู่ สมดุล" ความทรงจำครั้งเก่าของผมเกี่ยวกับ Godzilla ไม่ค่อยดีเท่าไรครับ จะว่าไปแล้วผมมีความคาดหวังกับ Godzilla (2014) พอสมควร และรอคอยพอสมควร และยิ่งมี “Bryan Cranston” มาแสดงอีก ยิ่งอยากดูเข้าไปใหญ่ รอคอย รอคอย และรอคอย มันคงไม่แย่ไปกว่า Godzilla (1998) แล้วแหละครับ ผมเชื่อแบบนั้นเพราะนี้คือยุค CG ของแท้ และเมื่อได้ประสบพบเจอด้วยสายตาตัวเอง ก็ต้องยอมรับว่าดีกว่ากันแบบ วาว เอาแล้วๆ ความหวังใหม่ “ฮี่โร่”
หนังเปิดต้นเรื่องมาได้น่าประทับใจแบบสุดๆ จนผมมีความหวังที่ถูกปลูกถ่ายครั้งใหม่ลงใน เมมโมรี่อันน้อยนิดว่า เอาแล้วครับ “Godzilla(2014)” มันสุดยอดไปเลย!! หนังพยายามเล่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงบนโลกเชื่อมและโยงเข้ากับตัว Godzilla ได้น่าประทับใจ ยิ่งไปกว่านั้นการแสดงของ Bryan Cranston ก็ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวังและเชื่ออีกว่าใครที่ได้ดูบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า มันดีมาก ณ ช่วงเวลาที่มี Bryan Cranston แสดงอยู่ แต่หลังจากนั้นผมก็ เงิบ!!
Godzilla(2014) ใช้เวลาในการพัฒนาถึง 6 ปี เพื่อที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดหรือฝันร้ายของใครหลายคนเกี่ยวกับ Godzilla (1998) ซึ่งผมคิดว่ามันทำสำเร็จในองค์ประกอบของภาพและวิธีการดำเนินเรื่อง โดยเฉพาะการสร้างภูมิหลังของตัวละครทุกตัวในช่วงแรก หนังเน้นประเด็นตัวละครและความสัมพันธ์ของตัวเนื้อเรื่องมากกว่าไปเจาะจงเจ้าตัว “Godzilla” ซึ่งผมคิดว่าเป็นไอเดีย ที่ดูดี ดูเข้าท่าเลยมากๆ ณ ช่วงเวลาที่ไม่มีเจ้า “Godzilla” ปรากฏตัว การเล่นกับภัยธรรมชาติต่างๆ นาๆ ผมเข้าใจว่าหนังพยายามหนี้และทิ้งบางส่วนที่ดู เลอเทอะ!! ซึ่งต้องชมว่า “ดีมาก” แต่บทสรุปสุดท้ายหนังก็มา เลอะอีกเหมือนเดิม จนผมอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ Godzilla อะไรของคุณ อะไร ฉากที่พยายามให้แปลกตา แต่มันดูตลกๆ จริง!!
ในเรื่องเจ้า Godzilla จะต้องต่อสู้กับ มูโตตัวผู้ตัวเมีย ที่จะทำการผสมพันธุ์ แต่มันไปคัดกับสมดุลธรรมชาติ ทำให้เจ้า Godzilla ออกมากำจัดเจ้าสิ่งที่กำลังจะทำให้สมดุลธรรมชาติเสียไป โดยส่วนนี้ให้แง่คิดกับตัวผมว่า แท้จริงแล้วเจ้า Godzilla ก็คือภัยธรรมชาติทั้งหมด ที่เกิดบนโลกหรือเปล่า เพราะว่ามันนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ไม่บอกอะไรเลย ในส่วนเจ้า “มูโต” ก็คือ มนุษย์อย่างพวกเราที่พยายามทำลายระบบสมดุลโลก จนทำให้เจ้าภัยธรรมชาติหรือ Godzilla ในที่นี้มากำจัดทิ้งไปซะ ผมอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ มันอาจเป็นแค่หนังสัปหลาดสู้กัน ถล่มตึกเฉยๆ ก็ได้ครับ คุณคนดูเท่านั้นที่เป็นคนคิดและพิจารณาเอาเอง!!!
ว่าด้วย Gareth Edwards ผู้กำกับที่โด่งดังมาจาก Monster(2011) ก็กลับมาสร้างสรรค์ เรื่องราว ภาพและแน่นอนสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ ต้องยอมให้กับความ “อลัง” มากๆครับ ใครที่ต้องการความอลังการงานสร้าง ผมบอกได้คำเดียวว่า คุ้มทุนสุดๆ แต่ถ้าใครต้องการความแปลกใหม่ ผมว่ามันเท่าทุนครับ เมื่อพูดถึงความดราม่า ผมว่ามันดราม่าไม่สุด ไม่สะเทือนใจ บางสิ่งบางอย่างก็ไม่ค่อยมีเหตุผล ตัวละครที่ตอนแรกทำไว้ดีมาก แต่พอมาช่วงหลังกับกลายเป็นว่าตัวละครตัวเดิม เป็นส่วนเกินของหนังไปซะยังงั้น !!
สุดท้าย Godzilla(2014) คือหนังดราม่าชีวิต ของเหล่ามนุษย์ที่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ไม่ถึงเท่าที่ควร ด้วยพล็อตเรื่องที่ทำออกมาดีเอามากๆ ณ ช่วงแรกถูกกลบทับด้วยช่วงหลังที่ดูแล้ว “เหนื่อย” มันทำให้ตัวหนังเกิดความสมดุลในตัวของมันเองแบบ อ๋อๆ “กลับคืน สู่ สมดุล” แน่ๆเลย โกจิร่า!! >< ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ
ติดตามอ่านเพิ่มเติม http://moviesdelightclub.blogspot.com/
หรือ https://www.facebook.com/pages/Review-me/590037124412674?ref=ts&fref=ts