เทคนิคเก็งกำไร

กระทู้สนทนา
เป็นทั้งบทความและการแนะนำหนังสือนะครับ "เพาะหุ้นเป็น  เห็นผลยั่งยืน" จาก คุณกวี  ชูกิจเกษม  อ่านแล้วถือว่าดีเลยครับสำหรับสาย VI

แต่วันนี้จะมาพูดถึงการเก็งกำไรกันครับ

อย่างแรกเลยพยายามเลือกตัวเองให้ชัดนะครับว่าจะ  เป็นนักเก็งกำไร  หรือ  นักลงทุน  แต่คุณก็สามารถทำสองอย่างพร้อมกันได้นะครับถ้าคุณแบ่งสัดส่วนเงินเป็นอย่างเคร่งครัดและชัดเจน

นักเก็งกำไร มีทั้งแบบที่ดูจากเทคนิคด้วยราคา  ทั้งแบบใช้ event ต่างๆเก็งกำไร เช่น ปันผล งบ เทศการ  ทั้งแบบที่คาดการสภาวะเศรษฐกิจดูความเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มๆ อุตสาหกรรม  หรือแม้แต่เก็งกำไรกับเรื่องแปลก เช่นก่อนเลือกตั้ง-คาดว่ากลุ่มที่มีความสัมพันธ์กับการเมืองจะขึ้น ฟุตบอลโลก-คาดว่าหุ้นกลุ่มบันเทิงจะขึ้น มีมากมายหลายแบบ

หลายคนบอกตัวเองว่าเป็นนักลงทุน  แต่พอหุ้นขึ้นมาหน่อย 10% 15% ก็ขายทิ้ง  หรือพอหุ้นไม่ขึ้นแปปก็บ่นทุกวัน  อย่างงี้ผมว่าคุณเหมาะกับเก็งกำไรนะครับ

ไม่ว่าคุณจะเลือกอะไร  แต่ถ้าคุณเป็นหนึ่งในนักเก็งกำไร  หรือมีความสุขกับการเก็งกำไร ผมมีข้อแนะนำจากหนังสือเล่มนี้ 4 ข้อครับ
1. ถ้าคุณเก็งกำไรอย่าคิดไปว่าเราคือนักลงทุน
นักเก็งกำไรถ้ามันไม่ขึ้น หรือลงมาเท่าเกณฑ์ cut/stop loss เช่น 5% ต้องตัดขายทันทีครับ  ไม่ใช่ว่าพอมันลงก็กลายตัวเองเป็นนักลงทุนระยะยาว  ตัดขายไม่ลงพร้อมกับบอกตัวเองว่า "ไม่ขายไม่ขาดทุน"  มันจะทำให้คุณเสียโอกาสและอาจต้องรอนานเป็นปีปีกว่าจะถอนตัวได้   >>  ดังนั้นถ้าคุณเป็นนักเก็งกำไร  จงบอกตัวเองว่าฉันกำลังเก็งกำไร

2. เก็งกำไรด้วยวินัยครับ (ข้อนี้ผมว่าเจ๋งมากครับ  ไปลองๆกันดู)
มันเป็นเครื่องมือสำคัญและวิเศษมากที่สุดตัวหนึ่งที่ทำให้นักเก็งกำไรทั้งหลายประสบความสำเร็จ
มันคือวินัยในการ cut/stop loss (แล้วแต่คนจะเรียก)
และ let profit run
ยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับสมมติเราซื้อหุ้น ABCD มา 10 บาท  แล้วเราก็ตั้งกฎกับตัวเองแล้วแต่คนว่าขาดทุนเท่าไหร่เราจะขาย สมมติผมตั้ง 10% ผมก็จะตัดขายทันทีที่มันลงมาที่ราคา 9 บาท  และเมื่อสมมติจบวันที่ราคา10.5บาท  วันต่อมาผมก็จะเลื่อนจุด stop loss ด้วยระยะห่างที่ตั้งไว้ตอนแรกก็จะกลายเป็น 9.5 บาท และถ้าเกิดอีกวันขึ้นไป11.5บาท ผมก็จะเลื่อนจุด stop เป็น 10.5 บาท และจะเลื่อนไปเรื่อยๆ จนเมื่อว่าวันไหนถึงเวลาที่มันตีกลับลงมาจุด stop loss ขอบรอบวัน (คุณอาจปรับรอบเวลาตามใจหรือสถานการณ์ได้ครับ เช่นหุ้นที่แรงๆ อาจเป็นรอบเช้า-บ่ายในการปรับจุด stop) และเราจะปรับเลื่อนขึ้นเท่านั้นไม่ปรับเลื่อนลงนะครับ  
>หรือ< ถ้าเกิดผมซื้อมา 10 ผ่านไปชั่วโมงเดียว ลงมา9บาท สิ่งเดียวที่วินัยบอกคุณคือคุณต้องตัดขายทันทีครับ อย่าปล่อยเด็ดขาด
              การไม่มีวินัยคือเหตุผลสำคัญของความล้มเหลวสำหรับนักเกร็งกำไรครับ

3. จงอย่าเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่ง  
ข้อนี้อธิบายง่ายๆ เหมือนการลงทุนครับ  เอาเงินเย็นๆมาลงทุน  เงินที่เราแบ่งไว้ลงทุนหรือเก็งกำไรเท่านั้น  อย่าถอดประกัน  อย่ากู้  อย่ายืมเพื่อน  อย่าเอาเงินกองทุนที่ไว้ใช้ตอนแก่มา หรือบัญชี Margin หรือ Car for Cash นู่นนี่นั่น
เพราะถ้าคุณขาดทุนมันจะถลำลึกลงมาก  อาจเสียเพื่อน  อาจเสียโอกาส  อาจต้องเสียดอกอีกบาน  เหตุผลมากมายที่คุณไม่ควรเอาเงินก้อนอื่นมาเก็งกำไร  ถึงแม้ว่าคุณจะมั่นใจกับการเก็งกำไรรอบนั้นมากก็ตาม

4.เข้าเก็งกำไรด้วยสาเหตุ/เหตุการณ์อะไร  ให้คุณออกด้วยสาเหตุ/เหตุการณ์นั้น
หลายคนเมื่อพอขาดทุนถึงจุด stop loss ทั้งๆที่ควรจะขายเพราะคุณเข้าตัวนี้ด้วยสาเหตุแห่งการเก็งกำไรเช่น จะจ่ายปันผล  แต่เมื่อบริษัทไม่จ่ายปันผลหรือจ่ายน้อยส่งผลให้ราคาตก  พอขาดทุนถึงจุดกลับหาเหตุผลมากมายให้ตัวเองไม่ให้ขาย  เช่น  หุ้นตัวนี้พื้นฐานยังดีนะ  ราคาก็กลางๆไม่แพง  
>> สรุปคือ << เข้าด้วยสาเหตุอะไร  ให้ออกด้วยสาเหตุนั้น  อย่าเข้าข้างตัวเองครับ  จงมีวินัย ย้ำ!! อีกครับ

สิ่งสำคัญหลักๆ ทั้งสี่ข้อคือ  วินัย  วินัย  และวินัยครับ

ถึงแม้วันนี้จะพูดถึงการเก็งกำไรแต่ก็ลองไปหาอ่านกันดูได้นะครับ "เพาะหุ้นเป็น  เห็นผลยั่งยืน"  จากคุณกวี  ชูกิจเกษม  เป็นบุคคลที่น่าติดตามผลงานคนนึงสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะพวก VI

แนะนำติชมได้ตามสะดวกครับ
ขอฝากผลงานด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/Moneyandtimebyatthawit
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่