รีวิว "ล่องใต้" วัดทางสาย เชียวหลาน กุ้ยหลินเมืองไทย และ เดอะ เวเนเซีย หัวหิน

กระทู้สนทนา
ทริปนี้มีแรงบรรดาลใจจากอากาศเราหนีร้อนไปเล่นน้ำ ที่เขื่อนรัชชประภาหรือกุ้ยหลิน หรือชียวหลาน กันดีกว่า เราศึกษาเส้นทาง และที่พักที่เที่ยวพอสมควรแล้ว ลองโทร ลองถามหลายคน หลายที่เงื่อนไขของเรามีอยู่ว่าต้องไม่แพงด้วยงบประมาณนิดหน่อยแต่อยากเที่ยว และระยะทางที่ไกล จึงต้องวางแผนกันดี ๆ จะขอแชร์ข้อมูลการหาที่พัก แบบประหยัด บรรยากาศ การบริการ ดีมากทั้งสองคืน สองที่ ที่พวกเราได้สัมผัสมา

แผนการเดินทาง

วันอาทิตย์ ที่ 11  พฤษภาคม 57
04.00 น.        ออกทางบ้าน แหลมฉบัง มุ่งสู่กรุงเทพฯ เพื่อเข้าไปรับสมาชิกเราอีก 1 ท่าน
07.30 น.        ออกจากกรุง มุ่งสู่ประจวบฯ สถานีต่อไป
10.30 น.        วัดทางสาย เขาธงชัย ประจวบฯ
17.00 น.        เข้าที่พัก บ้านพักการไฟฟ้าเขื่อนรัชประภา

วันจันทร์ ที่ 12 พฤษภาคม 57
07.00 น.         ออกจากที่พัก หาข้าวเช้ากินกัน
08.00 น.        "ท่าเรือเทศบาลบ้านเชี่ยวหลาน"
08.30 น.         ลงเรือหางยาว ล่องชมความงามของทิวเขา และพื้นน้ำสีเขียมมรกต
10.00 น.        ถึงแพคลองคะ
13.00 น.    เข้าชม "ถ้ำปะการัง" โดยการนั่งเรือหางยาวออกจากที่พัก สนุกสนาน   กับการเดินป่าอีกประมาณ 1 กม. เข้า สู่ ทะเลใน 500 ไร่ เพลิดเพลินกับการนั่งแพ ไม้ไผ่ชมวิวในทะเลใน 500 ไร่เพื่อข้ามฟากเข้าชมถ้ำปะการัง
15.00 น.        กลับมาเล่นน้ำที่แพ ล่องเรือแคนนู เก็บภาพความงามของแพ และ พื้นน้ำ
18.00 น.        กินอาหารเย็น

วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม 57
07.00 น.        กินข้าวต้มยามเช้า บนแพ
08.00 น.        ออกจากแพเพื่อไปชมความงาม ยามเช้าของเขาสามเกลอ ไฮไลน์ที่นี่
09.00 น.        ถึงท่าเรือขึ้นรถเพื่อเดินทางไปสถานีต่อไป
17.00 น.        เดอะเวเนเซีย หัวหิน
18.00 น.         เดินทางออกจากหัวหินเดินกลับไปส่งสมาชิกที่กรุงเทพฯ
21.30 น.        หลังจากกินข้าวมื้อเย็น และส่งสมาชิกเรียบร้อยตั้งหน้าตั้งตา พากันกลับ ชลบุรี
23.01 น.         ถึงบ้านกันอย่างปลอดภัย .....
ตามมาดูกันซิว่า เราทำได้ตามแผนกันแค่ไหน >>

            สถานีแรกเราแวะกันที่ วัดทางสาย วัดทางสาย ตั้งอยู่ริมทะเลบ้านกรูด ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  และเป็นแหล่งเรียนรู้ในด้าน สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม ศาสนา และแหล่งเรียนรู้ด้านนิเวศวิทยาได้เป็นอย่างดี ปูชนียสถานและปูชนียวัตถุที่สำคัญ ในวัดนี้ ประกอบด้วย  พระพุทธกิติสิริชัย หรือ ที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางสมาธิแบบศิลปะคันธาระ หันพระพักตร์ออกทะเล พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ หรือ พระมหาเจดีย์เก้ายอด  พระปรางค์ จัตุรมุขสูงสามชั้น สามารถมองเห็นได้แต่ไกล พระตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาปักธงชัย ซึ่งเป็น จุดชมวิวที่สวยงามสามารถมองเห็นชายหาดบ้านกรูด เวิ้งอ่าวและทิวมะพร้าวสุดสายตา เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและ การเดินทางก็ง่าย เข้าไปในซอยถึงจะมีป้ายวัดทางสาย ระหว่างทางก็เป็นสวนมะพร้าว สวนปาล์ม ร่มรื่นดี จนเลี้ยวเข้าวัด อย่างที่บอกว่าเราไปถึงกันประมาณ 10.30 น. ซึ่งรู้  ๆ กันอยู่ว่า ร้อน มาก มาย จริง แต่ด้วยบรรยากาศของวัดที่อยู่บนเนินเขาสูง ติดทะเล ต้นไม้ก็เยอะพอประมาณ ยังพอให้เราได้ร่ม  และลมที่พัดจากทะเลบาง แต่วิวสวยมากเราจะไปนมัสการหลวงพ่อองค์โต ก่อนแล้วค่อยขึ้นไปบนพระธาตุ....  ชมวิวชายหาดด้านล่าง สวยดี



ชมรูปกันไปก่อนนะ

























          และนี่ก็คือภาพมุมสูงแอบเอาของคนอื่นมา อยากให้ทุกท่านได้เห็นภาพรวมของที่นี่จะได้เห็นภาพอย่างชัดเจน



          หลังจากได้เหงื่อกันมาพอสมควร ก็ออกเดินทางเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง คราวนี้นั่งรถยาวไม่ได้หยุดแวะที่ไหนอีกจนถึงบ้านพักการไฟฟ้าเขื่อนรัชประภากันเลย ตามแผนเราต้องไปถึง 17.00 น.  และแล้วเราก็ไปถึงตามเวลาที่วางไว้เป๊ะ  เข้าไป check in ที่สำนักงานของการไฟฟ้า บ้านดาหลา ที่จริงเราจองไว้ 2 หลัง แต่พนักงานแจ้งว่ามันจะเก่าหน่อย อยากให้เราไปดูก่อนที่จะตัดสินใจ ถ้าไม่ชอบก็เปลี่ยนได้  อ่ะงั้นก็ไปดู เป็นเพราะพื้นที่เค้าเยอะมาก ทำให้บ้านแต่ละหลังจะอยู่ห่างกัน ตามเนินของเขา  กว่าจะถึงก็ขึ้นเนินลงเนินอยู่หลายรอบ บ้านกระดังงาราคาถูกหลังละ 500 บาทถูกที่สุดที่นั่น มี 2 เตียง 1 ห้องน้ำ แต่ด้วยพื้นที่ที่กว้างมากอย่างที่บอกไว้  ทำให้บ้านหลังนี้ถูกสร้างให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ไกล และดูเหมือนจะเก่า ๆ หน้ากลัว จนเราต้องขอเปลี่ยน ไปดูหลังที่สองที่จองไว้ก่อน นั่นคือบ้าน สุพรรณิการ์ 4 หลังนี้ 950 บาทมี 5 เตียงอย่างอื่น เหมือนกันทุกหลัง คือ 1 ห้องน้ำ ทีวี ตู้เย็น  เนื่องจากที่เรายกเลิกหลังก่อนหน้านี้ จึงคิดกันว่า ขอเป็น สุพรรณิการ์ 5 ดีกว่า ได้เตียงเพิ่มมาเป็น 6 เตียง ราคา 1,100 บาท เพราะสมาชิกเรามีกัน 6 คน + เด็กอ้วน อีก 1 เป็น 7 คน ได้ที่พักจนเป็นที่น่าพอใจ

ลองดูจากภาพ ด้านบนคือบ้านกระดังงาที่เรา ไม่กล้านอน ภาพล่างคือบ้านสุพรรณิการ์ 5



ข้อมูลที่พัก ลองเข้าไปดูกันเองเผื่อใครสนใจ ราคาถูก ๆ บริการดี ๆ



          เราก็ออกไปหาสำรวจเส้นทาง ไปจุดชมวิวบนสันเขื่อน





ซูมหน่อย  









      หลังจากนั้นหาข้าวเย็นกินกัน มื้อนี้พิเศษหน่อย อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าวแกง เพราะวันนี้ทั้งวันเจอแต่ข้าวแกง ร้านนี้เป็นร้านที่อยู่ในเขื่อนนั่นแหละ จำชื่อไม่ได้แต่หาไม่ยาก อร่อยดี ราคาก็ไม่แพง หลังจากนั้นก็กลับไปพักผ่อนเพื่อวันพรุ่งนี้กัน
    ประมาณ 7 โมงพวกเราพร้อมออกจากที่พัก ไปหาข้าวเช้า เจอร้านค้าที่อยู่ในการไฟฟ้านั่นแหละรสชาดอร่อย เยอะ อิ่ม สุดท้าย กินกันไม่หมด ราคาเบา ๆ  ปกติทั่วไป



     อิ่มกันแล้วไปเก็บบรรยากาศยามเช้าที่สันเขื่อนกันอีกสักรอบ ก่อนจะขึ้นเรือ















       ได้เวลาไปที่ท่าเรือแล้ว โทรหาเจ้าหน้าที่อุทยานเพื่อหาเรือเข้าแพ คุณสุทิน ก็ออกมารับเราที่ท่าเรือ ปกติจะต้องเสียค่าธรรมที่ท่าเรือคนละ 40 บาทด้วยนะ แต่ของเราฟรี อิ อิ ....
            ทำไมถึงเรียกว่า “กุ้ยหลิน” เขื่อนแห่งนี้สร้างเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า บริเวณอ่างเก็บน้ำของเขื่อนเชี่ยวหลานประกอบด้วยภูเขาหินปูนและเกาะแก่งใหญ่น้อยมากมายที่ครั้งนึงเคยเป็นยอดเขาหินปูนมาก่อน น้ำในอ่างเก็บน้ำที่นี่มีสีเขียวมรกตสวยสดงดงามแลดูคล้ายน้ำทะเล สาเหตุมาจากระดับความลึกของน้ำและตะไคร่ที่อยู่ใต้น้ำลึกนั้น ภูมิประเทศภายในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับกุ้ยหลินของประเทศจีน จึงทำให้เขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลานได้รับการขนานนามว่าเป็น "กุ้ยหลินเมืองไทย"
          เราได้ลงเรือกันประมาณ 8.30 น. เริ่มกันได้มาเต็มอิ่มกับการพักผ่อนด้วยการล่องเรือชมวิว ไปกับสายน้ำใส และเงาสะท้อนของต้นไม้สีเขียว ร่ ของผืนน้ำอันกว้างใหญ่ด้วยความลึกของน้ำ ประกอบกับสีของตะไคร่น้ำเบื้องล่าง ทำให้สีน้ำในเขื่อนมีสีเข้มเหมือนสีมรกต คล้ายน้ำทะเล และที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้สมาชิก บรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวเกินคำบรรยายบริเวณเหนือเขื่อนและอ่างเก็บน้ำของอุทยานที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ รวมทั้งภูเขาหินปูนรูปร่างต่างๆ แปลกตาที่อยู่ในเขื่อน ทั้งหมดนี้สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา ท่ามกลางผืนน้ำสีเขียวที่ดูอบอุ่นเย็นสบายของเขาสกแห่งนี้ทำให้วันนี้ที่จริงอากาศร้อน แต่พวกเรานั่งเรือไปด้วยความเย็นสบาย มาจากสายกระเด็นมาใส่เราเป็นระยะ  ๆ ไกด์เรารีบบอกเลยว่า น้ำสะอาดนะครับไม่แพ้ ไม่เหนียว ที่จริงแล้วเราไม่กลัวเลย  นั่งกันไปสักพักก็ถึงที่พักของเรา “แพคลองคะ”    

        















        แพที่นั่นมีเยอะมากมายเลย ทั้งของอุทยาน และ เอกชน เราขอแนะของอุทยานดีกว่า ง่าย สะดวก และ ประหยัด เราไปพักที่แพคลองคะ  จองผ่าน Web ของอุทยานกันเลย http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/accommodation.asp  เปิดให้บริการจองผ่านระบบออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต เราจองโซน 6 เป็นแพบ้านไม้หลังละ  6 คน  ห้องน้ำ 2 ห้อง ที่จริงนอนได้เป็นสิบเพราะที่นอนใหญ่ ราคาหน้า Web 1,800 บาท แต่เพราะเราไปพักวันจันทร์ทำให้ได้ลดอีก 20 % เหลือ 1,260 บาทเอง  ที่นั่นเค้าจะปั่นไฟใช้กันฉะนั้นจึงต้องมีเวลาปิด-เปิดไฟ ให้เราเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 18.00-22.00 น. ค่ะ แต่ละหลังเค้าจะมีปลั๊กไฟให้แค่อันเดียวนะ ถ้าเราไปกันหลายคนแล้วแบตกล้อง แบตมือถือหมดคงจะต้องเตรียมปลั๊กพ่วงกันไปด้วย อ้ออีกอย่าง ที่แพนี้มีสัญญาณโทรศัพท์ด้วย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่