ตามหัวข้อเลยค่ะ  พวกที่เป็นเซลล์ขายเครื่องสำอางค์ตามห้าง   หรือ  คลินิคเสริมความงามต่าง ๆ  เขา  Hard Sale กันมากไหมคะ  แล้วต้องทำยอดประมาณเท่าไรถึงจะรอดจากการโดนไล่ออกคะ  เราเข้าใจว่าแบรด์แต่ละแบรด์คนละเป้าหมายกัน  ราคาคอร์ส  และปัจจัยอื่น ๆ ต่างกัน  ยอดที่ตั้งไว้ในแต่ละเดือนก็ขึ้นอยู่กับมูลค่าแบรนด์นั้น ๆ

เราคิดว่าในเศรษฐกิจแบบนี้และในสภาวะที่เกือบทุกแบรนด์ต้องแข่งกันหาลูกค้า  เพื่อทำยอดขายให้ได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ  สวนทางกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัวทั้งของอุปโภคและบริโภค  และผลกระทบจากนโยยาย 300  บาท  ,  รถยนต์คันแรก  รวมถึงจำนำข้าวที่รัฐบาลต้องไปกู้มาโปะหลายหมื่นล้าน  หนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้น   คนส่วนใหญ่จะคิดว่าการเข้าสถานเสริมความงามเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยที่สามารถตัดไปได้ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้  ซึ่งอาจจะทำให้บางเจ้ายอดไม่ตรงเป้าที่กำหนด

รวมถึงในกรณีงานเซลล์ประเภทอื่นด้วย   พวกรถยนต์  คอนโด  ซึ่งสินค้าพวกนี้ราคาก็จะอยู่ระดับสูงขึ้นไปอีก  โดยเฉพาะคอนโดซึ่งสร้างเป็นดอกเห็ดทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เศรษฐกิจอยู่ในสภาวะตึงเครียด  ซึ่งคนที่ซื้อคงจะต้องมีกำลังซื้อจริง ๆ เท่านั้น   เพราะดอกเบี้ยสูง  แล้วอย่างนี้พวกงานเซลล์จะรอดไหมคะ   เพราะต้องพึ่งรายได้จากยอดขาย

ใครที่ทำงานเป็น Sale  พวกรถยนต์  คอนโด  หรือ  สถานเสริมความงาม    รบกวนแชร์ประสบการณ์กันค่ะ