เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้าที่หรูเลิศ อลังการ โดยงานนี้มีบุคคลในวงการบันเทิงจากหลากหลายสาขา ร่วมแสดงความยินดีกับกลุ่มเซ็นทรัล ที่เปิดตัว "เซ็นทรัล แอมบาสซี่" ศูนย์การค้าใจกลางกรุงเทพมหานครแห่งใหม่ล่าสุด เรียกว่าเป็นทั้งแหล่งช็อปปิ้งและแหล่งพักผ่อนของคนกรุงเทพฯ สมกับแนวคิด "ทุกความเป็นไปได้จะเกิดขึ้นที่นี่" บรรดาผู้ร่วมงานต่างเอ่ยชมสถาปัตยกรรมที่ออกแบบได้สวยงาม ทันสมัย และมีเอกลักษณ์ นำศิลปะไทยมาผสมผสานอย่างลงตัว
มาทำความรู้จัก 15 สิ่งต้องรู้ 'เซ็นทรัล เอ็มบาสซี' สุดอลังการ!
1. เป็นการก่อสร้างในที่ดินที่มีราคาซื้อขายแพงที่สุดในปี 2549 (9.5 แสนบาท/ตร.ว.) โดยตัวตึกมีความสูง 37 ชั้น หน้ากว้างยาวกว่า 200 เมตร อาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือศูนย์การค้า 8 ชั้น และส่วนทาวเวอร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมปาร์คไฮแอท ส่วนที่ถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกันเป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์ อินฟินิตี้ หมายถึงความไม่มีที่สิ้นสุด
2. เป็นโครงการที่กลุ่มจิราธิวัฒน์เองรอคอยอย่างตื่นเต้นที่สุด เพราะใช้เงินลงทุนมากที่สุดของเครือเซ็นทรัล โดยมีมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นที่ดิน 6,000 ล้านบาท โครงสร้าง 7,000 ล้านบาท และตกแต่งภายในอีกกว่า 5,000 ล้านบาทเซ็ลทรัล เอ็มบาสซี ยิ่งใหญ่อลังการ
3. ใช้เงินลงทุนต่อตารางเมตรสูงที่สุดในประวัติศาสตร์รีเทลของไทย
4. เป็นภาระที่ใหญ่และท้าทายที่สุดของชาติ จิราธิวัฒน์ เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของตระกูลผู้รับผิดชอบหลักชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ โครงการเซ็ลทรัล เอ็มบาสซี
5. มีโรงภาพยนตร์ระดับเฟิร์สคลาส “The Embassy The Diplomat Screens” ที่มีตั๋วชมภาพยนตร์แพงที่สุดในประเทศไทย คือ 1,000-1,500 บาทต่อที่นั่ง
6. เป็นโครงการแรกที่กล้าทุ่มเงินในวันเปิดตัวสูงสุดถึง 130 ล้านบาท ในขณะที่ยังอยู่ในช่วงวิกฤติของปัญหาการเมืองในประเทศอาณาจักรไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งหรูระดับอัลตร้าลักชัวรี่
7. น่าตื่นเต้นที่สุดกับ 7 Façade Brands คือ Bottega Veneta, Chanel, Gucci, Hermes, Miu Miu, Prada, และ Ralph Lauren ในรูปแบบ ไอคอนนิค สโตร์ (Iconic Store) ที่นำเสนอรูปแบบร้าน Duplex 2 ชั้น โดย Façade ของทั้ง 7 แบรนด์ถูกสร้างจากกระจกโค้งไร้รอยต่อแห่งแรกในโลก
8. รู้หรือไม่ว่าตัวตึกเป็น 3D Curve โค้ง 3 มิติ ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ถือเป็นตึกแรกในประเทศไทยเซ็ลทรัล เอ็มบาสซี...ไอคอนนิค รีเทล แลนมาร์ค
9. เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของกลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้การบริหารงานของ ชาติ จิราธิวัฒน์ นักบริหารหนุ่มไฟแรงทายาทรุ่น 3 แห่งตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งใช้เวลากว่า 7 ปี ในการพัฒนาและก่อสร้างเพื่อให้สมบูรณ์แบบ
10. การสร้าง 'เซ็นทรัล เอ็มบาสซี' แห่งนี้ พวกเขาไม่ใช่เป็นเพียงแฟลกชิพของกลุ่มเซ็นทรัล แต่เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ไอคอนนิค บิลดิ้ง (iconic Building) แห่งใหม่ของฟากฟ้ากรุงเทพมหานคร และเป็นความภูมิใจของคนกรุงเทพฯ โดยจุดเริ่มการออกแบบคือ การออกแบบตึกที่เป็นสถาปัตยกรรมชั้นสุดยอด ไม่เคยมีมาก่อนในเมืองไทย ใช้เทคโนโลยีล้ำหน้าระดับโลก ผสมผสานศิลปะแห่งความเป็นไทยในรูปแบบที่ร่วมสมัยไร้กาลเวลาสถาปัตยกรรมไอคอนนิคบิลดิ้งระดับเวิลด์คลาส
11. จุดเด่นอีกหนึ่งที่ทำให้ตึกโครงการ 'เซ็นทรัล เอ็มบาสซี' แตกต่างจากตึกอื่นๆ คือ เกล็ดอลูมิเนียม จำนวนกว่า 300,000 เกล็ด ที่ติดรายล้อมตัวตึก แรงบันดาลใจแห่งการออกแบบตัวเกล็ดที่อ่อนช้อยนี้ได้มาจากเกล็ดหลังคากระเบื้องเคลือบของพระอุโบสถในวัดไทย เมื่อฉาบแสงอาทิตย์จะเกิดเป็นสีเลื่อมระยิบระยับสวยงามวิจิตร
12. และรู้หรือไม่ว่าเกล็ดอลูมิเนียมกว่า 300,000 เกล็ดบนตึกโครงการนั้น จะมีองศาที่แตกต่างกันทั้งสิ้น เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องมายังตัวตึก ภาพที่เห็นจะเป็นเลื่อมเงาในเฉดสีเทาเงินที่แตกต่างกันไป เสมือนเป็นพื้นผิวของผ้าไหมไทยที่เลื่องชื่อ
13. ภายในตัวอาคารตกแต่งด้วยสีขาวคล้ายแคนวาส เล่นลวดลายผ่านการใช้เส้นสายโค้งเว้ามุมและพื้นผิวที่ไม่รู้จบ ระดับความสูงของเพดานได้รับการออกแบบให้รองรับแสงและเงาเพื่อให้เกิดความสวยงามตลอดอาคารเรียบหรู
14. เสาอาคารเลือกใช้ โคเรียน (Corian) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความเรียบเนียนไร้รอยต่อ และพื้นอาคาร ประกอบด้วย เทอราซโซ หินขัดพิเศษที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษ มีขนาดใหญ่ 80 ตารางเมตร ซึ่งทำให้เส้นรอยต่อระหว่างแผ่นมีขนาดที่เล็กมาก จึงให้ความรู้สึกกลืนเป็นแผ่นเดียวกัน
15. นอกจากนี้ กระจกก็เป็นแบบซุปเปอร์เคลียร์ที่ให้ความกระจ่างใส และไม่เปลี่ยนสีเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ควรไปเยือน.
ขอบคุณข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/421780
15 สิ่งต้องรู้ 'เซ็นทรัล เอ็มบาสซี' สุดอลังการ!
มาทำความรู้จัก 15 สิ่งต้องรู้ 'เซ็นทรัล เอ็มบาสซี' สุดอลังการ!
1. เป็นการก่อสร้างในที่ดินที่มีราคาซื้อขายแพงที่สุดในปี 2549 (9.5 แสนบาท/ตร.ว.) โดยตัวตึกมีความสูง 37 ชั้น หน้ากว้างยาวกว่า 200 เมตร อาคารแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือศูนย์การค้า 8 ชั้น และส่วนทาวเวอร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมปาร์คไฮแอท ส่วนที่ถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกันเป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์ อินฟินิตี้ หมายถึงความไม่มีที่สิ้นสุด
2. เป็นโครงการที่กลุ่มจิราธิวัฒน์เองรอคอยอย่างตื่นเต้นที่สุด เพราะใช้เงินลงทุนมากที่สุดของเครือเซ็นทรัล โดยมีมูลค่ากว่า 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็นที่ดิน 6,000 ล้านบาท โครงสร้าง 7,000 ล้านบาท และตกแต่งภายในอีกกว่า 5,000 ล้านบาทเซ็ลทรัล เอ็มบาสซี ยิ่งใหญ่อลังการ
3. ใช้เงินลงทุนต่อตารางเมตรสูงที่สุดในประวัติศาสตร์รีเทลของไทย
4. เป็นภาระที่ใหญ่และท้าทายที่สุดของชาติ จิราธิวัฒน์ เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของตระกูลผู้รับผิดชอบหลักชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ โครงการเซ็ลทรัล เอ็มบาสซี
5. มีโรงภาพยนตร์ระดับเฟิร์สคลาส “The Embassy The Diplomat Screens” ที่มีตั๋วชมภาพยนตร์แพงที่สุดในประเทศไทย คือ 1,000-1,500 บาทต่อที่นั่ง
6. เป็นโครงการแรกที่กล้าทุ่มเงินในวันเปิดตัวสูงสุดถึง 130 ล้านบาท ในขณะที่ยังอยู่ในช่วงวิกฤติของปัญหาการเมืองในประเทศอาณาจักรไลฟ์สไตล์ช็อปปิ้งหรูระดับอัลตร้าลักชัวรี่
7. น่าตื่นเต้นที่สุดกับ 7 Façade Brands คือ Bottega Veneta, Chanel, Gucci, Hermes, Miu Miu, Prada, และ Ralph Lauren ในรูปแบบ ไอคอนนิค สโตร์ (Iconic Store) ที่นำเสนอรูปแบบร้าน Duplex 2 ชั้น โดย Façade ของทั้ง 7 แบรนด์ถูกสร้างจากกระจกโค้งไร้รอยต่อแห่งแรกในโลก
8. รู้หรือไม่ว่าตัวตึกเป็น 3D Curve โค้ง 3 มิติ ทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ถือเป็นตึกแรกในประเทศไทยเซ็ลทรัล เอ็มบาสซี...ไอคอนนิค รีเทล แลนมาร์ค
9. เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของกลุ่มเซ็นทรัล ภายใต้การบริหารงานของ ชาติ จิราธิวัฒน์ นักบริหารหนุ่มไฟแรงทายาทรุ่น 3 แห่งตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งใช้เวลากว่า 7 ปี ในการพัฒนาและก่อสร้างเพื่อให้สมบูรณ์แบบ
10. การสร้าง 'เซ็นทรัล เอ็มบาสซี' แห่งนี้ พวกเขาไม่ใช่เป็นเพียงแฟลกชิพของกลุ่มเซ็นทรัล แต่เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ไอคอนนิค บิลดิ้ง (iconic Building) แห่งใหม่ของฟากฟ้ากรุงเทพมหานคร และเป็นความภูมิใจของคนกรุงเทพฯ โดยจุดเริ่มการออกแบบคือ การออกแบบตึกที่เป็นสถาปัตยกรรมชั้นสุดยอด ไม่เคยมีมาก่อนในเมืองไทย ใช้เทคโนโลยีล้ำหน้าระดับโลก ผสมผสานศิลปะแห่งความเป็นไทยในรูปแบบที่ร่วมสมัยไร้กาลเวลาสถาปัตยกรรมไอคอนนิคบิลดิ้งระดับเวิลด์คลาส
11. จุดเด่นอีกหนึ่งที่ทำให้ตึกโครงการ 'เซ็นทรัล เอ็มบาสซี' แตกต่างจากตึกอื่นๆ คือ เกล็ดอลูมิเนียม จำนวนกว่า 300,000 เกล็ด ที่ติดรายล้อมตัวตึก แรงบันดาลใจแห่งการออกแบบตัวเกล็ดที่อ่อนช้อยนี้ได้มาจากเกล็ดหลังคากระเบื้องเคลือบของพระอุโบสถในวัดไทย เมื่อฉาบแสงอาทิตย์จะเกิดเป็นสีเลื่อมระยิบระยับสวยงามวิจิตร
12. และรู้หรือไม่ว่าเกล็ดอลูมิเนียมกว่า 300,000 เกล็ดบนตึกโครงการนั้น จะมีองศาที่แตกต่างกันทั้งสิ้น เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่องมายังตัวตึก ภาพที่เห็นจะเป็นเลื่อมเงาในเฉดสีเทาเงินที่แตกต่างกันไป เสมือนเป็นพื้นผิวของผ้าไหมไทยที่เลื่องชื่อ
13. ภายในตัวอาคารตกแต่งด้วยสีขาวคล้ายแคนวาส เล่นลวดลายผ่านการใช้เส้นสายโค้งเว้ามุมและพื้นผิวที่ไม่รู้จบ ระดับความสูงของเพดานได้รับการออกแบบให้รองรับแสงและเงาเพื่อให้เกิดความสวยงามตลอดอาคารเรียบหรู
14. เสาอาคารเลือกใช้ โคเรียน (Corian) ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความเรียบเนียนไร้รอยต่อ และพื้นอาคาร ประกอบด้วย เทอราซโซ หินขัดพิเศษที่นำเข้าจากประเทศอังกฤษ มีขนาดใหญ่ 80 ตารางเมตร ซึ่งทำให้เส้นรอยต่อระหว่างแผ่นมีขนาดที่เล็กมาก จึงให้ความรู้สึกกลืนเป็นแผ่นเดียวกัน
15. นอกจากนี้ กระจกก็เป็นแบบซุปเปอร์เคลียร์ที่ให้ความกระจ่างใส และไม่เปลี่ยนสีเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ควรไปเยือน.
ขอบคุณข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/421780