เซ็นทรัลกรุ๊ป กางยุทธศาสตร์เทงบปีละ 4 หมื่นล้าน สยายปีกอาเซียน ตั้งเป้าโต 24% ชูซีอาร์ซี และซีพีเอ็น เป็นหัวหอกหลักขยายธุรกิจ คุยเนื้อหอม ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น รุมจีบร่วมทุน
นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล และผู้บริหารทุกกลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัล ร่วมแถลงข่าวประจำปีของกลุ่มเซ็นทรัล ปี 2556 ACE Challenge ว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท นับจากนี้จะดำเนินธุรกิจภายใน 3 ยุทธศาสตร์หลักประกอบด้วย 1.การขยายธุรกิจในประเทศ 2.การขยายธุรกิจในต่างประเทศ และ 3.การแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบของการควบรวมกิจการ ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรประมาณ 10 ราย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ โดยในจำนวนที่ทำการเจรจาดังกล่าว 4-5 ราย เป็นกลุ่มธุรกิจของซีอาร์ซี
ขณะเดียวกันในปี 2556 นี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่าปีละ 3 หมื่นล้านบาท งบประมาณดังกล่าวถือเป็นงบลงทุนที่ต่อเนื่องมาจากช่วง 3 ปีทีผ่านมา ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น งบในการลงทุนขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ 3.8 หมื่นล้านบาท และอีก 1 หมื่นล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินสำรองการเข้าซื้อกิจการต่างๆ
"นโยบายการลงทุนของบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จะมองหาโอกาสจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 เป็นหลัก" นายสุทธิธรรม กล่าว
ล่าสุด ได้ลงทุนในประเทศอินโดนีเซียหลังจากเซ็นสัญญาเช่ากับกลุ่ม PT Grand Indonesia เพื่อเปิดห้างเซ็นทรัลแห่งแรกที่ “Grand Indonesia Shopping Town” ในจาการ์ตา ใช้เงินลงทุน 600 ล้านบาท และจะลงทุนอีก 600 ล้านบาท เปิดห้างเซ็นทรัล สาขาเฉินตู ประเทศจีน ซึ่งเป็นสาขาในจีนแห่งที่ 3 ของกลุ่ม
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่เซ็นทรัลจะยึดเป็นหัวหอกหลักในการขยายธุรกิจนับจากนี้ ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ภายใต้การดูแลของบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือซีอาร์ซี ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนขยายธุรกิจคร่าวๆอยู่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือซีพีเอ็น อีกหนึ่งสาขาธุรกิจสำคัญของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 8,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนขยายธุรกิจในเครืออีก 2 กลุ่มคือ ธุรกิจค้าส่ง ธุรกิจโรงแรม นอกจากนี้ยังมีห้างรีนาเซนเต ที่เข้าไปซื้อกิจการในประเทศอิตาลี เปิดให้บริการแล้ว 2 สาขา ในมิลาน และฟลอเรนซ์ และอีก 1 สาขา กำลังก่อสร้างในกรุงโรม
สำหรับซีพีเอ็น แม้ขณะนี้จะยังไม่มีธุรกิจในต่างประเทศเหมือนกับซีอาร์ซี แต่จากการขยายสาขาของศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ด้วยการยึดหัวหาดเจาะแนวตะเข็บชายแดน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายประเทศเพื่อนบ้าน จากแผนขยายธุรกิจดังกล่าว กลุ่มเซ็นทรัลคาดว่า ในปี 2556 จะมีอัตราการเติบโต 24% หรือมียอดขายเพิ่มเป็น 227,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายภายในประเทศ 91% และยอดขายในกิจการต่างประเทศ 9% และคาดว่าจะเติบโต 20-30% ต่อเนื่อง
นายปริญ จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร ด้านการบริหารการเงินของกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า จากความแข็งแกร่งของแบรนด์เซ็นทรัล ส่งผลให้ขณะนี้มีนักธุรกิจหลายประเทศสนใจที่จะเข้ามาจับมือกับกลุ่มเซ็นทรัล เช่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ขอร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และให้กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาโครงการค้าปลีก ขณะที่พันธมิตรจากญี่ปุ่น เริ่มเข้ามาเจรจาขอร่วมเป็นพันธมิตรลงทุนในด้านของธุรกิจอาหาร เสื้อผ้า และร้านจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่าง หรือสเปเชียลตี้ สโตร์.
จาก Thaipost
http://www.thaipost.net/news/060213/69126
เซ็นทรัลสยายปีกฮุบอาเซียน กางแผนลงทุน4หมื่นล้านลุ้นโต24%
นายสุทธิธรรม จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล และผู้บริหารทุกกลุ่มธุรกิจในเครือเซ็นทรัล ร่วมแถลงข่าวประจำปีของกลุ่มเซ็นทรัล ปี 2556 ACE Challenge ว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท นับจากนี้จะดำเนินธุรกิจภายใน 3 ยุทธศาสตร์หลักประกอบด้วย 1.การขยายธุรกิจในประเทศ 2.การขยายธุรกิจในต่างประเทศ และ 3.การแสวงหาพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบของการควบรวมกิจการ ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรประมาณ 10 ราย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ โดยในจำนวนที่ทำการเจรจาดังกล่าว 4-5 ราย เป็นกลุ่มธุรกิจของซีอาร์ซี
ขณะเดียวกันในปี 2556 นี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่าปีละ 3 หมื่นล้านบาท งบประมาณดังกล่าวถือเป็นงบลงทุนที่ต่อเนื่องมาจากช่วง 3 ปีทีผ่านมา ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น งบในการลงทุนขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ 3.8 หมื่นล้านบาท และอีก 1 หมื่นล้านบาท จะเป็นเม็ดเงินสำรองการเข้าซื้อกิจการต่างๆ
"นโยบายการลงทุนของบริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จะมองหาโอกาสจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 เป็นหลัก" นายสุทธิธรรม กล่าว
ล่าสุด ได้ลงทุนในประเทศอินโดนีเซียหลังจากเซ็นสัญญาเช่ากับกลุ่ม PT Grand Indonesia เพื่อเปิดห้างเซ็นทรัลแห่งแรกที่ “Grand Indonesia Shopping Town” ในจาการ์ตา ใช้เงินลงทุน 600 ล้านบาท และจะลงทุนอีก 600 ล้านบาท เปิดห้างเซ็นทรัล สาขาเฉินตู ประเทศจีน ซึ่งเป็นสาขาในจีนแห่งที่ 3 ของกลุ่ม
สำหรับกลุ่มธุรกิจที่เซ็นทรัลจะยึดเป็นหัวหอกหลักในการขยายธุรกิจนับจากนี้ ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ภายใต้การดูแลของบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น หรือซีอาร์ซี ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะใช้งบลงทุนขยายธุรกิจคร่าวๆอยู่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา หรือซีพีเอ็น อีกหนึ่งสาขาธุรกิจสำคัญของกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 8,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนขยายธุรกิจในเครืออีก 2 กลุ่มคือ ธุรกิจค้าส่ง ธุรกิจโรงแรม นอกจากนี้ยังมีห้างรีนาเซนเต ที่เข้าไปซื้อกิจการในประเทศอิตาลี เปิดให้บริการแล้ว 2 สาขา ในมิลาน และฟลอเรนซ์ และอีก 1 สาขา กำลังก่อสร้างในกรุงโรม
สำหรับซีพีเอ็น แม้ขณะนี้จะยังไม่มีธุรกิจในต่างประเทศเหมือนกับซีอาร์ซี แต่จากการขยายสาขาของศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ด้วยการยึดหัวหาดเจาะแนวตะเข็บชายแดน เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายประเทศเพื่อนบ้าน จากแผนขยายธุรกิจดังกล่าว กลุ่มเซ็นทรัลคาดว่า ในปี 2556 จะมีอัตราการเติบโต 24% หรือมียอดขายเพิ่มเป็น 227,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายภายในประเทศ 91% และยอดขายในกิจการต่างประเทศ 9% และคาดว่าจะเติบโต 20-30% ต่อเนื่อง
นายปริญ จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร ด้านการบริหารการเงินของกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า จากความแข็งแกร่งของแบรนด์เซ็นทรัล ส่งผลให้ขณะนี้มีนักธุรกิจหลายประเทศสนใจที่จะเข้ามาจับมือกับกลุ่มเซ็นทรัล เช่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ขอร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และให้กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาโครงการค้าปลีก ขณะที่พันธมิตรจากญี่ปุ่น เริ่มเข้ามาเจรจาขอร่วมเป็นพันธมิตรลงทุนในด้านของธุรกิจอาหาร เสื้อผ้า และร้านจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่าง หรือสเปเชียลตี้ สโตร์.
จาก Thaipost
http://www.thaipost.net/news/060213/69126