ไมตรี...ที่ข้ามถึงสามทวีป
April 12
สวัสดีค่ะ เพิ่งจะมีเวลาว่างรวบรวมกิจวัตรรายวันที่เป็นตอนต่อของชีวิตที่เล่าค้างไว้แต่คราวที่แล้ว...คราวนี้มีมาให้อ่านอย่างจุใจเลยทีเดียวละค่ะ
ก่อนอื่นต้องมารายงานเรื่องแมวก่อน...
ในวันที่ 4 หลังจากดิฉันต้องไปส่งขนม (ที่มีคนวานให้ทำให้พร้อมเงิน..) ที่โรงเรียนที่สอนภาษาฝรั่งเศส
เลยจัดเอาไปแจกเหล่ามาดามครูและเพื่อนเก่าด้วย...(ค้าขายแบบไหนกันหว่า...) หลายกล่องพอควร...
พอสิบเอ็ดโมง...ดิฉันและคุณสามีรีบไปโรงพยาบาล (สัตว์) เพราะถามไถ่อาการของเป๊ปปี้ จะว่าไปแล้ว...เมื่อคืนไม่มีนอนหลับได้อย่างสนิทเลย เพราะไม่รู้ว่าชีวิตของแมวสุดที่รักจะออกหัวหรือก้อย...
เมื่อไปถึง...พยาบาลได้บอกว่า...ยังต้องดูอาการอีกหลายวัน อาการเขาดีขึ้นทางร่างกาย แพทย์คิดว่า (จากในรายงาน) น่าจะโดนไวรัสที่ร้ายแรงพอสมควร และโชคดีที่มาถึงมือหมอได้อย่างทันควัน..หลังจากที่ให้ยาปฏิชีวนะ
ไปแล้ว..เขามีทีท่าที่สดใสขึ้นมาก....แต่ไม่ยอมกินอะไรเช่นเดิม
หมอลงความเห็นว่า....เขาคิดถึงบ้าน...
ดังนั้น จึงให้เรามารับกลับไปนอนที่บ้านในตอนหกโมงเย็น...และนำกลับไปส่งที่โรงพยาบาลในตอนเช้า
ทุกวัน....จนกว่าหมอจะแน่ใจว่า พิษจากไวรัสนั่นหมดไปจากตัวเขาแล้ว..
พอหกโมง...คุณสามีไปรับเขากลับมาบ้าน...ท่าทางเธอเหมือนหายเป็นปรกติ แข็งแรงดี กระโจนแผล๋วๆ ดีอกดีใจ ออกเดินสำรวจตรวจตราในทุกซอกทุกมุม พร้อมทั้งตั้งหน้าตั้งตากินแบบลืมหายใจ...
เสร็จแล้วก็มานอนผึ่งพุง ให้เราเกาคางให้...
เพียงแต่ที่ขาข้างหนึ่งของเป๊ปปี้ ยังต้องพันพลาสเตอร์เอาไว้ เพราะหมอยังค้างเข็มเอาไว้ สำหรับการที่จะให้น้ำเหลือผสมยาต่อในวันพรุ่งนี้...
คุณสามีดีใจมาก...ชมหมอว่าเก่งจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่รักษาโรคเท่านั้น หากแต่เข้าใจในจิตใจของแมวด้วยอีกต่างหาก...
ดิฉันถามไปว่า...จะต้องหิ้วไปกลับอย่างนี้ไปอีกกี่วัน...
เขาตอบว่า...จะกี่วันก็ชั่ง...ขอให้เขาหายเป็นปรกติ...ผมยอมทุกอย่าง...
ดิฉันชักใจคอไม่ค่อยดี...ทั้งๆที่ไม่ใช่เงินของเรา แต่พอเดาได้ว่า...งานนี้ท่าจะหมดหลายเอาการ...
พอรู้ว่า..แมวจะแล้วรอดปลอดภัย...มองอะไรก็รื่นรมย์ไปหมด....ละแวกบ้านดอกไม้สองข้างถนนบานสะพรั่งรับฤดูใบไม้ผลิ...สวยยังกะเดินอยู่ในดินแดนซากุระเลยเชียว...
แต่...พอเห็นอาหารใหม่ของมัน ที่คุณหมอเขาแนะนำมาว่ามันดีสำหรับระบบขับถ่าย...และคุณสามีจัดการออร์เดอร์แบบประจำ...ดิฉันถึงกับเข่าอ่อน
เมื่อเห็นราคา...
โอ้แม่แจ้า...ถุงสองกิโล...ราคา 31.50 ยูโร (จะได้นานถึงสองอาทิตย์หรือเปล่า...ก็ไม่รู้)...และไม่ใช่แค่นั้น เธอจัดการเปลี่ยนของเจ้าฮิปโป้ให้เป็นยี่ห้อเดียวกันด้วย ราคาเดียวกัน...
ด้วยเหตุผลว่า....จะได้แข็งแรงดี...ไม่ต้องไปหาหมอบ่อยๆ
มันแพงกว่าข้าวหอมมะลิไม่รู้กี่เท่าตัวเลยนะเนี่ยยยย....
แต่ดิฉันไม่มีเวลามานั่งคิดเยอะ..เพราะวันที่ 5 ถัดมา...คือวันที่ครอบครัวของคุณวิสุทธิ์ โลหิตนาวี แห่งไวน์ไวน์กรานมอนเต เขาใหญ่ กำลังจะเดินทางมาถึง
จากเมืองบอร์คโดซ์ ที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมในงานเปิดตัว (ก่อนออกสู่ตลาดในปีนี้) หรือที่เราเรียกกันว่า En Primeur ของ ไวน์ที่มีชื่อสียงโด่งดัง อันดับกรองครู แห่ง พื้นที่ Saint-Emilion คือ Chateau Angelus
ปฏิทินแม่บ้านปัจฉิมวัย....ในฝรั่งเศส!! ตอนห้า
April 12
สวัสดีค่ะ เพิ่งจะมีเวลาว่างรวบรวมกิจวัตรรายวันที่เป็นตอนต่อของชีวิตที่เล่าค้างไว้แต่คราวที่แล้ว...คราวนี้มีมาให้อ่านอย่างจุใจเลยทีเดียวละค่ะ
ก่อนอื่นต้องมารายงานเรื่องแมวก่อน...
ในวันที่ 4 หลังจากดิฉันต้องไปส่งขนม (ที่มีคนวานให้ทำให้พร้อมเงิน..) ที่โรงเรียนที่สอนภาษาฝรั่งเศส
เลยจัดเอาไปแจกเหล่ามาดามครูและเพื่อนเก่าด้วย...(ค้าขายแบบไหนกันหว่า...) หลายกล่องพอควร...
พอสิบเอ็ดโมง...ดิฉันและคุณสามีรีบไปโรงพยาบาล (สัตว์) เพราะถามไถ่อาการของเป๊ปปี้ จะว่าไปแล้ว...เมื่อคืนไม่มีนอนหลับได้อย่างสนิทเลย เพราะไม่รู้ว่าชีวิตของแมวสุดที่รักจะออกหัวหรือก้อย...
เมื่อไปถึง...พยาบาลได้บอกว่า...ยังต้องดูอาการอีกหลายวัน อาการเขาดีขึ้นทางร่างกาย แพทย์คิดว่า (จากในรายงาน) น่าจะโดนไวรัสที่ร้ายแรงพอสมควร และโชคดีที่มาถึงมือหมอได้อย่างทันควัน..หลังจากที่ให้ยาปฏิชีวนะ
ไปแล้ว..เขามีทีท่าที่สดใสขึ้นมาก....แต่ไม่ยอมกินอะไรเช่นเดิม
หมอลงความเห็นว่า....เขาคิดถึงบ้าน...
ดังนั้น จึงให้เรามารับกลับไปนอนที่บ้านในตอนหกโมงเย็น...และนำกลับไปส่งที่โรงพยาบาลในตอนเช้า
ทุกวัน....จนกว่าหมอจะแน่ใจว่า พิษจากไวรัสนั่นหมดไปจากตัวเขาแล้ว..
พอหกโมง...คุณสามีไปรับเขากลับมาบ้าน...ท่าทางเธอเหมือนหายเป็นปรกติ แข็งแรงดี กระโจนแผล๋วๆ ดีอกดีใจ ออกเดินสำรวจตรวจตราในทุกซอกทุกมุม พร้อมทั้งตั้งหน้าตั้งตากินแบบลืมหายใจ...
เสร็จแล้วก็มานอนผึ่งพุง ให้เราเกาคางให้...
เพียงแต่ที่ขาข้างหนึ่งของเป๊ปปี้ ยังต้องพันพลาสเตอร์เอาไว้ เพราะหมอยังค้างเข็มเอาไว้ สำหรับการที่จะให้น้ำเหลือผสมยาต่อในวันพรุ่งนี้...
คุณสามีดีใจมาก...ชมหมอว่าเก่งจริงๆ ที่ไม่ใช่แค่รักษาโรคเท่านั้น หากแต่เข้าใจในจิตใจของแมวด้วยอีกต่างหาก...
ดิฉันถามไปว่า...จะต้องหิ้วไปกลับอย่างนี้ไปอีกกี่วัน...
เขาตอบว่า...จะกี่วันก็ชั่ง...ขอให้เขาหายเป็นปรกติ...ผมยอมทุกอย่าง...
ดิฉันชักใจคอไม่ค่อยดี...ทั้งๆที่ไม่ใช่เงินของเรา แต่พอเดาได้ว่า...งานนี้ท่าจะหมดหลายเอาการ...
พอรู้ว่า..แมวจะแล้วรอดปลอดภัย...มองอะไรก็รื่นรมย์ไปหมด....ละแวกบ้านดอกไม้สองข้างถนนบานสะพรั่งรับฤดูใบไม้ผลิ...สวยยังกะเดินอยู่ในดินแดนซากุระเลยเชียว...
แต่...พอเห็นอาหารใหม่ของมัน ที่คุณหมอเขาแนะนำมาว่ามันดีสำหรับระบบขับถ่าย...และคุณสามีจัดการออร์เดอร์แบบประจำ...ดิฉันถึงกับเข่าอ่อน
เมื่อเห็นราคา...
โอ้แม่แจ้า...ถุงสองกิโล...ราคา 31.50 ยูโร (จะได้นานถึงสองอาทิตย์หรือเปล่า...ก็ไม่รู้)...และไม่ใช่แค่นั้น เธอจัดการเปลี่ยนของเจ้าฮิปโป้ให้เป็นยี่ห้อเดียวกันด้วย ราคาเดียวกัน...
ด้วยเหตุผลว่า....จะได้แข็งแรงดี...ไม่ต้องไปหาหมอบ่อยๆ
มันแพงกว่าข้าวหอมมะลิไม่รู้กี่เท่าตัวเลยนะเนี่ยยยย....
แต่ดิฉันไม่มีเวลามานั่งคิดเยอะ..เพราะวันที่ 5 ถัดมา...คือวันที่ครอบครัวของคุณวิสุทธิ์ โลหิตนาวี แห่งไวน์ไวน์กรานมอนเต เขาใหญ่ กำลังจะเดินทางมาถึง
จากเมืองบอร์คโดซ์ ที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมในงานเปิดตัว (ก่อนออกสู่ตลาดในปีนี้) หรือที่เราเรียกกันว่า En Primeur ของ ไวน์ที่มีชื่อสียงโด่งดัง อันดับกรองครู แห่ง พื้นที่ Saint-Emilion คือ Chateau Angelus