สวัสดีครับ เชื่อว่าหลายๆคนในห้องนี้เลี้ยงกระต่ายอยู่และกำลังหาข้อมูลในเรื่องการทำหมันกระต่ายตัวเมีย ผมกับแฟนเพิ่งพาลูกสาวไปทำหมันแล้วลูกรักก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย...
ส่วนตัวผมเองไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้ ในพันทิพย์ ไม่ค่อยเล่น เท่าไรแต่รู้ว่าคนส่วนใหญ่มักหาข้อมูลในนี้เพราะมักจะมีคนรีวิวต่างๆในนี้ ผมก็เลยอยากตั้งกระทู้นี้มาเป็นวิทยาทาน ข้อคิด อะไรประมาณนี้
เดิมทีแฟนผมเค้าเริ่มเลี้ยงกระต่าย แล้วตั้งชื่อให้มันว่ากะทิ เค้ารักมันมากดูแลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำผักหญ้าต่างๆต้องเป๊ะๆบางทีผมก็แอบอิจฉาเจ้ากะทิตัวน้อย ไปไหนต้องพาไปด้วย ต้องนอนบ้านพักให้สัตว์เลี้ยงเข้าได้ ผมเลยต้องหอบหิ้ว กรงอุปกรณ์ต่างๆไปในรถ ครั้งแรกผมก็ไม่ชอบนะครับเป็นคนชิวๆ อยากไปไหนก็ไป ไม่ชอบมีภาระ บางทีก็รู้สึกไม่ชอบที่ต้องมาขนอุปกรณ์พวกนี้ภาระชัดๆ แถมเจ้ากะทิมันก็ดื้อ ไม่เชื่องเหมือนหมาหมือนแมวเรียกก็ไม่มา บางทีก็แอบแกล้งๆมัน แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเค้านะครับ แฟนก็บอกนะครับว่ากระต่ายมันชอบอ้อน ผมเองก็งง อ้อนตรงไหนเรียกก็ไม่มา เดินไปหาก็วิ่งหนี แต่กับแฟนผมมันชอบมาให้ลูบหัวลูบตัว มาเลียมือเลียขาแฟนผม
ผ่านไปนานๆเข้าผมก็ต้องมารับบทบาทดูแลเจ้ากะทิจนได้ บางครั้งแฟนไม่อยู่ผมต้องคอยหาหญ้าให้มัน หาผักคะน้า แครอทบ้าง แฟนก้จะสั่งไว้ว่าให้นิดเดียวให้กินหญ้าเป็นอาหารหลัก นานวันเจ้าผมก็รักกะทิ มันเอาชนะใจผมจนได้ ผมชอบเรียกมันว่าไอ้อ้วนเนื่องจากเวลามันนอนตัวมันจะกลมขนฟูๆ กะทิมันก็หยิ่งๆนะไม่ยอมให้ผมจับผมลูบเท่าไหร่ แต่กับแฟนมันมาอ้อนประจำ จนวันนึงผมก็เอาชนะใจมันได้เหมือนกัน มันยอมให้ผมลูบ มาเลียมือ เวลากลับมาก็วิ่งมาหา มาให้เราลูบ ก็มีความสุขมาก ผมเองก็รักมันมาก มันเองก็ยอมรับผมมากขึ้นเรื่อยๆ อุ้มๆไปไหนทำอะไรก็ยอมไปหมด สุดท้ายมันกลายเป็นขวัญใจของคนในบ้าน ซึ่งมีแค่ผมกับแฟนะ ระหว่างนี้แฟนก็วางแผนจะทหมันมันเพราะกลัวว่าต่อไปมันอาจเป็นมะเร็งมดลูกประมาณนี้ อยากให้เค้าอยู่กับเรานานๆ แต่ก็ได้แต่หาข้อมูลไปเรื่อยๆเพราะไม่ค่อยมีเวลา กันเท่าไร
จนกะทิตัวน้อยอายุ 3ปี ผมเริ่มงานลงตัวมากขึ้นมีเวลามากขึ้น เวลาทำงานของแฟนก็เปลี่ยนจาก กะ มาเป็นกลางวัน ตอนกลางวันก็กลัวกะทิจะเหงาผมจึงตัดสินใจพอกระต่ายน้อยอีกตัวเพื่อเป็นเพื่อนกะทิ ตัวใหม่ชื่อว่าซูโม่ ซูโม่แข็งแรงกินเก่ง เหมือนเป็นตัวอิจฉา ซูโม่กิน กะทิก็กินตาม เรียกว่าเจรืญอาหารกันทั้งคู่ กะทิก็กัดๆน้องบ้างเวลาน้องมาป้วนเปี้ยน ทำเอาพ่อแม่กลุ้มใจ แต่ก็อาศัยต่างตัวต่างอยู่ มันก็ไม่ได้ไล่ตามราวีเท่าไร่ แค่ไล่ๆน้องเฉยๆ 5เดือนผ่านไปซูโม่เป็นหนุ่มหล่อ เริ่มจะขึ้นกะทิแล้วกะทิก็แอบมีใจ ผมกับแฟนก็ว่าจะทำหมันทั้งคู่ แต่จะทำหมันกะทิก่อน เพราะซูโม่ ยังเด็กรอให้เค้าโตกว่านี้ก่อน จากการที่หาข้อมูลมา ก็ได้โรงพยาบาลชื่อดังแถวประเวศ ศรีนครินทร์ อยู่ใกล้บ้านด้วยก็พาไปตรวจเลือดปกติ ก่อนจะทำหมัน ตรวจเลือดตรวจร่างกายก่อน ว่าพร้อมหรือไม่อะไรประมาณนี้ กะทิก็ร่างกายแข็งแรงดี ก็ร่าเริง กินเก่ง ผมกับแฟนก็วางใจ หมอเค้าก็แนะนำหลังทำหมันต้องทำโน่นนี่กินยากินวิตามินต่างๆนานา ผมไม่ได้เป็นหมอผมก็ต้องเชื่อหมออยู่แล้ว สุดท้ายก็นัดวันมาทำ และนั่นก็เป็นวันสุดท้ายของลูกสาวของเรา
ตอนเช้าผมพากะทิไป ยังคุยเล่นกันในรถอยู่เลย ว่ากะทิหายซ่าแน่ ถ่ายรูปเค้าอยู่เลย หมอเค้าบอกว่าต้องนอน รพ.7วันนะต้องล้างแผลตัดไหมดูอาการอะไรพวกนี้ ก็โอเค คิดถึงก็มาหาได้ บ้นอยู่แค่นี้ ลูบหัวเค้าก่อนจะกลับบ้าน รอผ่าเสร็จค่อยมาหาก็ได้ นั่นก็คือการลูบหัวครั้งสุดท้ายของผม
ตกเย็น รพ.โทรมาแจ้งว่า น้องอาการไม่ดี หายใจช้า อาจมีปัญหาเรื่องปอด ตอนผ่าก็มีของเหลวออกจมูก ที่บ้านมีอะไรหรือปล่าว แฟนก็แจ้งไปว่าก็ปกติดี ร่าเริงกินเก่ง ดื้อด้วย เราเองก็ไม่ได้คิดอะไร ก็หยิบกุญแจรถ ยังใจเย็นปกติ เพราะคิดว่าไม่มีอะไร ลูกสาวเราออกจะแข็งแรง ระหว่างทางไปรถเยอะต้องใช้เวลานิดหน่อย รพ.ก็โทรเข้ามาอีก ว่าตอนนี้น้องหยุดหายใจชั่วขณะ แต่ก็ให้ออกซิเจนกลับมาได้แล้ว คราวนี้ผมก็เริ่มเหยียบเริ่มซิ่งแล้ว แฟนก็ใจคอไม่ดีผมก็ได้แต่ปลอบว่าใจเย็นๆจนใกล้จะถึง รพ.อยู่แล้ว รพ.ก็โทรมาบอกว่า น้องเสียแล้ว แฟนผมร้องให้เลย ผมดองก็เสียใจมาก อยากจะร้องแต่ก็ต้องเข้มข็งไว้เหมือนกันเพราะต้องคอยปลอบแฟน จนมาถึง ภาพที่เห็น กะทินอนแน่นิ่งแผ่บนเตียงผ่าตัด ผมนี่หัวใจสลายเลย ผมกับแฟนก็อึ้งๆทำตัวไม่ถูก เมื่อเช้ายังเล่นๆดีๆอยู่เลยทำไมเป็นแบบนี้ มันเหมือนช๊อคมาก
ผมกับแฟนก็ไม่ติดใจอะไร แต่ก็ขอให้หมอส่งreportการผ่าตัดว่าให้ยาอะไร เวลาเท่าไร ผมดูไม่รู้เรื่องหรอก ไม่ได้เรียนมา สอบถามเค้าว่ามัน้กิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้ ในห้องมีหมอสองคน หมอผู้หญิงเหมือนจะร้องไห้ตามแฟนผม ส่วนอีกคนนิ่งๆ คำขอโทษจากหมอก็ไม่มี ถึงเค้าจะทำถูกวิธีตามที่เรียนมา หรือทำผิดวิธีผมก็ไม่รู้หรอก แค่คำขอโทษยังให้ไม่ได้ แต่ก็ช่างเถอะผมไม่คิดติดใจอะไรไม่คิดฟ้องร้อง แฟนผมอุ้มลูกสาวใส่ตะกร้าซึ่งเป็นที่ประจำของเค้าเวลาจะออกนอกบ้าน ร้องไห้หน้า รพ.เอาขึ้นรถก็ร้องไห้ ปรึกษากันว่าเอายังไง ฝังที่ไหนหรือจะเผาดี ก็ไปจบที่วัดธาตุทองไปถึงทุ่มกว่าๆกือบสองทุ่ม มีฌาปณกิจสัตว์เลี้ยง ก็เผาเค้าให้พระสวด กรวดน้ำ ผมจะน้ำตาแตกให้ได้ตอนเอาดอกไม้โปรยบนตัวเอาน้ำอบชะโลม เหมือนมันอึ้งๆ อะไรวะ เมื่อเช้ายังลูบหัวมันอยู่เลย แต่ก็ต้องไม่ร้องกลัวแฟนร้องไห้ตาม คืนนั้นผมต้องคอยปลอบตลอด วันรุ่งขึ้นเราไปรับเถ้ากระดูกเค้า แฟนผมก็บอก กลับบ้านนะลูก ทางรพ.ก็ส่ง reportมาว่าให้ยาอะไรเริ่มผ่าเมื่อไหร่ แฟนก็ส่งพี่สาวเค้าซึ่งเป็นพยาบาลดู แล้วพี่สาวแฟนก็ส่งต่อให้สัตวแพทย์ดู เค้าก็บอกมาว่าปกติ แต่ กะทิอายุเยอะแล้วไม่ควรทำ มีโอกาสเสี่ยงที่จะไม่ฟื้น
อ้าว ทำไม รพไม่บอกเราอ่ะ ตอนเช้าที่พาไปทำหมันผมยังชิวมากเหมือนไปเดินเล่น ไปเดินห้าง ถ้ามีโอกาสเสี่ยงทำไมไม่แจ้ง น้ำหนักก็มีอายุก็มี แต่ก็ช่างเถอะผมจะไม่ โทษ หมอ พยาบาลตรงจุดนั้น
ประเด็นของผมที่ตั้งกระทู้นี้ก็คือ
1ทำหมัน ผ่าตัดกระต่าย มีโอกาส ที่น้องเค้าจะไม่ฟื้น ไม่ว่าจะอายุเท่าไร แค่มีโอกาสมากน้อยไม่เท่ากัน
2อย่าเชื่อหมอมากถึงเค้าจะเรียนมา แต่ถ้าฉุกใจเอะใจ มีลางสังหรไม่ดี จิ้งจกทัก ฝันร้าย พาลูกๆของเรากลับบ้านเถอะครับ ผมไม่อยากให้สูญเสียเหมือนผม แค่อยากให้พ่อแม่กระต่ายรับรู้ว่ามันมีโอกาสนะที่จะผ่าตัดไม่สำเร็จ มันไม่ได้มีแค่ภาพบวกแฮปปี้เอ็นดิ้ง
เรื่องราวเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 10/5/2014นี่เองผมนั่งจิบเบียร์ร้องไห้คนเดียวไม่ให้แฟนเห็สองวันติดละ ไม่อยากให้เค้าคิดมาก ได้แต่ปลอบเค้าทุกวัน ว่าเรายีงเหลือซูโม่ตัวน้อยอีกตัวที่ต้องดูแล
วันนี้ผมตัดสินใจโพสในพันทิพย์เผื้อว่ามีคนกำลังหาข้อมูลอยู่ ไม่ใช่ว่ากระต่ายจะตายทุกตัวที่ผ่าตัด และก็ไม่ใช่กระต่ายทุกตัวจะเป็นมะเร็งรังไข่ แค่อยากให้เจ้าของคิดดีๆครับ
ขอบคุณครับ
@@ข้อคิดสำหรับคนที่จะทำหมันกระต่าย@@
ส่วนตัวผมเองไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้ ในพันทิพย์ ไม่ค่อยเล่น เท่าไรแต่รู้ว่าคนส่วนใหญ่มักหาข้อมูลในนี้เพราะมักจะมีคนรีวิวต่างๆในนี้ ผมก็เลยอยากตั้งกระทู้นี้มาเป็นวิทยาทาน ข้อคิด อะไรประมาณนี้
เดิมทีแฟนผมเค้าเริ่มเลี้ยงกระต่าย แล้วตั้งชื่อให้มันว่ากะทิ เค้ารักมันมากดูแลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำผักหญ้าต่างๆต้องเป๊ะๆบางทีผมก็แอบอิจฉาเจ้ากะทิตัวน้อย ไปไหนต้องพาไปด้วย ต้องนอนบ้านพักให้สัตว์เลี้ยงเข้าได้ ผมเลยต้องหอบหิ้ว กรงอุปกรณ์ต่างๆไปในรถ ครั้งแรกผมก็ไม่ชอบนะครับเป็นคนชิวๆ อยากไปไหนก็ไป ไม่ชอบมีภาระ บางทีก็รู้สึกไม่ชอบที่ต้องมาขนอุปกรณ์พวกนี้ภาระชัดๆ แถมเจ้ากะทิมันก็ดื้อ ไม่เชื่องเหมือนหมาหมือนแมวเรียกก็ไม่มา บางทีก็แอบแกล้งๆมัน แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเค้านะครับ แฟนก็บอกนะครับว่ากระต่ายมันชอบอ้อน ผมเองก็งง อ้อนตรงไหนเรียกก็ไม่มา เดินไปหาก็วิ่งหนี แต่กับแฟนผมมันชอบมาให้ลูบหัวลูบตัว มาเลียมือเลียขาแฟนผม
ผ่านไปนานๆเข้าผมก็ต้องมารับบทบาทดูแลเจ้ากะทิจนได้ บางครั้งแฟนไม่อยู่ผมต้องคอยหาหญ้าให้มัน หาผักคะน้า แครอทบ้าง แฟนก้จะสั่งไว้ว่าให้นิดเดียวให้กินหญ้าเป็นอาหารหลัก นานวันเจ้าผมก็รักกะทิ มันเอาชนะใจผมจนได้ ผมชอบเรียกมันว่าไอ้อ้วนเนื่องจากเวลามันนอนตัวมันจะกลมขนฟูๆ กะทิมันก็หยิ่งๆนะไม่ยอมให้ผมจับผมลูบเท่าไหร่ แต่กับแฟนมันมาอ้อนประจำ จนวันนึงผมก็เอาชนะใจมันได้เหมือนกัน มันยอมให้ผมลูบ มาเลียมือ เวลากลับมาก็วิ่งมาหา มาให้เราลูบ ก็มีความสุขมาก ผมเองก็รักมันมาก มันเองก็ยอมรับผมมากขึ้นเรื่อยๆ อุ้มๆไปไหนทำอะไรก็ยอมไปหมด สุดท้ายมันกลายเป็นขวัญใจของคนในบ้าน ซึ่งมีแค่ผมกับแฟนะ ระหว่างนี้แฟนก็วางแผนจะทหมันมันเพราะกลัวว่าต่อไปมันอาจเป็นมะเร็งมดลูกประมาณนี้ อยากให้เค้าอยู่กับเรานานๆ แต่ก็ได้แต่หาข้อมูลไปเรื่อยๆเพราะไม่ค่อยมีเวลา กันเท่าไร
จนกะทิตัวน้อยอายุ 3ปี ผมเริ่มงานลงตัวมากขึ้นมีเวลามากขึ้น เวลาทำงานของแฟนก็เปลี่ยนจาก กะ มาเป็นกลางวัน ตอนกลางวันก็กลัวกะทิจะเหงาผมจึงตัดสินใจพอกระต่ายน้อยอีกตัวเพื่อเป็นเพื่อนกะทิ ตัวใหม่ชื่อว่าซูโม่ ซูโม่แข็งแรงกินเก่ง เหมือนเป็นตัวอิจฉา ซูโม่กิน กะทิก็กินตาม เรียกว่าเจรืญอาหารกันทั้งคู่ กะทิก็กัดๆน้องบ้างเวลาน้องมาป้วนเปี้ยน ทำเอาพ่อแม่กลุ้มใจ แต่ก็อาศัยต่างตัวต่างอยู่ มันก็ไม่ได้ไล่ตามราวีเท่าไร่ แค่ไล่ๆน้องเฉยๆ 5เดือนผ่านไปซูโม่เป็นหนุ่มหล่อ เริ่มจะขึ้นกะทิแล้วกะทิก็แอบมีใจ ผมกับแฟนก็ว่าจะทำหมันทั้งคู่ แต่จะทำหมันกะทิก่อน เพราะซูโม่ ยังเด็กรอให้เค้าโตกว่านี้ก่อน จากการที่หาข้อมูลมา ก็ได้โรงพยาบาลชื่อดังแถวประเวศ ศรีนครินทร์ อยู่ใกล้บ้านด้วยก็พาไปตรวจเลือดปกติ ก่อนจะทำหมัน ตรวจเลือดตรวจร่างกายก่อน ว่าพร้อมหรือไม่อะไรประมาณนี้ กะทิก็ร่างกายแข็งแรงดี ก็ร่าเริง กินเก่ง ผมกับแฟนก็วางใจ หมอเค้าก็แนะนำหลังทำหมันต้องทำโน่นนี่กินยากินวิตามินต่างๆนานา ผมไม่ได้เป็นหมอผมก็ต้องเชื่อหมออยู่แล้ว สุดท้ายก็นัดวันมาทำ และนั่นก็เป็นวันสุดท้ายของลูกสาวของเรา
ตอนเช้าผมพากะทิไป ยังคุยเล่นกันในรถอยู่เลย ว่ากะทิหายซ่าแน่ ถ่ายรูปเค้าอยู่เลย หมอเค้าบอกว่าต้องนอน รพ.7วันนะต้องล้างแผลตัดไหมดูอาการอะไรพวกนี้ ก็โอเค คิดถึงก็มาหาได้ บ้นอยู่แค่นี้ ลูบหัวเค้าก่อนจะกลับบ้าน รอผ่าเสร็จค่อยมาหาก็ได้ นั่นก็คือการลูบหัวครั้งสุดท้ายของผม
ตกเย็น รพ.โทรมาแจ้งว่า น้องอาการไม่ดี หายใจช้า อาจมีปัญหาเรื่องปอด ตอนผ่าก็มีของเหลวออกจมูก ที่บ้านมีอะไรหรือปล่าว แฟนก็แจ้งไปว่าก็ปกติดี ร่าเริงกินเก่ง ดื้อด้วย เราเองก็ไม่ได้คิดอะไร ก็หยิบกุญแจรถ ยังใจเย็นปกติ เพราะคิดว่าไม่มีอะไร ลูกสาวเราออกจะแข็งแรง ระหว่างทางไปรถเยอะต้องใช้เวลานิดหน่อย รพ.ก็โทรเข้ามาอีก ว่าตอนนี้น้องหยุดหายใจชั่วขณะ แต่ก็ให้ออกซิเจนกลับมาได้แล้ว คราวนี้ผมก็เริ่มเหยียบเริ่มซิ่งแล้ว แฟนก็ใจคอไม่ดีผมก็ได้แต่ปลอบว่าใจเย็นๆจนใกล้จะถึง รพ.อยู่แล้ว รพ.ก็โทรมาบอกว่า น้องเสียแล้ว แฟนผมร้องให้เลย ผมดองก็เสียใจมาก อยากจะร้องแต่ก็ต้องเข้มข็งไว้เหมือนกันเพราะต้องคอยปลอบแฟน จนมาถึง ภาพที่เห็น กะทินอนแน่นิ่งแผ่บนเตียงผ่าตัด ผมนี่หัวใจสลายเลย ผมกับแฟนก็อึ้งๆทำตัวไม่ถูก เมื่อเช้ายังเล่นๆดีๆอยู่เลยทำไมเป็นแบบนี้ มันเหมือนช๊อคมาก
ผมกับแฟนก็ไม่ติดใจอะไร แต่ก็ขอให้หมอส่งreportการผ่าตัดว่าให้ยาอะไร เวลาเท่าไร ผมดูไม่รู้เรื่องหรอก ไม่ได้เรียนมา สอบถามเค้าว่ามัน้กิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้ ในห้องมีหมอสองคน หมอผู้หญิงเหมือนจะร้องไห้ตามแฟนผม ส่วนอีกคนนิ่งๆ คำขอโทษจากหมอก็ไม่มี ถึงเค้าจะทำถูกวิธีตามที่เรียนมา หรือทำผิดวิธีผมก็ไม่รู้หรอก แค่คำขอโทษยังให้ไม่ได้ แต่ก็ช่างเถอะผมไม่คิดติดใจอะไรไม่คิดฟ้องร้อง แฟนผมอุ้มลูกสาวใส่ตะกร้าซึ่งเป็นที่ประจำของเค้าเวลาจะออกนอกบ้าน ร้องไห้หน้า รพ.เอาขึ้นรถก็ร้องไห้ ปรึกษากันว่าเอายังไง ฝังที่ไหนหรือจะเผาดี ก็ไปจบที่วัดธาตุทองไปถึงทุ่มกว่าๆกือบสองทุ่ม มีฌาปณกิจสัตว์เลี้ยง ก็เผาเค้าให้พระสวด กรวดน้ำ ผมจะน้ำตาแตกให้ได้ตอนเอาดอกไม้โปรยบนตัวเอาน้ำอบชะโลม เหมือนมันอึ้งๆ อะไรวะ เมื่อเช้ายังลูบหัวมันอยู่เลย แต่ก็ต้องไม่ร้องกลัวแฟนร้องไห้ตาม คืนนั้นผมต้องคอยปลอบตลอด วันรุ่งขึ้นเราไปรับเถ้ากระดูกเค้า แฟนผมก็บอก กลับบ้านนะลูก ทางรพ.ก็ส่ง reportมาว่าให้ยาอะไรเริ่มผ่าเมื่อไหร่ แฟนก็ส่งพี่สาวเค้าซึ่งเป็นพยาบาลดู แล้วพี่สาวแฟนก็ส่งต่อให้สัตวแพทย์ดู เค้าก็บอกมาว่าปกติ แต่ กะทิอายุเยอะแล้วไม่ควรทำ มีโอกาสเสี่ยงที่จะไม่ฟื้น
อ้าว ทำไม รพไม่บอกเราอ่ะ ตอนเช้าที่พาไปทำหมันผมยังชิวมากเหมือนไปเดินเล่น ไปเดินห้าง ถ้ามีโอกาสเสี่ยงทำไมไม่แจ้ง น้ำหนักก็มีอายุก็มี แต่ก็ช่างเถอะผมจะไม่ โทษ หมอ พยาบาลตรงจุดนั้น
ประเด็นของผมที่ตั้งกระทู้นี้ก็คือ
1ทำหมัน ผ่าตัดกระต่าย มีโอกาส ที่น้องเค้าจะไม่ฟื้น ไม่ว่าจะอายุเท่าไร แค่มีโอกาสมากน้อยไม่เท่ากัน
2อย่าเชื่อหมอมากถึงเค้าจะเรียนมา แต่ถ้าฉุกใจเอะใจ มีลางสังหรไม่ดี จิ้งจกทัก ฝันร้าย พาลูกๆของเรากลับบ้านเถอะครับ ผมไม่อยากให้สูญเสียเหมือนผม แค่อยากให้พ่อแม่กระต่ายรับรู้ว่ามันมีโอกาสนะที่จะผ่าตัดไม่สำเร็จ มันไม่ได้มีแค่ภาพบวกแฮปปี้เอ็นดิ้ง
เรื่องราวเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 10/5/2014นี่เองผมนั่งจิบเบียร์ร้องไห้คนเดียวไม่ให้แฟนเห็สองวันติดละ ไม่อยากให้เค้าคิดมาก ได้แต่ปลอบเค้าทุกวัน ว่าเรายีงเหลือซูโม่ตัวน้อยอีกตัวที่ต้องดูแล
วันนี้ผมตัดสินใจโพสในพันทิพย์เผื้อว่ามีคนกำลังหาข้อมูลอยู่ ไม่ใช่ว่ากระต่ายจะตายทุกตัวที่ผ่าตัด และก็ไม่ใช่กระต่ายทุกตัวจะเป็นมะเร็งรังไข่ แค่อยากให้เจ้าของคิดดีๆครับ
ขอบคุณครับ