สวัสดีคะ ในที่สุดก็ได้มาต่อตอนที่สองกัน เป็นตอนที่เราจะเดินทางต่อจาก KL เพื่อไปเที่ยวเมือง Melaka (หรือ Malacca หรือ มะละกา) นะคะ
ใครที่สนใจอยากอ่านตอนแรก ตั้งแต่เริ่มเดินทาง และดูว่า เป้ไปเที่ยวไหนในเมือง KL บ้าง ตามไปได้ที่กระทู้นี้เลยคะ
http://ppantip.com/topic/32011663
--------------
24 FEB 2014
เรานั่งรถออกจาก KL หลังมื้อกลางวันที่หอคอยกัวลาลัมเปอร์ ด้วยถนนไฮเวย์สมัยใหม่ทำให้เรามาถึงเมืองมะละกาภายในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เมืองมะละกาเป็นเมืองเล็ก ๆ ซึ่งเคยมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะเมืองท่าสำคัญ เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเลียบช่องแคบมะละกา นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดมรดกทางประวัติศาสตร์ลุวัฒนธรรมของชาติซึ่งตกทอดมาจากอดีตอันรุ่งโรจน์ที่หลงเหลืออยู่นั้นก็ยังคงได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี มะละกาได้รับขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลกในปี 2008 นอกจากประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เป็นเสน่ห์ของที่นี่ ความเรียบง่ายและเป็นกันเองของชนพื้นเมือง ก็ทำให้เมือง เล็ก ๆ แห่งนี้มีเสน่ห์มาก ๆ
บรรยากาศถนนหนทางในเมืองมะละกา
เรามาถึงมะละกาก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว เราก็เลยได้แค่ชมวิวระหว่างทาง ก่อนที่จะไปแวะชมหอคอยเมืองมะละกา (ที่มาเลเซียเนี่ย มีหอคอยแทบทุกเมืองเลยก็ว่าได้) หอคอยที่เมืองมะละกานี้ชื่อว่า Taming Sari Tower จริง ๆ ไม่ได้มีความสูงอะไรมากมาย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตึกแฝดที่กัวลาร์ลัมเปอร์ แต่เนื่องจากเมืองนี้ไม่ค่อยมีตึกสูง การขึ้นไปชมวิวด้วย Taming Sari Tower ก็ทำให้ได้เห็นบรรยากาศรอบ ๆ เมืองมะละกาได้ดีขึ้น
TIP : สำหรับคนที่มาเองและไม่ได้มากับทัวร์ สามารถมาเที่ยวเมืองมะละกาได้ง่าย ๆ เลยคะ โดยนั่งบัสจาก Terminal Bersepadu Selatan หรือ KL International Airport ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ค่ารถก็ประมาณ 12-13 ริงกิต แล้วแต่บริษัทรถ แต่ถ้ามากันประมาณสี่คน แนะนำให้เหมาแท็กซี่คะ
อาหารเย็นวันนี้เป็นอาหารญวนญ่า ซึ่งเป็นอาหารประจำถิ่นของที่นี่ อาหารญวนญ่า ก็คืออาหารที่เป็นการผสมกันระหว่างอาหารมาเลและอาหารจีน (สมัยนี้ก็ต้องเรียกว่าเป็นอาหารฟิวชั่น) แต่อาหารญวนญ่า (Nyonya) ของที่มะละกาจะต่างกับที่ปีนังตรงที่อาหารญวนย่าของปังนั้นเน้นกะปิ แต่ที่นี่เน้นมะพร้าวและส่วนใหญ่มักใช้ไก่ในการประกอบอาหาร
ร้านที่เราไปกินชื่อร้าน Big Nyonya ชื่อเดิม คือ Kenny’s Delight หากใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.bignyonya.com/
อาหารที่นี่หน้าตาคล้ายกับอาหารพื้นเมืองบางอย่างของภูเก็ตเลยอะ ส่วนตัวคิดว่าจืดกว่า แต่เนื่องจากเป็นสาวสายแข็งและชอบกินอาหารมาก เป้ก็กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย จนพี่ ๆ รายการโทรทัศน์ ต้องยกนิ้วให้เลยทีเดียว หุหุหุ (ไปเที่ยวนี้ได้รับการยอมรับจากหลายสถาบันมากอะ ว่าความสามารถในการกินไม่เป็นสองรองใคร)
พอกินอาหารเสร็จเราก็เข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อนตามโปรแกรม โรงแรมที่เราพักคือ Hatten Hotel เป็นโรงแรมที่อยู่ในทำเลดีใกล้ที่เที่ยวแบบเดินได้ ใกล้ห้างใหญ่ ๆ 2 แห่ง มีสระว่ายน้ำด้วย และเนื่องจากเป็นตึกสูงเลยทำให้เห็นวิวรอบ ๆ ได้ถนัดคะ หากใครสนใจลองดูรายละเอียดได้ที่
http://www.hattenhotel-melaka.com/
แต่เนื่องจากพวกเรายังมีไฟอยู่และราตรีนี้ยังอีกยาวไกล เราก็ต้องไปเดินเที่ยวกันซึ่งรอบ ๆ โรงแรมที่พักก็มีช้อปปิ้งใหญ่สองแห่ง คือ Mahkota Parade และ Phalawan Mall และสามารถเดินไปแถวไชน่าทาวน์ หรือ Jonker Street โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที พอซื้อของเสร็จ พวกเราก็ไปนั่งดื่ม ชิลด์เอ้าท์กันที่บาร์บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ปิดท้ายวันนี้ด้วย ค๊อกเทลไปหลายแก้วอยู่ พรุ่งนี้จะตื่นไหวไหมเนี่ย
หมายเหตุ : แก้ไขตามข้อเสนอแนะ ของคุณไก่แก่แม่ปลาช่อน ในความเห็นที่ 6 คะ
[SR] รีวิวทริปมาเลเซีย ชิลด์ ชิลด์ สบาย ๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน (ตอน 2 ตลุยเมืองมะละกา)
ใครที่สนใจอยากอ่านตอนแรก ตั้งแต่เริ่มเดินทาง และดูว่า เป้ไปเที่ยวไหนในเมือง KL บ้าง ตามไปได้ที่กระทู้นี้เลยคะ http://ppantip.com/topic/32011663
--------------
24 FEB 2014
เรานั่งรถออกจาก KL หลังมื้อกลางวันที่หอคอยกัวลาลัมเปอร์ ด้วยถนนไฮเวย์สมัยใหม่ทำให้เรามาถึงเมืองมะละกาภายในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เมืองมะละกาเป็นเมืองเล็ก ๆ ซึ่งเคยมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะเมืองท่าสำคัญ เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเลียบช่องแคบมะละกา นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดมรดกทางประวัติศาสตร์ลุวัฒนธรรมของชาติซึ่งตกทอดมาจากอดีตอันรุ่งโรจน์ที่หลงเหลืออยู่นั้นก็ยังคงได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี มะละกาได้รับขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลกในปี 2008 นอกจากประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เป็นเสน่ห์ของที่นี่ ความเรียบง่ายและเป็นกันเองของชนพื้นเมือง ก็ทำให้เมือง เล็ก ๆ แห่งนี้มีเสน่ห์มาก ๆ
บรรยากาศถนนหนทางในเมืองมะละกา
เรามาถึงมะละกาก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว เราก็เลยได้แค่ชมวิวระหว่างทาง ก่อนที่จะไปแวะชมหอคอยเมืองมะละกา (ที่มาเลเซียเนี่ย มีหอคอยแทบทุกเมืองเลยก็ว่าได้) หอคอยที่เมืองมะละกานี้ชื่อว่า Taming Sari Tower จริง ๆ ไม่ได้มีความสูงอะไรมากมาย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตึกแฝดที่กัวลาร์ลัมเปอร์ แต่เนื่องจากเมืองนี้ไม่ค่อยมีตึกสูง การขึ้นไปชมวิวด้วย Taming Sari Tower ก็ทำให้ได้เห็นบรรยากาศรอบ ๆ เมืองมะละกาได้ดีขึ้น
TIP : สำหรับคนที่มาเองและไม่ได้มากับทัวร์ สามารถมาเที่ยวเมืองมะละกาได้ง่าย ๆ เลยคะ โดยนั่งบัสจาก Terminal Bersepadu Selatan หรือ KL International Airport ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ค่ารถก็ประมาณ 12-13 ริงกิต แล้วแต่บริษัทรถ แต่ถ้ามากันประมาณสี่คน แนะนำให้เหมาแท็กซี่คะ
อาหารเย็นวันนี้เป็นอาหารญวนญ่า ซึ่งเป็นอาหารประจำถิ่นของที่นี่ อาหารญวนญ่า ก็คืออาหารที่เป็นการผสมกันระหว่างอาหารมาเลและอาหารจีน (สมัยนี้ก็ต้องเรียกว่าเป็นอาหารฟิวชั่น) แต่อาหารญวนญ่า (Nyonya) ของที่มะละกาจะต่างกับที่ปีนังตรงที่อาหารญวนย่าของปังนั้นเน้นกะปิ แต่ที่นี่เน้นมะพร้าวและส่วนใหญ่มักใช้ไก่ในการประกอบอาหาร
ร้านที่เราไปกินชื่อร้าน Big Nyonya ชื่อเดิม คือ Kenny’s Delight หากใครสนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.bignyonya.com/
อาหารที่นี่หน้าตาคล้ายกับอาหารพื้นเมืองบางอย่างของภูเก็ตเลยอะ ส่วนตัวคิดว่าจืดกว่า แต่เนื่องจากเป็นสาวสายแข็งและชอบกินอาหารมาก เป้ก็กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย จนพี่ ๆ รายการโทรทัศน์ ต้องยกนิ้วให้เลยทีเดียว หุหุหุ (ไปเที่ยวนี้ได้รับการยอมรับจากหลายสถาบันมากอะ ว่าความสามารถในการกินไม่เป็นสองรองใคร)
พอกินอาหารเสร็จเราก็เข้าโรงแรมเพื่อพักผ่อนตามโปรแกรม โรงแรมที่เราพักคือ Hatten Hotel เป็นโรงแรมที่อยู่ในทำเลดีใกล้ที่เที่ยวแบบเดินได้ ใกล้ห้างใหญ่ ๆ 2 แห่ง มีสระว่ายน้ำด้วย และเนื่องจากเป็นตึกสูงเลยทำให้เห็นวิวรอบ ๆ ได้ถนัดคะ หากใครสนใจลองดูรายละเอียดได้ที่ http://www.hattenhotel-melaka.com/
แต่เนื่องจากพวกเรายังมีไฟอยู่และราตรีนี้ยังอีกยาวไกล เราก็ต้องไปเดินเที่ยวกันซึ่งรอบ ๆ โรงแรมที่พักก็มีช้อปปิ้งใหญ่สองแห่ง คือ Mahkota Parade และ Phalawan Mall และสามารถเดินไปแถวไชน่าทาวน์ หรือ Jonker Street โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที พอซื้อของเสร็จ พวกเราก็ไปนั่งดื่ม ชิลด์เอ้าท์กันที่บาร์บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม ปิดท้ายวันนี้ด้วย ค๊อกเทลไปหลายแก้วอยู่ พรุ่งนี้จะตื่นไหวไหมเนี่ย
หมายเหตุ : แก้ไขตามข้อเสนอแนะ ของคุณไก่แก่แม่ปลาช่อน ในความเห็นที่ 6 คะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น