การเมืองไทยเดินมาถึงวันแตกหัก เมื่อม็อบสองฝ่าย ทั้งฝ่ายธรรมะโดย กปปส. และฝ่ายอธรรมโดย นปช. ต่างระดมสรรพกำลัง รวบรวมมวลชนสู้ศึกเต็มอัตรา
แม้คนเสื้อแดง นปช.จะตั้งขบวนอยู่ที่พุทธมณฑลสาย 4 ถนนอักษะ ตามยุทธศาสตร์หลีกเลี่ยงการเผิชญหน้ากับ กปปส. ที่ยึดหัวหาดอยู่กลางเมือง ศูนย์กลางบริหารอำนาจประเทศไทย
แต่หากสถานการณ์เปลี่ยน มีการเสนอ นายกฯ มาตรา 7 ขึ้นมาจริง ตามคำขู่ของ โจกแดง จะพุ่งเป้าเคลื่อนมาป่วนเมืองในจุดบริหารอำนาจได้เหมือนกัน
ตามจังหวะที่เริ่มมีกระแสหนาหูในหมู่แกนนำแดง ว่า นายใหญ่ ที่ตอนนี้โฉบเฉี่ยวมาบัญชาการอยู่ที่ เมืองลอดช่อง ประเทศสิงคโปร์ เริ่มออกอาการถอดใจ
ระดับ แกนนำพรรคเพื่อไทย มีการประเมินสถานการณ์กันแล้วว่า หากขืนสู้กับ กปปส. ไปเรื่อย คงยากที่จะชนะ เพราะ อาวุธ ที่อิงแอบเลือกฝั่ง กปปส.มีครบมือ
ยิ่ง ผู้นำสภาสูง เป็นของคนชื่อ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย แล้ว ยิ่งทำให้เครือข่ายนายใหญ่สู้ยากยิ่งขึ้น และเพิ่มเปอร์เซ็นต์ แพ้ ให้สูงยิ่งขึ้น
เมื่อเครือข่ายนายใหญ่คิดยื้อสถานการณ์ออกไปก็จะเท่ากับว่ารอวันแพ้อย่างเดียว เพราะ ธง ที่ชูมาตลอดคือ การเดินหน้าเลือกตั้ง โดนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แช่แข็ง
โดย กกต.ยึกยักไม่ยอมส่งร่าง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ เพื่อเสนอให้รัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตามที่นัดหมายกันไว้
คำนวณทิศทางลมดูแล้ว เครือข่ายนายใหญ่จะมีแต่แพ้กับแพ้ จึงปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ พิงหลังประชาชน เพื่อต่อสู้กับ อาวุธ หนักของฝ่ายตรงข้าม ที่มี ประชาชน ไม่น้อยกว่าเหมือนกัน
เมื่อคิดยุทธศาสตร์พิงหลังประชาชน แกนนำแดง จึงต้องพิงหลัง ตบทรัพย์ จากกระเป๋านายใหญ่อีกครั้ง แถมยังขอมาเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นเดิมพันครั้งใหญ่สุดเท่าที่มีมา
ภาพการชุมนุมของเสื้อแดง นปช.เมื่อวันที่ 10-11 พ.ค. ที่เป็นวันชุมนุมใหญ่ ต้องยอมรับว่า มากันมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านๆ มา ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อเกือบเต็มความยาวถนนอักษะ จนแปลตัวอักษร WE VOTE ออกมาสวยงานดั่งใจ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.
แต่คำถามมีว่าจะสามารถตรึงมวลชนให้อยู่ได้นานแค่ไหน จากที่ประกาศว่าปักหลักอย่างน้อย 1 เดือน
อีก 2-3 วันคงรู้กัน เพราะขึ้นชื่อว่า ม็อบเติมเงิน แล้ว หากเลี้ยงดูไม่ดีจริงคงไม่มีใจที่จะอยู่ยืดเยื้อแน่นอน
ตอนนี้คู่หู ตู่-เต้น คงดีใจ ที่มวลชนมากันเยอะ แต่ใจหนึ่งก็รู้ดีอยู่ว่า พลังจาก ส.ส.อีสาน-ส.ส.ภาคกลาง ที่เกณฑ์มวลชนมาร่วมชุมนุมเป้าหมายตก 2,000 คน ต่อ ส.ส. หนึ่งคน
ฟันธงกันได้ว่า คนเสื้อแดง หากเงินไม่ถึงมือ คงไม่มี หัวใจ ที่จะอยู่ชุมนุม
ผิดกับ กปปส. แม้จะตรึงกำลังในพื้นที่ชุมนุมไว้ไม่มากนัก แต่เมื่อ กำนันสุเทพ เป่านกหวีดยาวเรียกมวลชนเมื่อไร มากันเป็นหลักล้าน
หนำซ้ำเหมือนนายใหญ่จะรู้ตัวแล้วอาจจะโดน ตู่-เต้น หลอกเข้าให้อีก สายป่านที่ นายใหญ่ จึงอาจจะเต็มที่ในช่วงแรก แต่อีกไม่นานจะลดลง
ผนวกกับนายใหญ่เริ่มรู้ตัวแล้วว่า ยิ่งสู้ ยิ่งแพ้ อยู่ที่ว่จะยอมชัก ธงขาว ตอนไหน ยิ่งเห็นภาพ สุเทพ เข้าไปเหยียบทำเนียบรัฐบาลแล้ว นายใหญ่คงไม่คิดจะชนะแล้ว
ตอนนี้หวังแค่ยื้อไปเพื่อหวังฟลุค ยื้อไปหวัง อำนาจพิเศษ จากใครบางคน จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้บ้าง ยื้อไปเพื่อรอต่อรองครั้งใหม่ เท่านั้นเอง
แต่ในเกมที่นายใหญ่ยื้อ ดูเหมือนคนเสื้อแดง จะทำให้แหลกเหลวคามือ เพราะล่าสุด โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โผล่หัวขึ้นที่เวที ถนนอักษะ
แถมยังมาพูดเรื่องไม่บังควรอย่างยิ่ง เพราะเสนอหน้าไปขอให้ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้งที่เป็นฝรั่งเติบโตมาจากเมืองนอก แต่นำเรื่องความจงรักภักดีของคนไทยมาพูดอย่างสนุกปาก
ธง ในการปราศรัยของแกนนำแดง นปช. ดูเหมือนจะยังพุ่งเป้าโจมตีและพยายามดึง สถาบันฯ มาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง
ทั้งที่เกมขณะนี้ ดีล หลักไม่ได้อยู่ที่ สุเทพ เพียงคนเดียว แต่กลับมี อำนาจพิเศษ หลายสายเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งแน่นอนว่า นายใหญ่ ที่หวังกับ อำนาจพิเศษ ไว้มาก
หากคนเสื้อแดงยังมัวแต่ทิ่มแทง สถาบันฯ มีหวังเช่นกันที่ ดีล ของนายใหญ่จะล่มได้
และถ้าคนเสื้อแดงยังปล่อยให้มีการพูดพาดพิง สถาบันฯ บนเวที ท่อน้ำเลี้ยง จากนายใหญ่อาจจะต้องถูกตัดลงในเวลาอันสั้น เผลอๆ การชุมนุมของแดง นปช. ครั้งนี้จะอยู่ได้ไม่กี่วัน
ความพยายามของแกนนำแดง ที่อยากจะการเก็บเกี่ยวเสบียงกรังไว้เสวยสุขภายหลังเสร็จศึก คงไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยดังหวัง
เพราะถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ ก็เชื่อว่านายใหญ่จะตัดขาดจากคนเสื้อแดงได้อย่างง่ายดาย
ผ่าประเด็นร้อน
แม้คนเสื้อแดง นปช.จะตั้งขบวนอยู่ที่พุทธมณฑลสาย 4 ถนนอักษะ ตามยุทธศาสตร์หลีกเลี่ยงการเผิชญหน้ากับ กปปส. ที่ยึดหัวหาดอยู่กลางเมือง ศูนย์กลางบริหารอำนาจประเทศไทย
แต่หากสถานการณ์เปลี่ยน มีการเสนอ นายกฯ มาตรา 7 ขึ้นมาจริง ตามคำขู่ของ โจกแดง จะพุ่งเป้าเคลื่อนมาป่วนเมืองในจุดบริหารอำนาจได้เหมือนกัน
ตามจังหวะที่เริ่มมีกระแสหนาหูในหมู่แกนนำแดง ว่า นายใหญ่ ที่ตอนนี้โฉบเฉี่ยวมาบัญชาการอยู่ที่ เมืองลอดช่อง ประเทศสิงคโปร์ เริ่มออกอาการถอดใจ
ระดับ แกนนำพรรคเพื่อไทย มีการประเมินสถานการณ์กันแล้วว่า หากขืนสู้กับ กปปส. ไปเรื่อย คงยากที่จะชนะ เพราะ อาวุธ ที่อิงแอบเลือกฝั่ง กปปส.มีครบมือ
ยิ่ง ผู้นำสภาสูง เป็นของคนชื่อ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย แล้ว ยิ่งทำให้เครือข่ายนายใหญ่สู้ยากยิ่งขึ้น และเพิ่มเปอร์เซ็นต์ แพ้ ให้สูงยิ่งขึ้น
เมื่อเครือข่ายนายใหญ่คิดยื้อสถานการณ์ออกไปก็จะเท่ากับว่ารอวันแพ้อย่างเดียว เพราะ ธง ที่ชูมาตลอดคือ การเดินหน้าเลือกตั้ง โดนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แช่แข็ง
โดย กกต.ยึกยักไม่ยอมส่งร่าง พ.ร.ฎ.เลือกตั้งใหม่ เพื่อเสนอให้รัฐบาลนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตามที่นัดหมายกันไว้
คำนวณทิศทางลมดูแล้ว เครือข่ายนายใหญ่จะมีแต่แพ้กับแพ้ จึงปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ พิงหลังประชาชน เพื่อต่อสู้กับ อาวุธ หนักของฝ่ายตรงข้าม ที่มี ประชาชน ไม่น้อยกว่าเหมือนกัน
เมื่อคิดยุทธศาสตร์พิงหลังประชาชน แกนนำแดง จึงต้องพิงหลัง ตบทรัพย์ จากกระเป๋านายใหญ่อีกครั้ง แถมยังขอมาเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นเดิมพันครั้งใหญ่สุดเท่าที่มีมา
ภาพการชุมนุมของเสื้อแดง นปช.เมื่อวันที่ 10-11 พ.ค. ที่เป็นวันชุมนุมใหญ่ ต้องยอมรับว่า มากันมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านๆ มา ภาพที่ปรากฏผ่านสื่อเกือบเต็มความยาวถนนอักษะ จนแปลตัวอักษร WE VOTE ออกมาสวยงานดั่งใจ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.
แต่คำถามมีว่าจะสามารถตรึงมวลชนให้อยู่ได้นานแค่ไหน จากที่ประกาศว่าปักหลักอย่างน้อย 1 เดือน
อีก 2-3 วันคงรู้กัน เพราะขึ้นชื่อว่า ม็อบเติมเงิน แล้ว หากเลี้ยงดูไม่ดีจริงคงไม่มีใจที่จะอยู่ยืดเยื้อแน่นอน
ตอนนี้คู่หู ตู่-เต้น คงดีใจ ที่มวลชนมากันเยอะ แต่ใจหนึ่งก็รู้ดีอยู่ว่า พลังจาก ส.ส.อีสาน-ส.ส.ภาคกลาง ที่เกณฑ์มวลชนมาร่วมชุมนุมเป้าหมายตก 2,000 คน ต่อ ส.ส. หนึ่งคน
ฟันธงกันได้ว่า คนเสื้อแดง หากเงินไม่ถึงมือ คงไม่มี หัวใจ ที่จะอยู่ชุมนุม
ผิดกับ กปปส. แม้จะตรึงกำลังในพื้นที่ชุมนุมไว้ไม่มากนัก แต่เมื่อ กำนันสุเทพ เป่านกหวีดยาวเรียกมวลชนเมื่อไร มากันเป็นหลักล้าน
หนำซ้ำเหมือนนายใหญ่จะรู้ตัวแล้วอาจจะโดน ตู่-เต้น หลอกเข้าให้อีก สายป่านที่ นายใหญ่ จึงอาจจะเต็มที่ในช่วงแรก แต่อีกไม่นานจะลดลง
ผนวกกับนายใหญ่เริ่มรู้ตัวแล้วว่า ยิ่งสู้ ยิ่งแพ้ อยู่ที่ว่จะยอมชัก ธงขาว ตอนไหน ยิ่งเห็นภาพ สุเทพ เข้าไปเหยียบทำเนียบรัฐบาลแล้ว นายใหญ่คงไม่คิดจะชนะแล้ว
ตอนนี้หวังแค่ยื้อไปเพื่อหวังฟลุค ยื้อไปหวัง อำนาจพิเศษ จากใครบางคน จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้บ้าง ยื้อไปเพื่อรอต่อรองครั้งใหม่ เท่านั้นเอง
แต่ในเกมที่นายใหญ่ยื้อ ดูเหมือนคนเสื้อแดง จะทำให้แหลกเหลวคามือ เพราะล่าสุด โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โผล่หัวขึ้นที่เวที ถนนอักษะ
แถมยังมาพูดเรื่องไม่บังควรอย่างยิ่ง เพราะเสนอหน้าไปขอให้ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้งที่เป็นฝรั่งเติบโตมาจากเมืองนอก แต่นำเรื่องความจงรักภักดีของคนไทยมาพูดอย่างสนุกปาก
ธง ในการปราศรัยของแกนนำแดง นปช. ดูเหมือนจะยังพุ่งเป้าโจมตีและพยายามดึง สถาบันฯ มาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมือง
ทั้งที่เกมขณะนี้ ดีล หลักไม่ได้อยู่ที่ สุเทพ เพียงคนเดียว แต่กลับมี อำนาจพิเศษ หลายสายเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งแน่นอนว่า นายใหญ่ ที่หวังกับ อำนาจพิเศษ ไว้มาก
หากคนเสื้อแดงยังมัวแต่ทิ่มแทง สถาบันฯ มีหวังเช่นกันที่ ดีล ของนายใหญ่จะล่มได้
และถ้าคนเสื้อแดงยังปล่อยให้มีการพูดพาดพิง สถาบันฯ บนเวที ท่อน้ำเลี้ยง จากนายใหญ่อาจจะต้องถูกตัดลงในเวลาอันสั้น เผลอๆ การชุมนุมของแดง นปช. ครั้งนี้จะอยู่ได้ไม่กี่วัน
ความพยายามของแกนนำแดง ที่อยากจะการเก็บเกี่ยวเสบียงกรังไว้เสวยสุขภายหลังเสร็จศึก คงไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยดังหวัง
เพราะถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ ก็เชื่อว่านายใหญ่จะตัดขาดจากคนเสื้อแดงได้อย่างง่ายดาย