เมื่อวันพฤหัสที่แล้ว กรุงเทพธุรกิจทีวีได้เชิญไปออกรายการ "เม่าปีกเหล็ก" อีกครั้ง
แต่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ ไปนั่งพูดคุยกันตามสถานที่ต่างๆ นอกห้องส่ง
เรื่องที่พูดคุยกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่เคยพูดกันมาแล้ว
แต่จะมีรายละเอียดด้านเอกสารเพิ่มเติม และออกความเห็นเพิ่มเติม (เป็นเรื่องที่อยากจะออกความเห็นมากๆ)
สถานที่นั่งพูดคุยกันคือ ชั้นสองของบ้านใร่กาแฟ เชิงสถานีบีทีเอส เอกมัย
ในวันนั้น ผมได้หยิบเอกสารเก่าๆ ที่เก็บไว้ดูเล่นไปด้วยหลายชิ้น
หนึ่งในนั้นก็คือ สิ่งพิมพ์รายวันของตลาดหล้กทรัพย์ ซึ่งจะจัดส่งให้สมาชิก
ผ่านทางสายส่งของกรุงเทพธุรกิจ
หลังจากยุคออนไลน์ผ่านอินเตอร์เนต สิ่งพิมพ์แบบนี้ก็ต้องเลิกไปโดยบริยาย
เพราะข้อมูลต่างๆ สามารถส่งผ่านให้รับรู้ภายในเวลาที่รวดเร็วมากๆ
ในวันนั้น มีเพื่อนสมาชิกห้องสินธรหกท่าน ไปร่วมด้วยช่วยเชียร์ด้วย
เลยได้หยิบเอกสารนี้ขึ้นมาให้ดู
แล้วก็บอกว่า ไม่เข้าใจว่า นักลงทุนสมัยนี้ทำไมความรู้สึกไวมาก
ดัชนีหุ้นขึ้นลงแค่สิบจุด
ก็จะเต็มไปด้วยกระทู้ประมาณว่า
หุ้นพุ่งกระฉูดแล้ว หุ้นดิ่งเหวแล้ว
ทำเอาคนที่มาจากยุคอนาล็อกอย่างผม งงมากๆ
อะไรกัน ขึ้ันลงแค่นั้น เรียกว่าพุ่งกระฉูด หรือไม่ก็ดิ่งเหวแล้ว
ถ้าหุ้นขึ้นหรือลง แบบนี้ ในวันนี้ จะมีกระทู้ตั้งว่าอย่างไร ?
เมื่อก่อนผมสันนิษฐานเอาว่า
น่าจะเป็นเพราะนักลงทุนรายใหม่ คาดหวังให้ตลาดหุ้นเป็นไปตามที่ใจตัวเองต้องการ
แบบเกาะติดเป็นรายนาที รายชั่วโมง รายวัน
ก็เลยค่อนข้างอ่อนไหวกับราคาหุ้น ดัชชีหุ้น
ซึ่งผมเห็นว่า มันขึ้นลงน้อยมาก
แต่จากที่เพื่อนๆออกความเห็นในวันนั้น
ผมกลับได้ข้อคิดเพิ่มมาใหม่คือ
ดัชนีหุ้นแค่นั้น ไม่ได้ทำให้หุ้นพุ่งกระฉูดหรือดิ่งเหวหรอก
แต่ส่วนควบของมัน ซึ่งได้แก่บรรดาตราสารอนุพันธ์ต่างหาก
ที่ทำให้อารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุนไวมาก
เพราะตราสารอนุพันธ์ เป็นตัวทวีคูณ
คนที่ไม่ได้เล่นเกมไฮโล จะไม่รู้สึกถึงความแรงของการขึ้นลง
ผมเลยว่า เวลาเปลี่ยน สภาพแวดล้อมเปลี่ยน อารมณ์ความรู้สึกของคนในตลาดหุ้น
ก็เลยไวขึ้นมาก
ไม่รู้ว่า ข้อสันนิษฐานนี้ มีความเป็นไปได้มากแค่ไหน ???
แต่ถึงผมจะมาจากการเป็นนักลงทุน ที่มาจากยุค ที่อารมณ์ความรู้สึก
ไม่ได้ไวกับข้อมูลข่าวสารเหมือนยุคนี้
ก็ยังเชื่อว่า จะสามารถเข้าใจอารมณ์ตัวเองได้ดี
ไม่ว่า สภาพแวดล้อมตลาดหุ้นจะเปลี่ยนไปเช่นไร
และก็ยังยึดแนวคิดตามภาพประกอบข้างใต้
เป็นแนวทาง ในการเดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้น
ไม่เปลี่ยนแปลง
ภาพนี้ถ่ายจากการไปเดินเล่นยามสายที่วัดบุคคโล ถนนราษฏร์บูรณะ
จริงๆแล้ว ผมเชื่อว่า ในโลกนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า คลื่นลูกใหม่ มีแต่........
นักลงทุนใหม่ๆที่เข้ามาอ่านตอนนี้ เซฟไว้ แล้วเอามาอ่านอีกที
อีกยี่สิบปีข้างหน้า
๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ เวลาเปลี่ยน สภาพแวดล้อมเปลี่ยน อารมณ์ของคนในตลาดหุ้นก็เปลี่ยน ???
แต่เป็นเวอร์ชั่นใหม่ ไปนั่งพูดคุยกันตามสถานที่ต่างๆ นอกห้องส่ง
เรื่องที่พูดคุยกัน ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่เคยพูดกันมาแล้ว
แต่จะมีรายละเอียดด้านเอกสารเพิ่มเติม และออกความเห็นเพิ่มเติม (เป็นเรื่องที่อยากจะออกความเห็นมากๆ)
สถานที่นั่งพูดคุยกันคือ ชั้นสองของบ้านใร่กาแฟ เชิงสถานีบีทีเอส เอกมัย
ในวันนั้น ผมได้หยิบเอกสารเก่าๆ ที่เก็บไว้ดูเล่นไปด้วยหลายชิ้น
หนึ่งในนั้นก็คือ สิ่งพิมพ์รายวันของตลาดหล้กทรัพย์ ซึ่งจะจัดส่งให้สมาชิก
ผ่านทางสายส่งของกรุงเทพธุรกิจ
หลังจากยุคออนไลน์ผ่านอินเตอร์เนต สิ่งพิมพ์แบบนี้ก็ต้องเลิกไปโดยบริยาย
เพราะข้อมูลต่างๆ สามารถส่งผ่านให้รับรู้ภายในเวลาที่รวดเร็วมากๆ
ในวันนั้น มีเพื่อนสมาชิกห้องสินธรหกท่าน ไปร่วมด้วยช่วยเชียร์ด้วย
เลยได้หยิบเอกสารนี้ขึ้นมาให้ดู
แล้วก็บอกว่า ไม่เข้าใจว่า นักลงทุนสมัยนี้ทำไมความรู้สึกไวมาก
ดัชนีหุ้นขึ้นลงแค่สิบจุด
ก็จะเต็มไปด้วยกระทู้ประมาณว่า
ทำเอาคนที่มาจากยุคอนาล็อกอย่างผม งงมากๆ
อะไรกัน ขึ้ันลงแค่นั้น เรียกว่าพุ่งกระฉูด หรือไม่ก็ดิ่งเหวแล้ว
ถ้าหุ้นขึ้นหรือลง แบบนี้ ในวันนี้ จะมีกระทู้ตั้งว่าอย่างไร ?
เมื่อก่อนผมสันนิษฐานเอาว่า
น่าจะเป็นเพราะนักลงทุนรายใหม่ คาดหวังให้ตลาดหุ้นเป็นไปตามที่ใจตัวเองต้องการ
แบบเกาะติดเป็นรายนาที รายชั่วโมง รายวัน
ก็เลยค่อนข้างอ่อนไหวกับราคาหุ้น ดัชชีหุ้น
ซึ่งผมเห็นว่า มันขึ้นลงน้อยมาก
แต่จากที่เพื่อนๆออกความเห็นในวันนั้น
ผมกลับได้ข้อคิดเพิ่มมาใหม่คือ
ดัชนีหุ้นแค่นั้น ไม่ได้ทำให้หุ้นพุ่งกระฉูดหรือดิ่งเหวหรอก
แต่ส่วนควบของมัน ซึ่งได้แก่บรรดาตราสารอนุพันธ์ต่างหาก
ที่ทำให้อารมณ์ความรู้สึกของนักลงทุนไวมาก
เพราะตราสารอนุพันธ์ เป็นตัวทวีคูณ
คนที่ไม่ได้เล่นเกมไฮโล จะไม่รู้สึกถึงความแรงของการขึ้นลง
ผมเลยว่า เวลาเปลี่ยน สภาพแวดล้อมเปลี่ยน อารมณ์ความรู้สึกของคนในตลาดหุ้น
ก็เลยไวขึ้นมาก
ไม่รู้ว่า ข้อสันนิษฐานนี้ มีความเป็นไปได้มากแค่ไหน ???
แต่ถึงผมจะมาจากการเป็นนักลงทุน ที่มาจากยุค ที่อารมณ์ความรู้สึก
ไม่ได้ไวกับข้อมูลข่าวสารเหมือนยุคนี้
ก็ยังเชื่อว่า จะสามารถเข้าใจอารมณ์ตัวเองได้ดี
ไม่ว่า สภาพแวดล้อมตลาดหุ้นจะเปลี่ยนไปเช่นไร
และก็ยังยึดแนวคิดตามภาพประกอบข้างใต้
เป็นแนวทาง ในการเดินทางแสวงหาเงินในตลาดหุ้น
ไม่เปลี่ยนแปลง
ภาพนี้ถ่ายจากการไปเดินเล่นยามสายที่วัดบุคคโล ถนนราษฏร์บูรณะ
จริงๆแล้ว ผมเชื่อว่า ในโลกนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า คลื่นลูกใหม่ มีแต่........
นักลงทุนใหม่ๆที่เข้ามาอ่านตอนนี้ เซฟไว้ แล้วเอามาอ่านอีกที
อีกยี่สิบปีข้างหน้า