สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่ากระทู้นี้ตั้งใจจะให้เป็นบันทึกความทรงจำระหว่างการเดินทาง กึ่งๆรีวิวทริปอะครับ เนื่องจากก่อนไปรู้สึกติดหนี้บุญคุณชาวสมาชิกพันทิป เป็นอย่างมาก เนื่องจากข้อมูลหลายๆอย่าง รวมทั้งแรงบันดาลใจ ก็มาจากเพื่อนๆนะครับ จึงอย่างจะส่งผ่านสิ่งเหล่านั้นต่อบ้าง สำหรับคนที่กำลังวางแผนจะไปนะครับ
ทริปนี้เป็นทริปที่ค่อนข้างยาว เรียกว่ายาวนานที่สุดตั้งแต่เคยไปทริปของผมเลยครับ เนื่องจากไป 3 เมืองหลักๆ คร่าวๆของทริป คือ
3/04/2014 BKK-Kathmandu
4-10/04/2014 trekking ABC Nepal
11-18/04/2014 Tibet trip
18-20/04/2014 Lhasa-Qinghai Tibet Railway
21/04/2014 Sight seeing Xian, Xian-BKK
ซึ่งเดี๋ยวจะค่อยๆลงรายละเอียดไปเรื่อยๆนะครับ เพราะรายละเอียดเยอะมาก
ก่อนการเดินทาง
จริงๆ จุดเริ่มต้นของทริปมาจากการที่ผมนัดกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยม (ผมเป็นคนจังหวัดเชียงราย จบโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม) ที่ กทม เนื่องจากบางคนก็ทำงาน กทม บางคนก็ทำงานที่บ้าน เรื่องมันเกิดจากคุยกันไปกันมา แล้วเจ้มัยพึ่งกลับจากทริปญี่ปุ่น ผมก็แหย่ๆไปว่าทริปหน้าเนปาลมะ ปรากฏว่าดันเอาจริง เพราะหนึ่งในกลุ่มเพื่อนคือ หนิง กะจะไปกับเพื่อนๆเค้าอยู่แล้วเราจึงขอจอยกรุ๊ปซะเลย ก็เงียบหายไปพักใหญ่ วันหนึ่งก็ไลน์มาบอกว่า ตั๋วโปรโมชั่น Air Asia มาไปกลับประมาณหมื่นกว่าบาท จะจองตั๋วแล้วนะ เราก็งานงอกละ แต่เอาวะรับปากแล้วก็ต้องเอา สรุปว่าหนิงเลยจอง 3/04/2014 BKK-Kathmandu กลับ21/04/2014 Xian-BKK คือหนิงเค้าอยากนั่งรถไฟสาย ลาซา ชิงไห่มาก บอกตรงๆ ตอนแรกยังไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย ในเมื่อจองตั๋วแล้ว การหาข้อมูลจึงเริ่มขึ้น
หลังหาข้อมูลอยู่นาน จึงสรุปว่าทริปเนปาล จะ trekking เพราะจริงๆ ชอบเดินป่า คือช่วงมัธยมกับมหาลัยไปบ่อยๆ ในเมืองไทย แต่พอทำงานแล้วไม่ค่อยมีเวลาไป จากเวลาจะเห็นว่ามีเวลาเนปาลแค่ 7 วัน ทีแรกจะเอา Poonhill แต่ดูไปดูมา ABC สวยกว่าจึงตกลงกันว่าเอานี่ละกัน โหดหน่อยก็ยอม ในเมืองไว้มาเที่ยวซ่อมเอา ช่วงนี้ก็ฟิตร่างกายรอเลย หลักๆของผมคือ วิ่งตอนเช้า ประมาณ 30-40 นาที weight training กล้ามเนื้อต้นขาและน่อง ตอนเย็นถ้ามีเวลาจะว่ายน้ำอีกประมาณ 45 นาที
ทริป trekking เอาไปเอามาเหลือ 3 คน คือ ผม เจ้มัย ม้อ(เพื่อนหนิง) เพราะหนิงเค้าดันติดงานด่วนต้องเลื่อนวันเดินทาง เราได้สมาชิกมาเพิ่มอีก 2 คน คือ หนุ่มกับฝ้าย ซึ่งกลุ่มหลังจะเดินทาง 8 เม.ย เที่ยวในเมืองแล้วรอเดินทางไปทิเบตพร้อมกันวันที่ 11 ทริปทิเบตซึ่งเดิมทีกลุ่มเรามีพี่จื๊บ(ขอบคุณมากๆครับพี่จิ๊บ)ที่ได้ติดต่อกับเอเจนซี่เนปาลหลายเจ้า แต่พวกเราเองที่ยังสรุปไม่ได้ว่าจะเอายังไง ประจวบกับพี่จิ๊บเค้าติดงานไปเทรคกับเราไม่ได้ งานเข้าเลยทีนี้ ยังโชคดีครับที่ม้อ ค้นในอินเตอร์เนตเจอเอเจนซี่คนไทยเข้าชื่อพี่บอล (อันนี้เป็นลิ้งนะครับ เผื่อใครสนใจ พี่บอลใจดีสามารถปรึกษาเรื่องทัวร์ได้ครับ
https://www.facebook.com/ThaiNepalTour?fref=ts) แล้วให้เจ้มัยคุยราคาต่อเพราะเห็นว่าเอเจนซี่เจ้านี้อยู่เชียงราย เมื่อคุยแล้วได้ราคาที่ต้องการ เราจึงตกลงว่าทริปต่อจากจบเทรคกิ้งคือทริปทิเบตจะใช้ทัวร์ที่พี่บอลติดต่อ เนื่องจากทิเบตมีกฏเยอะ และเปลี่ยนตลอดเวลา และจำเป็นต้องมีไกด์ ทีนี้เราเลยขอให้พี่บอลจัดการเรื่องเนปาลให้ด้วยเลย คือทริป ABC เราต้องการรถไปรับสนามบิน รถไป Pokhara ที่พักที่ Pokhara 1 คืน จัดการ trekking permit ลูกหาบ 1 คน เครื่องบิน Pokhara-Kathmandu ราคาที่เราได้คือ ทริปทิเบต 1050 USD เนปาล 250 USD
เริ่มทริป
3/04/2014
เราออกเดินทางจาก BKK 7.30AM สนามบินดอนเมือง เพื่อไปต่อเครื่องที่ KL,Malaysia เวลา 12.00 จากนั้น บินจาก KL-Kathmandu ถึง Kathmandu เวลาประมาณ 2.30PM แต่ระหว่างต่อเครื่องที่ KL กระเป๋าต้อง load ใหม่ ด้วยความรีบเจ้มัย ก็ลืมเสบียง ธัญพืชกรอบถุงใหญที่ผมฝากไว ที่สนามบิน KL ซะละ (หมดกานนนน ไม่น่าฝากไว้ที่เจ้เค้าเล้ยยย)
ถึง Kathmandu เราทำ VISA on arrival ราคา 25 USD ใช้รูป 2 นิ้ว 2 ใบ (พื้นหลังสีขาว) ใช้เวลาทำประมาณครึ่งชั่วโมง อย่าเชียวนะครับ อย่าได้ลืมนำรูปถ่ายติดมาด้วย จริงๆทางจุดทำ Visa on arrival ก็มีบริการถ่ายภาพด่วนนะครับ แต่ถ่ายมาแล้วได้ 2 ใบ สนนราคาสองใบที่ 40 USD(จะแพงไปไหนห๊าาา โหดเกิ้น) วันแรกที่มาถึง Kathmandu ต้อนรับเราด้วยสายฝนซะละ ใจเสียเลย จะได้วิวสวยๆมั้ยเนี่ย ???? อากาศหนาวกว่าที่คิด
เราเดินทางจากสนามบินเข้า Thamel เพื่อพบกับ Sujan เอเจนซี่ชาวเนปาลที่พี่บอลติดต่อไว้เพื่อจ่ายค่าทริปทิเบต และเนปาล เอารูปถ่ายให้ 2 รูป เพื่อทำ Trekking Permit การทำ permit สามารถทำได้ที่ Thamel และ Pokhara ครับ เนื่องจากเวลาเรามีจำกัดมากจึงให้เอเจนซี่จัดการซะเลย จากนั้นเราเดินซื้อ sim โทรศัพย์ ยา diamox 10 เม็ด ยาแก้อาการ AMS(Acute Mountain Sickness) จริงๆ พวกอุปกรณ์เดินป่าไม่ต้องซื้อจากเมืองไทยเลยก็ได้ครับ เพื่อนๆเผื่อเวลามา shopping แล้วรับรองว่าจะได้ของที่ถูกใจ ถูกราคาเยอะเลยครับ คือมาหาที่ Thamel ถูกกว่า หลากหลายกว่ามาก มีแทบทุกอย่าง หรือจะซื้อที่ Pokhara ก็ยังได้ ว่าแล้วยังอยากกลับไป shopping อีก คือ ของหลายๆอย่างเอากลับมาใช้ที่บ้านเราได้อีก เช่น trekking pole เอากลับมาปัดใยแมงมุม 555 ล้อเล่นแต่เอาจริงนะครับ
หลังซื้อของเสร็จพวกเราก็มากินข้าวมื้อแรกกัน ด้วยความหิวเนื่องจากไม่ได้กินอะไรมาเลย แล้วเวลาตอนนั้นประมาณบ่าย 4 โมงกว่าแล้ว Sanum ผู้ดูแลเรา จึงพามากิน ร้านอาหารแนว Nepali สังเกตความอร่อยได้จากหน้าเจ้มัย ทุกคนบอกว่าไม่ไหว แต่ทำไมผมอร่อยอยู่คนเดียวก็ไม่รู้ 5555 เนื่องจากกินไม่เป็น เจ้มัยเลย ให้บริกรแนะนำ พี่แกก็จัดหนักเลย ราดแกงใส่ข้าวมาเต็มๆ ยังกับอาหารพระฉันเพล 55555
หลังกินข้าวเสร็จเราออกเดินทางจาก Kathmandu ไป Pokhara โดย private car เราออกเดินทางโดย private car เวลา 5.30 PM. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง รู้ไรไม่เท่ารู้งี้ บินไปดีกว่าใช้เวลาเพียง 45 นาที กับค่าตั๋วบิน 108 USD ต่อเที่ยว จริงๆระยะทางมันไม่ไกลแค่ประมาณ 200 km. แต่ถนนมันเล็กและพัง เลยใช้เวลาค่อนข้างนาน คนขับที่นี่ไม่ปิดกระจกกันครับ อากาศตอนกลางคืนหนาวใช้ได้เลยประมาณเชียงใหม่หน้าหนาว ดีที่วันนี้ฝนตกเลยไม่ค่อยมีฝุ่น ไม่งั้นฝุ่นคงตลบไปทั้งคันแล้วคร๊าบบบ
อันนี้ต้นเหตุที่ทำให้รถติด
อันนี้หน้าตาสัมภาระของเรา กระเป๋าแพ็คอย่างดีน้ำหนักรวมถาดของสนามบิน เจ้มัย 14 kg ม้อ 12 kg ผม(ฟ้า) 9 kg (น้อยจังว่ะ)
เราเดินทางถึง Pokhara เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ เข้าพักที่โรงแรม Crystal Palace พวกเราอาบน้ำนอน ม้อเริ่มเป็นไข้เพราะทนหนาวในรถมาตลอดทาง เพราะพรุ่งนี้เป็นวันที่ต้องเริ่ม trekking
4/04/2014
เราตื่นนอนประมาณ 7.30 AM จัดการจัดของเพราะบางส่วนจะฝากไว้ที่โรงแรม แล้วเอาของที่จำเป็นไปสำหรับการ trekking บางส่วนเก็บใส่กระเป๋ารวมสำหรับให้ลูกหาบ และบางส่วนสำหรับสะพายไปเอง จากนั้นลงมาทานอาหารเช้าของโรงแรม ออกไปหาซื้อ trekking pole และกระติกน้ำ (ซื้อแบบที่เป็นสแตนเลสจะดีกว่า เพราะใช้เติมน้ำร้อนด้วย) ถุงมือ และผ้าบัฟ (ผ้าปิดปาก จำเป็นมากสำหรับกันแดด และยังสามารถใช้พันคอ พันหัว กันฝุ่น เช็ดน้ำมูก เรียกว่าจำเป็นมาก หาซื้อที่ เนปาลง่าย และถูกมาก) แล้วแวะไปทะเลสาบ fewa แต่มีเวลาเดินเล่นแค่แป๊บเดียว เพราะต้องรีบเดินทางไป Nayapul การเดินทางจาก Pokhara ไป Nayapul ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง
เส้นทางที่เราเลือกใช้ในการ trekking คือ
Day1 : Nayapul - Ghandruk
Day2 : Ghandruk - Sinuwa (low)
Day3 : Sinuwa - Deurali
Day4 : Deurali - ABC
Day5 : ABC - Sinuwa (Low)
Day6 : Sinuwa(Low) - Jhinu Danda
Day7 : Jhinu Danda - Nayapul
อันนี้ภาพทะเลสาบ Fewa ครับ ไม่มีเวลาหามุมสวยๆเลย
ระหว่างทาง Pokhara ไป Nayapul มีวิวยอดเขา Machhapuchhre ให้ดูเกือบตลอดทาง
สลับกับป่าสวยๆ
ถึง Nayapul เริ่มต้นการ Trekking เวลา 9 โมงกว่าๆ อากาศดี ฟ้าใส
เส้นทางช่วงแรกจะมี Machapuchare เป็นเพื่อน
Pajang ลูกหาบของเรา พวกเราทิ้งของบางส่วนไว้ที่โรงแรมที่ Pokhara เอาของจำเป็นยัดใส่กระเป๋นเจ้มัย ให้ Pajang แบก ในถุงจะมีทั้งเสื้อกันหนาวและถุงนอนที่ทาง Agency ให้พวกเรายืม
เริ่มเห็นธงมนต์แล้ว
ถึงจุด check point ที่ทุกคนจะต้องผ่าน
บ้านเรือนระหว่างทาง เหมือนหลุดมาจากอดีต
เครื่องแต่งกายของเจ้มัยวันแรก กลัวดำครับแต่ไม่กลัวร้อน ช่วงแรกของการเดินแดดจะแรงมาก แต่อากาศจะไม่ร้อนมากนัก
อันนี้ของผมจะแต่งประมาณนี้ แค่วันเดียวก็แขนขาดำละครับ
บ้านสวยๆ ระหว่างทาง
ที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่บอกเป็นระยะทาง จะบอกเป็นระยะเวลาในการเดินซะมากกว่า
บางมุมก็จะมียอด Annapurna โผล่มาให้เห็น
ส่วนใหญ่บริเวณนี้จะเห็นเป็นนาขั้นบันได
และแล้วก็ถึงจุดหมาย Ghandruk เดิน 9 โมง ถึง 4 โมง การเดินวันแรกก็เหนื่อยใช้ได้เลยครับ วันนี้พักที่ Muna Hotel ต่อรองราคาได้มา 200 รูปี (ประมาณ 70 บาท)
นี่คือวิวจากระเบียง เปิดห้องมาก็เจอเลย วันนี้ทั้ง รร มีแค่เราเท่านั้น เนื่องจากเป็นช่วง low season แนะนำว่าพอถึงหมู่บ้านแล้วให้ค่อยๆ เดินหาที่พักอย่าพึ่งรีบร้อนครับ
[CR] Nepal - Tibet - Xian Trip (3-21/04/2014) เหนื่อย หนาว และยาวนาน Part 1
ทริปนี้เป็นทริปที่ค่อนข้างยาว เรียกว่ายาวนานที่สุดตั้งแต่เคยไปทริปของผมเลยครับ เนื่องจากไป 3 เมืองหลักๆ คร่าวๆของทริป คือ
3/04/2014 BKK-Kathmandu
4-10/04/2014 trekking ABC Nepal
11-18/04/2014 Tibet trip
18-20/04/2014 Lhasa-Qinghai Tibet Railway
21/04/2014 Sight seeing Xian, Xian-BKK
ซึ่งเดี๋ยวจะค่อยๆลงรายละเอียดไปเรื่อยๆนะครับ เพราะรายละเอียดเยอะมาก
ก่อนการเดินทาง
จริงๆ จุดเริ่มต้นของทริปมาจากการที่ผมนัดกินข้าวกับกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยม (ผมเป็นคนจังหวัดเชียงราย จบโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม) ที่ กทม เนื่องจากบางคนก็ทำงาน กทม บางคนก็ทำงานที่บ้าน เรื่องมันเกิดจากคุยกันไปกันมา แล้วเจ้มัยพึ่งกลับจากทริปญี่ปุ่น ผมก็แหย่ๆไปว่าทริปหน้าเนปาลมะ ปรากฏว่าดันเอาจริง เพราะหนึ่งในกลุ่มเพื่อนคือ หนิง กะจะไปกับเพื่อนๆเค้าอยู่แล้วเราจึงขอจอยกรุ๊ปซะเลย ก็เงียบหายไปพักใหญ่ วันหนึ่งก็ไลน์มาบอกว่า ตั๋วโปรโมชั่น Air Asia มาไปกลับประมาณหมื่นกว่าบาท จะจองตั๋วแล้วนะ เราก็งานงอกละ แต่เอาวะรับปากแล้วก็ต้องเอา สรุปว่าหนิงเลยจอง 3/04/2014 BKK-Kathmandu กลับ21/04/2014 Xian-BKK คือหนิงเค้าอยากนั่งรถไฟสาย ลาซา ชิงไห่มาก บอกตรงๆ ตอนแรกยังไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย ในเมื่อจองตั๋วแล้ว การหาข้อมูลจึงเริ่มขึ้น
หลังหาข้อมูลอยู่นาน จึงสรุปว่าทริปเนปาล จะ trekking เพราะจริงๆ ชอบเดินป่า คือช่วงมัธยมกับมหาลัยไปบ่อยๆ ในเมืองไทย แต่พอทำงานแล้วไม่ค่อยมีเวลาไป จากเวลาจะเห็นว่ามีเวลาเนปาลแค่ 7 วัน ทีแรกจะเอา Poonhill แต่ดูไปดูมา ABC สวยกว่าจึงตกลงกันว่าเอานี่ละกัน โหดหน่อยก็ยอม ในเมืองไว้มาเที่ยวซ่อมเอา ช่วงนี้ก็ฟิตร่างกายรอเลย หลักๆของผมคือ วิ่งตอนเช้า ประมาณ 30-40 นาที weight training กล้ามเนื้อต้นขาและน่อง ตอนเย็นถ้ามีเวลาจะว่ายน้ำอีกประมาณ 45 นาที
ทริป trekking เอาไปเอามาเหลือ 3 คน คือ ผม เจ้มัย ม้อ(เพื่อนหนิง) เพราะหนิงเค้าดันติดงานด่วนต้องเลื่อนวันเดินทาง เราได้สมาชิกมาเพิ่มอีก 2 คน คือ หนุ่มกับฝ้าย ซึ่งกลุ่มหลังจะเดินทาง 8 เม.ย เที่ยวในเมืองแล้วรอเดินทางไปทิเบตพร้อมกันวันที่ 11 ทริปทิเบตซึ่งเดิมทีกลุ่มเรามีพี่จื๊บ(ขอบคุณมากๆครับพี่จิ๊บ)ที่ได้ติดต่อกับเอเจนซี่เนปาลหลายเจ้า แต่พวกเราเองที่ยังสรุปไม่ได้ว่าจะเอายังไง ประจวบกับพี่จิ๊บเค้าติดงานไปเทรคกับเราไม่ได้ งานเข้าเลยทีนี้ ยังโชคดีครับที่ม้อ ค้นในอินเตอร์เนตเจอเอเจนซี่คนไทยเข้าชื่อพี่บอล (อันนี้เป็นลิ้งนะครับ เผื่อใครสนใจ พี่บอลใจดีสามารถปรึกษาเรื่องทัวร์ได้ครับ https://www.facebook.com/ThaiNepalTour?fref=ts) แล้วให้เจ้มัยคุยราคาต่อเพราะเห็นว่าเอเจนซี่เจ้านี้อยู่เชียงราย เมื่อคุยแล้วได้ราคาที่ต้องการ เราจึงตกลงว่าทริปต่อจากจบเทรคกิ้งคือทริปทิเบตจะใช้ทัวร์ที่พี่บอลติดต่อ เนื่องจากทิเบตมีกฏเยอะ และเปลี่ยนตลอดเวลา และจำเป็นต้องมีไกด์ ทีนี้เราเลยขอให้พี่บอลจัดการเรื่องเนปาลให้ด้วยเลย คือทริป ABC เราต้องการรถไปรับสนามบิน รถไป Pokhara ที่พักที่ Pokhara 1 คืน จัดการ trekking permit ลูกหาบ 1 คน เครื่องบิน Pokhara-Kathmandu ราคาที่เราได้คือ ทริปทิเบต 1050 USD เนปาล 250 USD
เริ่มทริป
3/04/2014
เราออกเดินทางจาก BKK 7.30AM สนามบินดอนเมือง เพื่อไปต่อเครื่องที่ KL,Malaysia เวลา 12.00 จากนั้น บินจาก KL-Kathmandu ถึง Kathmandu เวลาประมาณ 2.30PM แต่ระหว่างต่อเครื่องที่ KL กระเป๋าต้อง load ใหม่ ด้วยความรีบเจ้มัย ก็ลืมเสบียง ธัญพืชกรอบถุงใหญที่ผมฝากไว ที่สนามบิน KL ซะละ (หมดกานนนน ไม่น่าฝากไว้ที่เจ้เค้าเล้ยยย)
ถึง Kathmandu เราทำ VISA on arrival ราคา 25 USD ใช้รูป 2 นิ้ว 2 ใบ (พื้นหลังสีขาว) ใช้เวลาทำประมาณครึ่งชั่วโมง อย่าเชียวนะครับ อย่าได้ลืมนำรูปถ่ายติดมาด้วย จริงๆทางจุดทำ Visa on arrival ก็มีบริการถ่ายภาพด่วนนะครับ แต่ถ่ายมาแล้วได้ 2 ใบ สนนราคาสองใบที่ 40 USD(จะแพงไปไหนห๊าาา โหดเกิ้น) วันแรกที่มาถึง Kathmandu ต้อนรับเราด้วยสายฝนซะละ ใจเสียเลย จะได้วิวสวยๆมั้ยเนี่ย ???? อากาศหนาวกว่าที่คิด
เราเดินทางจากสนามบินเข้า Thamel เพื่อพบกับ Sujan เอเจนซี่ชาวเนปาลที่พี่บอลติดต่อไว้เพื่อจ่ายค่าทริปทิเบต และเนปาล เอารูปถ่ายให้ 2 รูป เพื่อทำ Trekking Permit การทำ permit สามารถทำได้ที่ Thamel และ Pokhara ครับ เนื่องจากเวลาเรามีจำกัดมากจึงให้เอเจนซี่จัดการซะเลย จากนั้นเราเดินซื้อ sim โทรศัพย์ ยา diamox 10 เม็ด ยาแก้อาการ AMS(Acute Mountain Sickness) จริงๆ พวกอุปกรณ์เดินป่าไม่ต้องซื้อจากเมืองไทยเลยก็ได้ครับ เพื่อนๆเผื่อเวลามา shopping แล้วรับรองว่าจะได้ของที่ถูกใจ ถูกราคาเยอะเลยครับ คือมาหาที่ Thamel ถูกกว่า หลากหลายกว่ามาก มีแทบทุกอย่าง หรือจะซื้อที่ Pokhara ก็ยังได้ ว่าแล้วยังอยากกลับไป shopping อีก คือ ของหลายๆอย่างเอากลับมาใช้ที่บ้านเราได้อีก เช่น trekking pole เอากลับมาปัดใยแมงมุม 555 ล้อเล่นแต่เอาจริงนะครับ
หลังซื้อของเสร็จพวกเราก็มากินข้าวมื้อแรกกัน ด้วยความหิวเนื่องจากไม่ได้กินอะไรมาเลย แล้วเวลาตอนนั้นประมาณบ่าย 4 โมงกว่าแล้ว Sanum ผู้ดูแลเรา จึงพามากิน ร้านอาหารแนว Nepali สังเกตความอร่อยได้จากหน้าเจ้มัย ทุกคนบอกว่าไม่ไหว แต่ทำไมผมอร่อยอยู่คนเดียวก็ไม่รู้ 5555 เนื่องจากกินไม่เป็น เจ้มัยเลย ให้บริกรแนะนำ พี่แกก็จัดหนักเลย ราดแกงใส่ข้าวมาเต็มๆ ยังกับอาหารพระฉันเพล 55555
หลังกินข้าวเสร็จเราออกเดินทางจาก Kathmandu ไป Pokhara โดย private car เราออกเดินทางโดย private car เวลา 5.30 PM. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงครึ่ง รู้ไรไม่เท่ารู้งี้ บินไปดีกว่าใช้เวลาเพียง 45 นาที กับค่าตั๋วบิน 108 USD ต่อเที่ยว จริงๆระยะทางมันไม่ไกลแค่ประมาณ 200 km. แต่ถนนมันเล็กและพัง เลยใช้เวลาค่อนข้างนาน คนขับที่นี่ไม่ปิดกระจกกันครับ อากาศตอนกลางคืนหนาวใช้ได้เลยประมาณเชียงใหม่หน้าหนาว ดีที่วันนี้ฝนตกเลยไม่ค่อยมีฝุ่น ไม่งั้นฝุ่นคงตลบไปทั้งคันแล้วคร๊าบบบ
อันนี้ต้นเหตุที่ทำให้รถติด
อันนี้หน้าตาสัมภาระของเรา กระเป๋าแพ็คอย่างดีน้ำหนักรวมถาดของสนามบิน เจ้มัย 14 kg ม้อ 12 kg ผม(ฟ้า) 9 kg (น้อยจังว่ะ)
เราเดินทางถึง Pokhara เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ เข้าพักที่โรงแรม Crystal Palace พวกเราอาบน้ำนอน ม้อเริ่มเป็นไข้เพราะทนหนาวในรถมาตลอดทาง เพราะพรุ่งนี้เป็นวันที่ต้องเริ่ม trekking
4/04/2014
เราตื่นนอนประมาณ 7.30 AM จัดการจัดของเพราะบางส่วนจะฝากไว้ที่โรงแรม แล้วเอาของที่จำเป็นไปสำหรับการ trekking บางส่วนเก็บใส่กระเป๋ารวมสำหรับให้ลูกหาบ และบางส่วนสำหรับสะพายไปเอง จากนั้นลงมาทานอาหารเช้าของโรงแรม ออกไปหาซื้อ trekking pole และกระติกน้ำ (ซื้อแบบที่เป็นสแตนเลสจะดีกว่า เพราะใช้เติมน้ำร้อนด้วย) ถุงมือ และผ้าบัฟ (ผ้าปิดปาก จำเป็นมากสำหรับกันแดด และยังสามารถใช้พันคอ พันหัว กันฝุ่น เช็ดน้ำมูก เรียกว่าจำเป็นมาก หาซื้อที่ เนปาลง่าย และถูกมาก) แล้วแวะไปทะเลสาบ fewa แต่มีเวลาเดินเล่นแค่แป๊บเดียว เพราะต้องรีบเดินทางไป Nayapul การเดินทางจาก Pokhara ไป Nayapul ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง
เส้นทางที่เราเลือกใช้ในการ trekking คือ
Day1 : Nayapul - Ghandruk
Day2 : Ghandruk - Sinuwa (low)
Day3 : Sinuwa - Deurali
Day4 : Deurali - ABC
Day5 : ABC - Sinuwa (Low)
Day6 : Sinuwa(Low) - Jhinu Danda
Day7 : Jhinu Danda - Nayapul
อันนี้ภาพทะเลสาบ Fewa ครับ ไม่มีเวลาหามุมสวยๆเลย
ระหว่างทาง Pokhara ไป Nayapul มีวิวยอดเขา Machhapuchhre ให้ดูเกือบตลอดทาง
สลับกับป่าสวยๆ
ถึง Nayapul เริ่มต้นการ Trekking เวลา 9 โมงกว่าๆ อากาศดี ฟ้าใส
เส้นทางช่วงแรกจะมี Machapuchare เป็นเพื่อน
Pajang ลูกหาบของเรา พวกเราทิ้งของบางส่วนไว้ที่โรงแรมที่ Pokhara เอาของจำเป็นยัดใส่กระเป๋นเจ้มัย ให้ Pajang แบก ในถุงจะมีทั้งเสื้อกันหนาวและถุงนอนที่ทาง Agency ให้พวกเรายืม
เริ่มเห็นธงมนต์แล้ว
ถึงจุด check point ที่ทุกคนจะต้องผ่าน
บ้านเรือนระหว่างทาง เหมือนหลุดมาจากอดีต
เครื่องแต่งกายของเจ้มัยวันแรก กลัวดำครับแต่ไม่กลัวร้อน ช่วงแรกของการเดินแดดจะแรงมาก แต่อากาศจะไม่ร้อนมากนัก
อันนี้ของผมจะแต่งประมาณนี้ แค่วันเดียวก็แขนขาดำละครับ
บ้านสวยๆ ระหว่างทาง
ที่นี่ส่วนใหญ่จะไม่บอกเป็นระยะทาง จะบอกเป็นระยะเวลาในการเดินซะมากกว่า
บางมุมก็จะมียอด Annapurna โผล่มาให้เห็น
ส่วนใหญ่บริเวณนี้จะเห็นเป็นนาขั้นบันได
และแล้วก็ถึงจุดหมาย Ghandruk เดิน 9 โมง ถึง 4 โมง การเดินวันแรกก็เหนื่อยใช้ได้เลยครับ วันนี้พักที่ Muna Hotel ต่อรองราคาได้มา 200 รูปี (ประมาณ 70 บาท)
นี่คือวิวจากระเบียง เปิดห้องมาก็เจอเลย วันนี้ทั้ง รร มีแค่เราเท่านั้น เนื่องจากเป็นช่วง low season แนะนำว่าพอถึงหมู่บ้านแล้วให้ค่อยๆ เดินหาที่พักอย่าพึ่งรีบร้อนครับ