นักธุรกิจหนุ่มฉุนถูกจี้ชิงทรัพย์ แค้นขับตามชน คนร้ายดับอนาถ
http://www.dailynews.co.th/Content/crime/236178/
เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 9 พ.ค. พ.ต.ท.พงศักด์ การรัตน์ พงส.ผนพ.สน.ลาดพร้าว ได้รับแจ้งเหตุ รถยนต์เสียหลักพุ่งชนเข้าไปในอาคารพานิชย์เลขที่ 1030 ซอยนวมินทร์ 14 แยก 3 แขวงคลองจั่นเขตบางกะปิ กทม. มีผู้เสียชีวิต จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ ผกก.สน.ลาดพร้าว พ.ต.ต.ธานี จิตรธรรม สว.สส. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ในที่เกิดเป็นอาคารสูง 3 ชั้น 2 คูหา เปิดเป็นร้ายขายของชำบริเวณชั้นล่าง พบรถยนต์บีเอ็มดับบลิว รุ่น x1 สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆว 938 กรุงเทพมหานคร เสียหลักพุ่งชนเข้ามาในตัวอาคาร สภาพด้านหน้าพังยับ ข้าวของในร้านกระจัดกระจาย ใกล้กับพบจยย.ฮอนด้ารุ่นคลิก 125สีแดง-ดำหมายเลขทะเบียน อฬบ 6กทม.อยู่ในสภาพโดนชนเสียหายพังยับเช่นเดียวกัน ห่างไปเล็กน้อยพบศพ นายสมควร ไทยเดชา หรือ บอล อายุ 34ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/269 ซอยพระยาสุเรนทร์ 9 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. สวมเสื้อยืดสีเขียวสกรีนตัวอักษรสีขาวที่หน้าอกว่า“กองทัพบก” สวมเสื้อคลุมสีดำปักตัวอักษรสีเหลืองที่หน้าอกด้ายซ้ายคำว่า “คณะกรรมมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐสภาผู้แทนราษฎร นพ.เหวงโตจิราการ” ใส่กางเกงลายพรางทหาร รองเท้าผ้าใบสีดำ ตรวจสอบพบบาดแผลที่ศรีษะฉีกขาด จนเห็นกะโหลก แขนขาหักผิดรูป นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าสะพายสีดำ ตกอยู่ติดกับข้างศพ
สอบสวน นายทวิช กิตนิยม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/3 หมู่ที่ 2แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอก กทม. อาชีพธุรกิจส่วนตัว กล่าวว่า ได้ขับรถบีเอ็มดับบลิวคันดังกล่าว มาตามถนนลาดพร้าวเมื่อมาถึงจุดกลับรถหน้าปากซอยลาดพร้าว 130 ตน จึงได้จอดรอเพื่อจะกลับรถ ต่อมาได้มีคนร้ายขับจยย.เข้ามาจอดด้านข้างของตนก่อนจะเคาะกระจกเรียกตน นึกว่าเป็นคนมาถามทางจึงลดกระจกลง เมื่อได้จังหวะคนร้ายก็ชกเข้ามาที่ใบหน้าตนหลายครั้ง พร้อมกับชักอาวุธมีดออกมาจี้ ขู่ว่าจะทำร้ายถ้าไม่ส่งทรัพย์สินหรือของมีค่าออกมาให้หมด ด้วยความกลัวตนจึงรีบหยิบกระเป๋าสะพายที่มีเงินและโทรศัพท์ส่งให้คนร้ายไปก่อนที่คนร้ายจะขับจยย.หนีไปเมื่อตนตั้งสติได้จึงขับรถตามโดยหวังว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านมา
นายทวิช กล่าวต่อว่า จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุ เป็นทางสามแยกคนร้ายได้พยายามหักรถเลี้ยวกะทันหัน เพื่อจะหลบหนีด้วยความที่ตนขับมาเร็วมากจึงเบรกไม่อยู่ ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนรถคนร้าย ก่อนจะพุ่งไปเข้าไปในร้ายขายของชำดังกล่าว เมื่อลงมาดูก็เห็นคนร้ายนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ตนจึงรีบโทรตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
ขณะที่ น.ส.เอ(นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ผู้เสียหายรายหนึ่ง กล่าวว่าภายหลังทราบจากคนในละแวกนั้นว่าคนร้ายถูกรถชนเสียชีวิตตนจึงรีบเดินทางมาดูโดยก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาตนได้ถูก นายสมควร ใช้อาวุธมีดและปืนจี้ชิงทรัพย์สินจากตนเองไปจำนวนหลายครั้ง พร้อมกับขู่ว่า ถ้าแจ้งความก็จะกลับมาทำร้ายครอบครัวของตนเอง จึงไม่กล้าแจ้งความ นายสมควร จึงได้ใจ คอยดักมาจี้ชิงทรัพย์ ชาวบ้านในย่านนี้อยู่เป็นประจำ และคนแถวนี้มักจะพูดว่าหลังก่อเหตุก็จะกลับเข้าไปในกรมทหารทุกครั้ง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่า นายสมควรยังรับราชการอยู่จริงหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ ผกก.สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า จากการสอบประวัติผู้ตาย พบว่า ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร ซึ่งจะคอยดักชิงทรัพย์ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว และบางครั้งก็จะมีการแอบอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นจะได้สอบประวัติคนร้ายว่า เคยก่อเหตุที่ใดบ้าง ส่วนผู้เสียหายที่ขับรถชนคนร้ายนั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่
นักธุรกิจหนุ่มฉุนถูกจี้ชิงทรัพย์ แค้นขับตามชน คนร้ายดับอนาถ
http://www.dailynews.co.th/Content/crime/236178/
เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 9 พ.ค. พ.ต.ท.พงศักด์ การรัตน์ พงส.ผนพ.สน.ลาดพร้าว ได้รับแจ้งเหตุ รถยนต์เสียหลักพุ่งชนเข้าไปในอาคารพานิชย์เลขที่ 1030 ซอยนวมินทร์ 14 แยก 3 แขวงคลองจั่นเขตบางกะปิ กทม. มีผู้เสียชีวิต จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ ผกก.สน.ลาดพร้าว พ.ต.ต.ธานี จิตรธรรม สว.สส. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ในที่เกิดเป็นอาคารสูง 3 ชั้น 2 คูหา เปิดเป็นร้ายขายของชำบริเวณชั้นล่าง พบรถยนต์บีเอ็มดับบลิว รุ่น x1 สีขาว หมายเลขทะเบียน ฆว 938 กรุงเทพมหานคร เสียหลักพุ่งชนเข้ามาในตัวอาคาร สภาพด้านหน้าพังยับ ข้าวของในร้านกระจัดกระจาย ใกล้กับพบจยย.ฮอนด้ารุ่นคลิก 125สีแดง-ดำหมายเลขทะเบียน อฬบ 6กทม.อยู่ในสภาพโดนชนเสียหายพังยับเช่นเดียวกัน ห่างไปเล็กน้อยพบศพ นายสมควร ไทยเดชา หรือ บอล อายุ 34ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/269 ซอยพระยาสุเรนทร์ 9 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. สวมเสื้อยืดสีเขียวสกรีนตัวอักษรสีขาวที่หน้าอกว่า“กองทัพบก” สวมเสื้อคลุมสีดำปักตัวอักษรสีเหลืองที่หน้าอกด้ายซ้ายคำว่า “คณะกรรมมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐสภาผู้แทนราษฎร นพ.เหวงโตจิราการ” ใส่กางเกงลายพรางทหาร รองเท้าผ้าใบสีดำ ตรวจสอบพบบาดแผลที่ศรีษะฉีกขาด จนเห็นกะโหลก แขนขาหักผิดรูป นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าสะพายสีดำ ตกอยู่ติดกับข้างศพ
สอบสวน นายทวิช กิตนิยม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/3 หมู่ที่ 2แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอก กทม. อาชีพธุรกิจส่วนตัว กล่าวว่า ได้ขับรถบีเอ็มดับบลิวคันดังกล่าว มาตามถนนลาดพร้าวเมื่อมาถึงจุดกลับรถหน้าปากซอยลาดพร้าว 130 ตน จึงได้จอดรอเพื่อจะกลับรถ ต่อมาได้มีคนร้ายขับจยย.เข้ามาจอดด้านข้างของตนก่อนจะเคาะกระจกเรียกตน นึกว่าเป็นคนมาถามทางจึงลดกระจกลง เมื่อได้จังหวะคนร้ายก็ชกเข้ามาที่ใบหน้าตนหลายครั้ง พร้อมกับชักอาวุธมีดออกมาจี้ ขู่ว่าจะทำร้ายถ้าไม่ส่งทรัพย์สินหรือของมีค่าออกมาให้หมด ด้วยความกลัวตนจึงรีบหยิบกระเป๋าสะพายที่มีเงินและโทรศัพท์ส่งให้คนร้ายไปก่อนที่คนร้ายจะขับจยย.หนีไปเมื่อตนตั้งสติได้จึงขับรถตามโดยหวังว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านมา
นายทวิช กล่าวต่อว่า จนกระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุ เป็นทางสามแยกคนร้ายได้พยายามหักรถเลี้ยวกะทันหัน เพื่อจะหลบหนีด้วยความที่ตนขับมาเร็วมากจึงเบรกไม่อยู่ ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนรถคนร้าย ก่อนจะพุ่งไปเข้าไปในร้ายขายของชำดังกล่าว เมื่อลงมาดูก็เห็นคนร้ายนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ตนจึงรีบโทรตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
ขณะที่ น.ส.เอ(นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ผู้เสียหายรายหนึ่ง กล่าวว่าภายหลังทราบจากคนในละแวกนั้นว่าคนร้ายถูกรถชนเสียชีวิตตนจึงรีบเดินทางมาดูโดยก่อนหน้านี้เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาตนได้ถูก นายสมควร ใช้อาวุธมีดและปืนจี้ชิงทรัพย์สินจากตนเองไปจำนวนหลายครั้ง พร้อมกับขู่ว่า ถ้าแจ้งความก็จะกลับมาทำร้ายครอบครัวของตนเอง จึงไม่กล้าแจ้งความ นายสมควร จึงได้ใจ คอยดักมาจี้ชิงทรัพย์ ชาวบ้านในย่านนี้อยู่เป็นประจำ และคนแถวนี้มักจะพูดว่าหลังก่อเหตุก็จะกลับเข้าไปในกรมทหารทุกครั้ง ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่า นายสมควรยังรับราชการอยู่จริงหรือไม่
ด้าน พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ ผกก.สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า จากการสอบประวัติผู้ตาย พบว่า ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร ซึ่งจะคอยดักชิงทรัพย์ชาวบ้านในละแวกดังกล่าว และบางครั้งก็จะมีการแอบอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นจะได้สอบประวัติคนร้ายว่า เคยก่อเหตุที่ใดบ้าง ส่วนผู้เสียหายที่ขับรถชนคนร้ายนั้น อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่