Forza 300 กรุงเทพ-หัวหิน ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/32005367
ในตอนที่ 1 เป็นเรื่องการท่องเที่ยวของผมกับเพื่อนจากกรุงเทพฯ ไปแวะพักร้านกาแฟแบบ Western Cowboy ที่เพชรบุรี แล้วไปพบลุงใจดีที่เขาวัง ตามด้วยเรื่องราวงานอนุรักษ์หัวหินของแฟนพันธุ์แท้หัวหิน ไม่ว่าจะเป็น "ปลา กะ ป๋อง" สองล้อ "ลอง ของ ขลัง" "ผีพุงไต้" และแวะพักทานก๋วยเตี๋ยว "ยอง ยอง ซด"
ตามกันต่อในตอนที่ 2 นะครับ
"รถราง" ฝันคนหัวหินครับ
ในภาพอาจารย์ดนัย ถัดมาเป็นคุณเบียร์ แฟนพันธุ์แท้หัวหิน ส่วนภาพที่สองผมเองครับ - 555
ผมและเพื่อนได้มีโอกาสโดยสารรถรางสายประวัติศาสตร์ครั้งแรก ในรอบปฐมฤกษ์นี้มีกลุ่มสื่อมวลชนและผู้บริหารการรถไฟไปพร้อมกับผมและเพื่อนด้วย รถรางสองคันจะพาเราวนรอบเมืองหัวหินโดยคันที่ผมนั่งมีอาจารย์ดนัย เป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องเมืองหัวหินครับ เส้นทางรถรางจะวิ่งออกจากสถานีรถไฟหัวหิน เข้าสู่ ถนนดำเนินเกษม เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรกษม ผ่านตลาดฉัตร์ไชย ผ่านแยกไฟแดงแล้วก็เลี้ยวขวาเข้าถนนชมสินธุ์ มุ่งตรงไปสะพานปลาหัวหิน แล้วเลี้ยวขวา เขาถนนนเรศดำริห์ ตรงไปทางศาลเจ้าแม่ทับทิม เข้าถนนดำเนินเกษมอีกครั้ง ผ่านโรงแรมรถไฟ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนพูนสุข พอถึงสี่แยกฟ้าผ่า ก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเดชานุชิต ตรงไปแล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนแนบเคหาสน์ จอดแวะพักที่วัดหัวหิน จากนั้นก็ตรงไปเข้าถนนเพชรเกษมอีกครั้ง เข้าถนนดำเนินเกษมเพื่อย้อนกลับมาที่สถานีรถไฟ เป็นอันสิ้นสุดเส้นทาง อ่านอาจจะงง โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้อยู่หัวหิน เลยเอาแผนที่เส้นทางรถรางมาให้ดูกันครับ
ระหว่างทางก็ได้เรียนรู้เรื่องราวของหัวหินจากอาจารย์ดนัยมากมายครับ
เมืองหัวหินนั้นได้ตั้งขึ้นเป็นชุมชนประมาณปี พ.ศ. 2377 ในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งชาวบ้านตอนนั้นเป็นคนที่อพยพมาจาก บ้านบางจาน และ บ้านบางแก้ว ในจังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากหากินฝืดเคือง ซึ่งเมื่อล่องใต้ก็มาเจอพื้นที่ที่เป็นอำเภอหัวหินในปัจจุบัน แต่หัวหินนั้นมีชื่อเรียกหลายชื่อครับเช่น สมอเรียง สมอหิน แหลมหิน บ้านหินเรียง เป็นต้น กลุ่มผู้อพยพรุ่นแรกที่มีชื่อในบันทึกก็คือ นายวัดกับนางแก้ว นายทองกับนางอยู่ ซึ่งต่อมาผู้อพยพรุ่นแรกก็กลายมาเป็นบรรพชนในกลุ่มต้นตระกูลของชาวหัวหิน 4 ตระกูล ตามที่บันทึกไว้ก็มี ตระกูล กระแสสินธุ์ ชูตระกูล เทียมทัด และ วัดขนาด ครับ
ในปีพ.ศ. 2445 ในหลวงรัชกาลที่ 5 ก็ทรงมีพระราชดำริให้ตัดทางรถไฟสายใต้ ซึ่งผ่านชุมชนแห่งนี้ หลังเปิดใช้งาน ได้มีพระบรมวงศานุวงค์และเจ้านายจากกรุงเทพเดินทางผักผ่อนกันที่บ้านสมอเรียงกันมากมาย โดยการเชิญชวนของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ ซึ่งก็ได้เสด็จมาสร้างตำหนักที่บ้านสมอเรียงเป็นพระองค์แรก และกลุ่มบ้านในพระตำหนักก็มีชื่อเรียกต่างๆ และมีอยู่หมู่หนึ่งเรียกว่า "หัวหิน" ซึ่งต่อมาก็ได้ถูกเรียกขานจากชาวบ้านสมอเรียงจนกลายเป็นชื่อสามัญว่าเมือง "หัวหิน"
ภาพจาก King Prajadhipok Study
http://kingprajadhipokstudy.blogspot.com/2013/05/blog-post.html?view=timeslide
การเดินทางด้วยรถรางในครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้จักเมืองหัวหินมากขึ้น ทุกเส้นทางที่รถรางผ่านได้เห็นร่องรอยประวัติศาสตร์และเรื่องราวของเมือง และเข้าใจถึงคุณค่าที่กำลังเลือนหายไปกับความศิวิไลซ์ที่สังคมเมืองใหญ่กำลังกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เมืองหัวหินแห่งนี้ ... "คุณค่าบางทีก็ไม่ใช่แค่สิ่งตาที่มองเห็น แต่คุณค่าที่เกิดของผมมันแฝงอยู่ในการรับรู้และเข้าใจกับสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม"
รถรางพาผมย้อนกลับมาที่ชานชลาสถานีรถไฟเพื่อเข้าร่วมในงาน "สถานีหัวหิน ความทรงจำแห่งรัก" (Hua-Hin Station of Love) ตื่นเต้นครับเพราะงานนี้เป็นกาลาดินเนอร์ที่เค้าแต่งตัวกันสวยๆ แต่ผมมีแต่ชุดที่ใช้ขี่มอเตอร์ไซค์ กางเกงยีนส์ และเสื้อยืดของมหาวิทยาลัยมหิดล แค่นั้น แต่เอาน่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมจะไปร่วมงานหละ
ก่อนตะวันลับฟ้า บนชานชลาก็เจอแหม่มคนนึงยืนรอรถไฟอยู่ ท่าเธอนั่งบนกระเป๋ายังกับภาพในหนังเลยครับ ผมยังจับภาพได้ไม่สวย แต่ถ้าเห็นกับตาและเป็น Scene ในหนังอย่างไรอย่างนั้น
ในงานวันนี้เขาเปิดพลับพลาพระมงกุฏเกล้าให้ชมด้วยครับ ในพลับพลามีรูปเก่าๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถมาแสดง เป็นภาพในพระอิริยบทต่างๆ หลายองค์ และที่สำคัญคือที่นี่เป็นที่ฮันนีมูนของทั้งสองพระองค์ครับ
บรรยากาศในงานก็เป็นเรื่องราวของความสุข ที่ได้ผ่านเยี่ยมสถานีรถไฟแห่งนี้ พร้อมกับการบรรเพลงพระราชนิพนธ์ด้วยท่วงทำนอง Jazz จนดึกครับ เอาภาพมาให้ชมกันครับ
ภาพจาก FB กลุ่มกะตอยรักษ์หัวหิน
นอกจากนี้ยังมีการประมูลภาพวาดที่ชื่อว่า "หุ่นนิ่ง" ของอาจารย์ทวี เกษางาม แห่งหมู่บ้านศิลปินหัวหิน เพื่อหาทุนให้กลุ่มกระตอยรัก(ษ์)หัวหินไปดำเนินกิจกรรมต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือ โครงการ "ยุวมัคคุเทศก์" พร้อมทั้งประมูลภาพถ่ายรวมพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถเมื่อเสด็จมาที่หัวหินด้วยครับ
ภาพจาก FB กลุ่มกะตอยรักษ์หัวหินด้านซ้ายเป็นอาจารย์ทวี เกษางาม กำลังมอบภาพให้ท่านประสงค์ โกมุก นายสถานีรถไฟหัวหินครับ
ท้ายสุดได้ Certificate กลับมาเป็นที่ระลึกกับความทรงจำของสถานีแห่งรักนี้ด้วยครับ
ภาพจาก FB กลุ่มกะตอยรักษ์หัวหิน
ค่ำคืนอันสุนทรีย์ผ่านไป หวังว่ากะตอยคงจะมีเงินทุนเป็นแรงสนับสนุนในการอนุรักษ์หัวหิน และดำเนินโครงการ "ยุวมัคคุเทศก์" ให้เป็นความจริง รวมถึงมีรถรางให้เราทุกคนได้นั่งกันชมเมืองหัวหินกันนะครับ...ทำฝันให้เป็นจริง...ไว...ไว...ด้วยนะ
พรุ่งนี้ผมกับเพื่อนจะไปถ้ำเขาเต่ากันครับ ตามอ่านละกันครับ
[CR] Forza 300 กรุงเทพ-หัวหิน ตอนที่2
http://ppantip.com/topic/32005367
ในตอนที่ 1 เป็นเรื่องการท่องเที่ยวของผมกับเพื่อนจากกรุงเทพฯ ไปแวะพักร้านกาแฟแบบ Western Cowboy ที่เพชรบุรี แล้วไปพบลุงใจดีที่เขาวัง ตามด้วยเรื่องราวงานอนุรักษ์หัวหินของแฟนพันธุ์แท้หัวหิน ไม่ว่าจะเป็น "ปลา กะ ป๋อง" สองล้อ "ลอง ของ ขลัง" "ผีพุงไต้" และแวะพักทานก๋วยเตี๋ยว "ยอง ยอง ซด"
ตามกันต่อในตอนที่ 2 นะครับ
"รถราง" ฝันคนหัวหินครับ
ในภาพอาจารย์ดนัย ถัดมาเป็นคุณเบียร์ แฟนพันธุ์แท้หัวหิน ส่วนภาพที่สองผมเองครับ - 555
ผมและเพื่อนได้มีโอกาสโดยสารรถรางสายประวัติศาสตร์ครั้งแรก ในรอบปฐมฤกษ์นี้มีกลุ่มสื่อมวลชนและผู้บริหารการรถไฟไปพร้อมกับผมและเพื่อนด้วย รถรางสองคันจะพาเราวนรอบเมืองหัวหินโดยคันที่ผมนั่งมีอาจารย์ดนัย เป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องเมืองหัวหินครับ เส้นทางรถรางจะวิ่งออกจากสถานีรถไฟหัวหิน เข้าสู่ ถนนดำเนินเกษม เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรกษม ผ่านตลาดฉัตร์ไชย ผ่านแยกไฟแดงแล้วก็เลี้ยวขวาเข้าถนนชมสินธุ์ มุ่งตรงไปสะพานปลาหัวหิน แล้วเลี้ยวขวา เขาถนนนเรศดำริห์ ตรงไปทางศาลเจ้าแม่ทับทิม เข้าถนนดำเนินเกษมอีกครั้ง ผ่านโรงแรมรถไฟ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนพูนสุข พอถึงสี่แยกฟ้าผ่า ก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเดชานุชิต ตรงไปแล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนแนบเคหาสน์ จอดแวะพักที่วัดหัวหิน จากนั้นก็ตรงไปเข้าถนนเพชรเกษมอีกครั้ง เข้าถนนดำเนินเกษมเพื่อย้อนกลับมาที่สถานีรถไฟ เป็นอันสิ้นสุดเส้นทาง อ่านอาจจะงง โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้อยู่หัวหิน เลยเอาแผนที่เส้นทางรถรางมาให้ดูกันครับ
ระหว่างทางก็ได้เรียนรู้เรื่องราวของหัวหินจากอาจารย์ดนัยมากมายครับ
เมืองหัวหินนั้นได้ตั้งขึ้นเป็นชุมชนประมาณปี พ.ศ. 2377 ในสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งชาวบ้านตอนนั้นเป็นคนที่อพยพมาจาก บ้านบางจาน และ บ้านบางแก้ว ในจังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากหากินฝืดเคือง ซึ่งเมื่อล่องใต้ก็มาเจอพื้นที่ที่เป็นอำเภอหัวหินในปัจจุบัน แต่หัวหินนั้นมีชื่อเรียกหลายชื่อครับเช่น สมอเรียง สมอหิน แหลมหิน บ้านหินเรียง เป็นต้น กลุ่มผู้อพยพรุ่นแรกที่มีชื่อในบันทึกก็คือ นายวัดกับนางแก้ว นายทองกับนางอยู่ ซึ่งต่อมาผู้อพยพรุ่นแรกก็กลายมาเป็นบรรพชนในกลุ่มต้นตระกูลของชาวหัวหิน 4 ตระกูล ตามที่บันทึกไว้ก็มี ตระกูล กระแสสินธุ์ ชูตระกูล เทียมทัด และ วัดขนาด ครับ
ในปีพ.ศ. 2445 ในหลวงรัชกาลที่ 5 ก็ทรงมีพระราชดำริให้ตัดทางรถไฟสายใต้ ซึ่งผ่านชุมชนแห่งนี้ หลังเปิดใช้งาน ได้มีพระบรมวงศานุวงค์และเจ้านายจากกรุงเทพเดินทางผักผ่อนกันที่บ้านสมอเรียงกันมากมาย โดยการเชิญชวนของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศวรฤทธิ์ ซึ่งก็ได้เสด็จมาสร้างตำหนักที่บ้านสมอเรียงเป็นพระองค์แรก และกลุ่มบ้านในพระตำหนักก็มีชื่อเรียกต่างๆ และมีอยู่หมู่หนึ่งเรียกว่า "หัวหิน" ซึ่งต่อมาก็ได้ถูกเรียกขานจากชาวบ้านสมอเรียงจนกลายเป็นชื่อสามัญว่าเมือง "หัวหิน"
ภาพจาก King Prajadhipok Study
http://kingprajadhipokstudy.blogspot.com/2013/05/blog-post.html?view=timeslide
การเดินทางด้วยรถรางในครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้จักเมืองหัวหินมากขึ้น ทุกเส้นทางที่รถรางผ่านได้เห็นร่องรอยประวัติศาสตร์และเรื่องราวของเมือง และเข้าใจถึงคุณค่าที่กำลังเลือนหายไปกับความศิวิไลซ์ที่สังคมเมืองใหญ่กำลังกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เมืองหัวหินแห่งนี้ ... "คุณค่าบางทีก็ไม่ใช่แค่สิ่งตาที่มองเห็น แต่คุณค่าที่เกิดของผมมันแฝงอยู่ในการรับรู้และเข้าใจกับสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม"
รถรางพาผมย้อนกลับมาที่ชานชลาสถานีรถไฟเพื่อเข้าร่วมในงาน "สถานีหัวหิน ความทรงจำแห่งรัก" (Hua-Hin Station of Love) ตื่นเต้นครับเพราะงานนี้เป็นกาลาดินเนอร์ที่เค้าแต่งตัวกันสวยๆ แต่ผมมีแต่ชุดที่ใช้ขี่มอเตอร์ไซค์ กางเกงยีนส์ และเสื้อยืดของมหาวิทยาลัยมหิดล แค่นั้น แต่เอาน่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วผมจะไปร่วมงานหละ
ก่อนตะวันลับฟ้า บนชานชลาก็เจอแหม่มคนนึงยืนรอรถไฟอยู่ ท่าเธอนั่งบนกระเป๋ายังกับภาพในหนังเลยครับ ผมยังจับภาพได้ไม่สวย แต่ถ้าเห็นกับตาและเป็น Scene ในหนังอย่างไรอย่างนั้น
ในงานวันนี้เขาเปิดพลับพลาพระมงกุฏเกล้าให้ชมด้วยครับ ในพลับพลามีรูปเก่าๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถมาแสดง เป็นภาพในพระอิริยบทต่างๆ หลายองค์ และที่สำคัญคือที่นี่เป็นที่ฮันนีมูนของทั้งสองพระองค์ครับ
บรรยากาศในงานก็เป็นเรื่องราวของความสุข ที่ได้ผ่านเยี่ยมสถานีรถไฟแห่งนี้ พร้อมกับการบรรเพลงพระราชนิพนธ์ด้วยท่วงทำนอง Jazz จนดึกครับ เอาภาพมาให้ชมกันครับ
ภาพจาก FB กลุ่มกะตอยรักษ์หัวหิน
นอกจากนี้ยังมีการประมูลภาพวาดที่ชื่อว่า "หุ่นนิ่ง" ของอาจารย์ทวี เกษางาม แห่งหมู่บ้านศิลปินหัวหิน เพื่อหาทุนให้กลุ่มกระตอยรัก(ษ์)หัวหินไปดำเนินกิจกรรมต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือ โครงการ "ยุวมัคคุเทศก์" พร้อมทั้งประมูลภาพถ่ายรวมพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถเมื่อเสด็จมาที่หัวหินด้วยครับ
ภาพจาก FB กลุ่มกะตอยรักษ์หัวหินด้านซ้ายเป็นอาจารย์ทวี เกษางาม กำลังมอบภาพให้ท่านประสงค์ โกมุก นายสถานีรถไฟหัวหินครับ
ท้ายสุดได้ Certificate กลับมาเป็นที่ระลึกกับความทรงจำของสถานีแห่งรักนี้ด้วยครับ
ภาพจาก FB กลุ่มกะตอยรักษ์หัวหิน
ค่ำคืนอันสุนทรีย์ผ่านไป หวังว่ากะตอยคงจะมีเงินทุนเป็นแรงสนับสนุนในการอนุรักษ์หัวหิน และดำเนินโครงการ "ยุวมัคคุเทศก์" ให้เป็นความจริง รวมถึงมีรถรางให้เราทุกคนได้นั่งกันชมเมืองหัวหินกันนะครับ...ทำฝันให้เป็นจริง...ไว...ไว...ด้วยนะ
พรุ่งนี้ผมกับเพื่อนจะไปถ้ำเขาเต่ากันครับ ตามอ่านละกันครับ