การที่เราเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าของตัวเอง เราคือแกะดำ

ผมเป็นข้าราชการมา 7 ปี  กล้าสาบานเลยว่าไม่เคยรับเงินสินบน เงินเปอร์เซ็นต์ใดๆทั้งสิน


มาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  หากใครตามข่าว  มีข้าราชการบางหน่วยงาน

ไปเรียกร้องสิทธิ คำสัญญาจากรัฐมนตรี เรื่อง ขอเงินสิทธิประโยชน์ตอบแทนอื่น(โบนัส)

ไปขอร้องแกมบังคับให้เซ็น

ที่ทำงานชวนผมไปร่วมด้วย ผมปฏิเสธ   เขาก็เลยพูดแDกผม ประมาณว่า

ทีให้ไปเรียกร้องไม่ไป  แต่พอได้ก็เอา


ทั้งที่ความเป็นจริง ผมไม่ได้ขี้เกียจไป แต่ที่ผมไม่ไปเพราะผมละอาย การขอเงินโบนัส

คิดว่า หน่วยงานหนึ่งๆต้องจ่ายเท่าไร  อย่าง อบตเล็กๆ ข้าราชการสัก 10 คน (จ่ายโบนัส 3 เท่า) เฉลี่ยก็ 500000 บาท

แล้วหน่วยงานใหญ่ๆ เช่น อบตใหญ่ๆ เทศบาลใหญ่ๆล่ะ จะต้องจ่ายเท่าไร


จ่ายเงินนอกจากเงินเดือนที่เราได้ บางคนได้ค่าเช่าบ้านทั้งที่ไม่ได้เช่า บางคนได้เงินเปอร์เซ็นต์

แล้วไปเรียกร้องเงินที่มาจากภาษีประชาชนทั้งนั้น  ไม่รู้ว่าจิตใจทำด้วยอะไร

แต่ละคนเห็นดีเห็นงามไปหมด  ทั้งที่เงินที่นำมาจ่าย ก็คือเงินของ อบต เทศบาล เอง


เช่น งบ 20 ล้าน ต้องแบ่งมาจ่ายโบนัสซะ 5 แสน ไหนจะเงินเดือน

ไหนจะค่าเช่าบ้าน ไหนจะการศึกษาบุตร รักษาพยาบาล ไหนจะศึกษาดูงาน(เที่ยวฟรี)

ไหนจะค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์  ค่าเน็ต ของหน่วยงาน  คิดว่า งบ 20 ล้าน จะเหลือพัฒนาให้ชาวบ้านเท่าไรกัน



ที่พิมพ์มาทั้งหมดไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนดี  เพียงแต่ผมละอายในเรื่องแบบนี้

มันเหมือนเอาเปรียบประเทศไทยเกินไป  


ผมต่อต้าน ก็บอกผมแกะดำ  เฮ้อ..ขอระบาย

เพราะผมระบายให้ใครฟังไม่ได้ แม้แต่ใน FB

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เป็นแกะดำ มันไม่ดีหรือไง

แล้วถ้าได้ สิ่งที่ไปเรียกร้องกัน จริง ๆ คุณจะเอาไหม ด้วยเหตุผลอะไรเหรอ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 35
พ่อเราเคยเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองตั้งแต่สมัยยังไม่มีอบต. เป็นจนเกษียณอายุตอน60
เป็นมาหลายสิบปี รับเงินเดือนสมัยนั้นตั้งแต่ 6พันกว่าๆจนถึง 8พัน ไม่เคยกินเล็กกินน้อย เป็นคนที่ซื่อสัตย์จนเรานับถือ
สมัยนั้นจะทำอะไรสร้างอะไรต้องผ่านพ่อ ของอะไรที่เป็นของใช้ส่วนรวมจะเอามาเก็บที่บ้านก็ได้ไม่มีใครว่า
แต่พ่อเราเลือกให้เอาไปเก็บที่วัด ใครจะใช้อะไรไปเบิกเอาที่วัด คนไปยืมจะได้รู้สึกละอายและกลัวต่อบาปถ้าคิดจะยืมแล้วไม่คืน

หมู่บ้านอื่นทำโครงการของบกันโครมๆ สร้างถนนสร้างอะไร  หมู่บ้านพ่อเรานานๆจะของบที เอาแต่เรื่องที่จำเป็นจริงๆ
ขนาดสร้างถนนยังของบแค่ค่าของ ค่าแรงไม่ต้อง เอาลูกบ้านนั่นล่ะมาทำ พ่อเราก็ไปทำกับเขาด้วย แต่ละบ้านก็ทำข้าวทำอาหารเลี้ยง
สมัยนั้นก็อยู่กันได้นะคะ อยู่กันง่ายๆ ป่านนั้นก็ยังมีคนทำใบปลิวโจมตีและขู่ กล่าวหาว่าพ่อเราโกงนั่นนี่ จะเอาพ่อเราพ้นจากตำแหน่งให้ได้
ทำใบปลิวส่งไปทั่ว ส่งไปแม้กระทั่งโรงเรียนเรา เรายังเด็กอยู่ก็ต้องระวังตัวกลัวว่าเขาจะมาทำอะไร รู้ว่าทางนั้นอยากได้ตำแหน่งจากพ่อเรา

เรายังคิดเลยจะอยากเป็นไปทำไม เงินก็น้อยงานก็เยอะ ตี2ตี3บางทีลูกบ้านก็มาปลุก ไม่มีวันไหนได้อยู่แบบไม่มีงาน
เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องทำ ตอนนั้นภาพที่เราจำได้คือ คนในหมู่บ้านโกรธกันมากๆที่มีใบปลิวออกมาโจมตีพ่อ
บางคนนักเลงใจร้อนถือใบปลิวมาบอกว่าจะไปเอาเรื่องให้ ยอมไม่ได้ที่มาใส่ร้ายแบบนี้ พ่อเราได้แต่เฉยไม่เอาเรื่องใคร ทำงานต่อไป
คนที่ทำใบปลิวขอพบผู้ว่าแกล้งเอาใบปลิวให้ดูกะให้เด้งพ่อเราเต็มที่ แต่ผู้ว่าก็เฉยยิ้มน้อยๆบอกว่ารู้จักพ่อเราดีว่าพ่อเราเป็นคนที่ตงฉินแค่ไหน
เรื่องนี้หน้าห้องผู้ว่ามาเล่าให้ข้าราชการคนอื่นฟัง

ตอนนั้นเราก็รู้สึกแย่นะ เรื่องมันเครียดมาก มีข่าวว่าทางนั้นจะยิงพ่อเรารึยิงคนในครอบครัว มีชม.หนึ่งเรียนวิชาการปกครองอยู่
พูดถึงเรื่องทุจริตของข้าราชการในท้องถิ่น อ.ที่สอนก็พูดๆไปแล้วหันมาทางเราแล้วบอกว่า แต่พ่อเธอเป็นคนดีมาก เป็นคนที่ไม่เบียดเบียนใคร
ใจซื่อมือสะอาด ไม่เคยกินเล็กกินน้อยแบบคนอื่น  ได้ฟังแค่นี้ใจเราลอยขึ้นสูงเลยค่ะ เหมือนว่าทุกสิ่งที่พ่อเราทำมันสะท้อนกลับมาเป็นความชื่นชม
แม้เราจะไม่ได้รวยแบบคนอื่น  แต่เราก็มั่นใจว่าบ้านที่อยู่ข้าวที่กินเงินที่ส่งเราเรียนเป็นเงินบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปโกงใครเขามา เราภูมิใจในตัวพ่อเรามาก
ตอนเกษียณ ลูกบ้านพากันจัดงานผูกแขน คนแก่มาให้ศีลให้พร แม้แต่ป้าเรายังออกปากว่า เพราะพ่อเป็นคนแบบนี้ใครๆเขาถึงเต็มใจที่จะยกย่อง

ปัจจุบันพ่อเราก็เป็นคนแก่ๆคนหนึ่ง ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายตามอัตรภาพ ชีวิตมันก็เท่านี้ค่ะ อยู่ไปตามกำลัง ไม่คดโกงใคร ไม่มีชนักปักหลัง
เวลาบอกสอนลูกหลานให้เป็นคนดีให้ซื่อสัตย์ก็พูดได้เต็มปาก  ใครที่ไหนก็ขุดคุ้ยเรื่องไม่ดีไม่ได้ มันไม่มีให้ขุด ลูกๆเห็นตัวอย่างที่ดี
ก็ไม่มีใครออกนอกลู่นอกทาง ตอนเราอายุ18และจะออกจากบ้านมาเรียน พ่อเราบอกว่าอยู่ที่ไหนให้ทำตัวให้ดี ต้องเป็นคนซื่อสัตย์
อย่าไปลักเล็กขโมยใครกิน อย่าเอาเปรียบใคร เราก็เชื่อและทำตามที่พ่อบอกมาตลอด

สำหรับคุณทำไปเลยค่ะความดี  ไม่ต้องสนว่าใครจะมองจะว่ายังไง เอาตัวเองให้ดีให้รอด อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุงมันไม่คุ้ม
เพราะคนดีมักไม่มีอิทธิพล  แต่คนเราทำอะไรก็จะได้รับผลเช่นนั้น มีชีวิตอยู่อย่างสบายใจจนบั้นปลาย ดีกว่าต้องมานั่งทุกข์นึกถึงสิ่งที่ไม่ดี
ในช่วงท้ายๆของชีวิต  เรารู้จักข้าราชการตำรวจหลายคน ทุกคนที่เรารู้จักล้วนแต่เป็นคนดี ทำหน้าที่ตัวเองสุดกำลัง แต่คนพวกนี้เหมือนเป็นแค่เงา
มักไม่มีคนมองเห็นค่าในสิ่งที่ทำ เพราะไม่เลียไม่เอาหน้า  แต่อยากให้คุณรู้ไว้ คุณไม่ใช่แกะดำคนเดียว ยังมีคนอีกหลายคนที่เป็นแกะดำ
ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดนะคะ ชื่นชมคุณที่คิดดีและทำดีค่ะ
ความคิดเห็นที่ 15
มีเรื่องเล่าบ้างครับ

เป็นเรื่องจริง แต่อยากให้คิดเสียว่ามันเป็นเรื่องเล่า...

นาย กอ เป็นข้าราชการย้ายมาใหม่
นาย ขอ เป็นลูกน้องนาย กอ ทำงานมานานแล้ว
นาย งง เป็นกำนัน
เสี่ย เส็ง เป็นเจ้าของโรงเลื่อย แถวนั้น

นาย กอ สั่งให้ปราบปรามพวกตัดไม้ นายขอ กับกำนัน ทำตามคำสั่ง ออกปราบปรามจับกุม
เสี่ยเส็ง ส่งรถป้ายแดงมาให้ 1 คัน ตราดาว บอกให้นาย กอ รับไว้แล้วจบเรื่อง
นายกอ ไม่ยอม เดินหน้าจับ
วันต่อมา กำนันถูกยิงตาย วันต่อๆมา นายขอ ถูกลอบยิงตาย
วันต่อๆมา มี รถป้ายแดงตราดาวคันเดิม มาจอด บนหลังคาวางของไว้สองอย่าง

กุญแจรถ 1 ชุด
กับ ซองสีขาว ในซอง มีลูกปืน 1 ลูก

คุณว่านายกอ เลือกอะไร

ตอบ เลือกขอย้ายหนีครับ จบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่