[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนที่ทำงาน กับ เรียนอยู่ต่างประเทศ ชีวิตทุกวันนี้รายได้ค่าเเรง(ค่าครองชีพ) กับ ค่าไฟฟ้าที่จ่าย สัดส่วนเป็นไง ถือว่าเเพงไหม
แผนการแปรรูป กฟผ. ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1. การแปรรูปโครงสร้างกิจการไฟฟ้าของประเทศ และ 2. การแปรรูปองค์กร โดยการแปรรูปโครงสร้างกิจการไฟฟ้าของประเทศได้เริ่มกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยรัฐบาลได้ส่งเสริมให้มีการผลิตไฟฟ้าโดยเอกชนเพื่อขายให้กับ กฟผ. หรือโรงงานอุตสาหกรรมบริเวณใกล้เคียง ผู้ผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการส่งเสริมในช่วงนั้น เรียกว่า ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก หรือ เอสพีพี (Small Power Producer : SPP) ซึ่งคือการผลิตไฟฟ้าโดยระบบ cogeneration (คือไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน) หรือใช้พลังงานนอกรูปแบบ เช่น แกลบ ชานอ้อย วัสดุเหลือใช้ประเภทอื่นๆ เป็นเชื้อเพลิง เป็นต้น
เมื่อมีการส่งเสริม เอสพีพี แล้ว จึงเริ่มแปรรูปตัวองค์กร กฟผ. โดยได้มีการจัดตั้ง บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด หรือ เอ็กโก้ (Electricity Generating Company Limited : EGCO) ขึ้นมา เพื่อรับซื้อโรงไฟฟ้าระยอง ของ กฟผ. โดยในขั้นแรกเอ็กโก้ถือหุ้นโดย กฟผ. 100 % แล้วต่อมาก็ระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ ทำให้สัดส่วนหุ้นของ กฟผ. ในเอ็กโก้ลดลงเหลือ 48 % จากนั้นได้มีการขายโรงไฟฟ้าขนอมให้เอ็กโก้ ในการขายนั้นเอ็กโก้ได้ระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งที่ 2 ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ กฟผ. ในเอ็กโก้เหลือ 40 %
หลังจากนั้นก็ได้มีการส่งเสริมให้มีการผลิตไฟฟ้าโดยผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer : IPP) หรือ ไอพีพี โดยมีการออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าจากไอพีพีในเดือนธันวาคม 2537 โดยกำหนดให้ผู้สนใจยื่นข้อเสนอเข้ามาภายในปลายเดือนมิถุนายน 2538 ในการคัดเลือกไอพีพีนั้นใช้ระบบการประมูลแข่งขันโดยให้ความสำคัญกับราคาไฟฟ้าที่แต่ละบริษัทจะเสนอเข้ามาเป็นปัจจัยหลัก และมีการดำเนินการคัดเลือกอย่างโปร่งใส มีกติกาและกฎเกณฑ์การคัดเลือกที่ชัดเจน ทำให้ กฟผ. สามารถคัดเลือกไอพีพี ได้ 7 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะขายให้ กฟผ. 5,900 เมกกะวัตต์ ทำให้ กฟผ. รับซื้อไฟฟ้าจากไอพีพีในราคาที่ค่อนข้างต่ำ และต่ำกว่าราคาที่ กฟผ. จะสามารถผลิตไฟฟ้าเองหากไม่ซื้อไฟฟ้าจากไอพีพีทั้ง 7 ราย
หลังจากที่ได้มีการคัดเลือกไอพีพีแล้ว ก็ได้มีการดำเนินการลดการถือหุ้นของ กฟผ. ในเอ็กโก้ให้ต่ำกว่า 40 % เนื่องจาก กฟผ. ขาดสภาพคล่องทางการเงินจำเป็นที่จะต้องมีการระดมทุนจากภาคเอกชนโดยสรรหาพันธมิตรร่วมทุนเข้ามาถือหุ้นในเอ็กโก้ 20 % ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้น กฟผ. เหลือหุ้น 20 % ทั้งนี้ การถือหุ้นอีก 60 % เป็นการถือหุ้นโดยประชาชนในตลาดหลักทรัพย์
ตกลงเเปรรูปไปเเล้วใช่ไหม
แปรรูป กฟผ. แล้ว ค่าไฟฟ้าจะแพงขึ้นหรือไม่
หากมีการแปรรูปกิจการไฟฟ้าโดยส่งเสริมให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น เชื่อว่าค่าไฟฟ้าจะลดลงเมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีการแปรรูป เพราะในการเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขันในการผลิตไฟฟ้าจะใช้วิธีเปิดประมูลแข่งขัน ซึ่งผู้ลงทุนต่างๆ จะยื่นข้อเสนอทางด้านราคาเข้ามาแข่งขัน โดยที่ กฟผ. จะเปรียบเทียบค่าไฟฟ้าที่ผู้ลงทุนเสนอมากับค่าไฟฟ้าของ กฟผ. ในกรณีที่ กฟผ. ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอง แทนที่จะซื้อจากไอพีพี ซึ่งถ้าเอกชนเสนอเข้ามาสูงกว่าที่ กฟผ. จะทำเอง
กฟผ. ก็จะไม่รับซื้อ และจากผลการคัดเลือกไอพีพีในรอบที่ผ่านมา พบว่าอัตราค่าไฟฟ้าที่เอกชนเสนอเข้ามาและได้รับ การคัดเลือกนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าไฟฟ้าที่ กฟผ. ดำเนินการเอง
จึงเชื่อได้ว่าหากมีการแปรรูปแล้วค่าไฟฟ้าจะต่ำกว่าในกรณีที่มีการผูกขาด
หลอกลวงประชาชนหรือเปล่า ทุกวันนี้ใครรับกรรม ไม่เห็นเหมือนที่พูดเลยบอกประชาชนไม่ได้บอกเเบบนี้นิ
อย่างงี้ถือว่าเเปรรูปการไฟฟ้าหรือยัง
แผนการแปรรูป กฟผ. ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ 1. การแปรรูปโครงสร้างกิจการไฟฟ้าของประเทศ และ 2. การแปรรูปองค์กร โดยการแปรรูปโครงสร้างกิจการไฟฟ้าของประเทศได้เริ่มกำหนดเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยรัฐบาลได้ส่งเสริมให้มีการผลิตไฟฟ้าโดยเอกชนเพื่อขายให้กับ กฟผ. หรือโรงงานอุตสาหกรรมบริเวณใกล้เคียง ผู้ผลิตไฟฟ้าที่ได้รับการส่งเสริมในช่วงนั้น เรียกว่า ผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก หรือ เอสพีพี (Small Power Producer : SPP) ซึ่งคือการผลิตไฟฟ้าโดยระบบ cogeneration (คือไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน) หรือใช้พลังงานนอกรูปแบบ เช่น แกลบ ชานอ้อย วัสดุเหลือใช้ประเภทอื่นๆ เป็นเชื้อเพลิง เป็นต้น
เมื่อมีการส่งเสริม เอสพีพี แล้ว จึงเริ่มแปรรูปตัวองค์กร กฟผ. โดยได้มีการจัดตั้ง บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด หรือ เอ็กโก้ (Electricity Generating Company Limited : EGCO) ขึ้นมา เพื่อรับซื้อโรงไฟฟ้าระยอง ของ กฟผ. โดยในขั้นแรกเอ็กโก้ถือหุ้นโดย กฟผ. 100 % แล้วต่อมาก็ระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ ทำให้สัดส่วนหุ้นของ กฟผ. ในเอ็กโก้ลดลงเหลือ 48 % จากนั้นได้มีการขายโรงไฟฟ้าขนอมให้เอ็กโก้ ในการขายนั้นเอ็กโก้ได้ระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งที่ 2 ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของ กฟผ. ในเอ็กโก้เหลือ 40 %
หลังจากนั้นก็ได้มีการส่งเสริมให้มีการผลิตไฟฟ้าโดยผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer : IPP) หรือ ไอพีพี โดยมีการออกประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าจากไอพีพีในเดือนธันวาคม 2537 โดยกำหนดให้ผู้สนใจยื่นข้อเสนอเข้ามาภายในปลายเดือนมิถุนายน 2538 ในการคัดเลือกไอพีพีนั้นใช้ระบบการประมูลแข่งขันโดยให้ความสำคัญกับราคาไฟฟ้าที่แต่ละบริษัทจะเสนอเข้ามาเป็นปัจจัยหลัก และมีการดำเนินการคัดเลือกอย่างโปร่งใส มีกติกาและกฎเกณฑ์การคัดเลือกที่ชัดเจน ทำให้ กฟผ. สามารถคัดเลือกไอพีพี ได้ 7 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะขายให้ กฟผ. 5,900 เมกกะวัตต์ ทำให้ กฟผ. รับซื้อไฟฟ้าจากไอพีพีในราคาที่ค่อนข้างต่ำ และต่ำกว่าราคาที่ กฟผ. จะสามารถผลิตไฟฟ้าเองหากไม่ซื้อไฟฟ้าจากไอพีพีทั้ง 7 ราย
หลังจากที่ได้มีการคัดเลือกไอพีพีแล้ว ก็ได้มีการดำเนินการลดการถือหุ้นของ กฟผ. ในเอ็กโก้ให้ต่ำกว่า 40 % เนื่องจาก กฟผ. ขาดสภาพคล่องทางการเงินจำเป็นที่จะต้องมีการระดมทุนจากภาคเอกชนโดยสรรหาพันธมิตรร่วมทุนเข้ามาถือหุ้นในเอ็กโก้ 20 % ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้น กฟผ. เหลือหุ้น 20 % ทั้งนี้ การถือหุ้นอีก 60 % เป็นการถือหุ้นโดยประชาชนในตลาดหลักทรัพย์
ตกลงเเปรรูปไปเเล้วใช่ไหม
แปรรูป กฟผ. แล้ว ค่าไฟฟ้าจะแพงขึ้นหรือไม่
หากมีการแปรรูปกิจการไฟฟ้าโดยส่งเสริมให้มีการแข่งขันกันมากขึ้น เชื่อว่าค่าไฟฟ้าจะลดลงเมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีการแปรรูป เพราะในการเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขันในการผลิตไฟฟ้าจะใช้วิธีเปิดประมูลแข่งขัน ซึ่งผู้ลงทุนต่างๆ จะยื่นข้อเสนอทางด้านราคาเข้ามาแข่งขัน โดยที่ กฟผ. จะเปรียบเทียบค่าไฟฟ้าที่ผู้ลงทุนเสนอมากับค่าไฟฟ้าของ กฟผ. ในกรณีที่ กฟผ. ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเอง แทนที่จะซื้อจากไอพีพี ซึ่งถ้าเอกชนเสนอเข้ามาสูงกว่าที่ กฟผ. จะทำเอง
กฟผ. ก็จะไม่รับซื้อ และจากผลการคัดเลือกไอพีพีในรอบที่ผ่านมา พบว่าอัตราค่าไฟฟ้าที่เอกชนเสนอเข้ามาและได้รับ การคัดเลือกนั้นอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าไฟฟ้าที่ กฟผ. ดำเนินการเอง จึงเชื่อได้ว่าหากมีการแปรรูปแล้วค่าไฟฟ้าจะต่ำกว่าในกรณีที่มีการผูกขาด
หลอกลวงประชาชนหรือเปล่า ทุกวันนี้ใครรับกรรม ไม่เห็นเหมือนที่พูดเลยบอกประชาชนไม่ได้บอกเเบบนี้นิ