status facebook ว่าด้วยเรื่องของ "สุนัขทหารปลดประจำการ"

กระทู้สนทนา
พอดีเราเล่น facebook แล้วไปเจอเรื่องราวของสุนัขทหารปลดประจำการมา  เลยคิดถึงเรื่องราวของตัวเอง  กะว่าจะตั้งสั้น ๆ ดันมาซะยาวเลย  ฮ่าๆๆๆ
หิ้วมาเล่า + บ่น  ให้เพื่อน ๆ ในห้องจตุจักรฟังเลยแล้วกัน  

((เพิ่งตั้งกระทู้แรก  ผิดถูกยังไงช่วยแนะนำด้วยนะคะ ^^))

สเตตัสสืบเนื่องจากสเตตัสที่แชร์ไปปะกี๊
ว่าด้วยเรื่องของ "สุนัขทหารปลดประจำการ"
หมายเหตุ สเตตัสนี้มีความยาวเกิน 8 บรรทัด

สมัยที่ยังเป็นนิสิต Vettech (Veterinary Technology : เทคนิคการสัตวแพทย์) เคยมีช่วงสั้น ๆ ช่วงหนึ่งของชีวิต
ได้ไปคลุกคลีกับวงการหมาทหาร เพราะเลือกไปฝึกงานที่กองพันสุนัขทหารที่โคราช หรือเรียกสั้น ๆ ว่า War Dog เหตุผลแรกที่เลือกไปที่นี่
ง่าย ๆ เลย อยากเล่นลูกหมา ฮ่าๆๆๆ เพราะพี่ ๆ รุ่นก่อน ๆ ที่ไปฝึกเล่าให้ฟังว่า แกจะโดนมรสุมลูกหมาลาบาดอร์ อัลเซเชี่ยน ร็อตไวเลอร์
และโดเบอร์แมน รุมถล่มเลียหน้าแกทุกวัน >w<

พอไปฝึกงานจริง ๆ ถึงได้รู้ว่า กว่าหมาธรรมดา ๆ ตัวนึงจะกลายเป็นหมาทหารออกหน่วยทำงานได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เริ่มตั้งแต่พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ซึ่งทุกตัวนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ทั้งโครงสร้าง สีขน สายเลือด ทุกอย่างต้อง 100%
มีใบรับรองสายพันธุ์ทุกตัว สนนราคาตั้งแต่หกถึงเจ็ดหลัก อ่านไม่ผิดหรอก หกถึงเจ็ดหลักจริง ๆ อย่างร็อตไวเลอร์ตัวดำ ๆ ในรูป
ที่เพิ่งออกลูกคลานต้วมเตี้ยม ๆ นั่นหน่ะ ค่าตัวนาง 1,100,000 (อ่านว่า หนึ่ง-ล้าน-หนึ่ง-แสน) นะจ๊ะ TvT

พอแก๊งค์เด็ก ๆ โตซัก 5-6 เดือน จะต้องสอบเข้าอนุบาล ตัวไหนที่สีเพี้ยน โครงสร้างกระดูกไม่สมบูรณ์ หูไม่ตั้ง หางขาด ฉลาดไม่พอ
ก็ตกรอบแรก บางตัวก็โดนคัดไปจำหน่าย บางตัวกรรมการก็ให้โอกาสไปดามหูให้ตั้ง ไปเรียนพิเศษ แล้วมาสอบใหม่ พอครบขวบนึงก็สอบเข้าประถม
รอเปิดโรงเรียนฝึกเป็นขั้น ๆ ไป หน่วยที่เราไปฝึกจะคลุกคลีกะพ่อ-แม่พันธุ์กะแก๊งค์ลูกหมาเป็นส่วนใหญ่ เพราะช่วงที่ไปฝึกเป็นช่วง “ปิดเทอม”
ของโรงเรียนลูกหมาทหารพอดี ช่วงปิดเทอมตามความเข้าใจของเรา คือเป็นช่วงที่ลูกหมาโตไม่ทัน เพราะสถานการณ์บ้านเมืองอาจกำลังสงบ
เลยไม่จำเป็นต้องปั๊มลูกหมาออกมาเยอะ ๆ เพื่อฝึกเข้ารับราชการ (หรือไม่ก็บ้านเมืองวุ่นวาย จนผลิตออกไปรับใช้ชาติไม่ทัน TvT)

หมาทุกตัวใน War Dog จะถูกขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของราชการ ทั้งพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ ลูกหมา หมาอนุบาล ประถม มัธยม มหาลัย
โดยทุกตัวจะมีชื่อเป็นของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งชื่อเป็นภาษาต่างประเทศ จะอังกฤษ เยอรมัน รัสเซีย อะไรก็ว่าไป (ชื่อไทยไม่ดีตรงไหน T..T)
อย่างตัวที่เราดูแล นางชื่อ “ลาร่า” ไฮโซป๊ะหล่ะ >w<

สวัสดิการของหมาที่ War Dog การดูและต่าง ๆ จะค่อนข้างเข้มงวด ตามสไตล์ทหาร ของเล่นต้องของใครของมัน ห้ามแบ่งกันเล่น
อาหารการกินต้องตรงเวลา ห้ามแปลกปลอม และห้ามเปลี่ยนอาหารโดยพลการณ์ (นี่เคยโดยทำโทษให้ล้างคอกคนเดียวทั้งหน่วยมาแล้ว
เพราะแอบเอาขนมหมาอัดแท่งไปให้หมาในหน่วย ตอนแรกก็ไม่เป็นไร มาโดนจับได้ตอนหมามันคาบไปซ่อนไว้ข้างกรง TvT)
ซึ่งการดูแลจะแตกต่างกันไปตามลำดับความสำคัญ อย่างพ่อ-แม่พันธุ์ ก็จะมีพี่เลี้ยงประจำตัว ได้แปรงขนทุกเช้า กินข้าววันละมื้อ
เป็นอาหารเม็ดล้วนบ้าง ผสมโครงไก่ ไข่ต้มบ้าง น้ำสะอาดแบบบุฟเฟ่ต์ ได้รับสิทธิ์พาเดินเล่น ปล่อยคอก อาบแดด และอยู่กรงเดี่ยวขนาดใหญ่
(ประมาณ 3x3 เมตร ได้) ถ้าเป็นแก๊งค์ลูกหมายังไม่หย่านมก็จะอยู่กับแม่ พอโตพอที่จะเคี้ยวข้าวเองได้ก็จะโดนแยกไปอยู่อีกคอก
โดยแยกตามเพศ อายุ สายพันธุ์ โตมาหน่อยพอคัดเข้าโรงเรียนได้ ก็จะแยกไปอยู่คอกเดี่ยว แต่จะมีช่วงเวลามาอาบแดดตอนเช้า
ที่จะได้มาอยู่รวมกับกับเพื่อนรุ่น พอเริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาวเข้าฝึกที่โรงเรียน ก็จะแยกอยู่คอกใครคอกมัน ออกมาเดินเล่นได้ก็ต่อเมื่อ
มีครูฝึกพาออกมาเท่านั้น (ส่วนใหญ่ก็หลังฝึกเสร็จอะนะ) หมาที่ผ่านการฝึกจนสอบผ่านจากโรงเรียนแล้ว ก็จะไปประจำการตามหน่วยต่าง ๆ
เป็นหมาเฝ้ายามบ้าง หมาดมหาระเบิดบ้าง ดมหายาเสพย์ติดบ้าง ทำงานรับใช้ชาติไปจนกว่าจะถึงเวลา “ปลดประจำการ”

ว่าด้วยเรื่องของหมาปลด จะมีสาเหตุของการปลดอยู่หลายอย่าง เช่น แก่เกินไป ป่วย พิการ สอบไม่ผ่าน ลักษณะไม่ตรงสายพันธุ์
อย่างหน่วยที่เราไปฝึกงานจะเป็นหน่วยผลิตกำลังพล หมาปลดในหน่วยนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหมาปลดจำหน่าย จะเป็นหมารุ่น
พวกที่ลักษณะโครงสร้างร่างกายไม่สมบูรณ์ พิการ หรือพวกที่สอนไม่ได้ เช่น ดื้อเกินไป ขี้กลัวเกินไป ก็จะถูกแยกคอกเดี่ยวอยู่คอกหน้าค่าย
รอคนมาซื้อ นอกจากนั้นก็จะเป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ที่ให้ลูกไม่ได้แล้ว แต่ไม่ว่าหมาปลดเกษียณ หมาปลดประจำการ หมาปลดระวาง
หมาปลดจำหน่าย อะไรก็แล้วแต่ สวัสดิการต่าง ๆ ที่ได้รับ ย่อมน้อยลงไปตาม “ลำดับความสำคัญ”

อย่าง “ลาร่า” (รูปบนกลาง) หมาที่เราได้ดูแลตอนไปฝึกงาน นางเป็นเยอรมันเชพเพิร์ทตัวเมีย (หรืออัลเซเชี่ยนนั่นแหล่ะ อันเดียวกัน)
ค่าตัวนางตอนนำเข้ามา 800,000 บาทไทย (แอบเปิดดูจากบันทึกประวัติ) ณ ตอนนั้น นางอายุ 8 ขวบ เข้ารับราชการมาเกือบ ๆ 7 ปี
ให้ลูกมาแล้วเป็นสิบ ๆ ครอก ช่วงเวลาเดือนกว่า ๆ ที่เราดูแลลาร่า ฝึกบังคับ (ในความเป็นจริงคือลาร่าฝึกเรา มากกว่าที่เราฝึกลาร่าอีก ฮ่าๆๆๆ)
พาเดินเล่น ให้ข้าว แปรงขน หาเห็บ เกาพุง “ทุกวัน” มันทำให้เราผูกพันกับลาร่ามาก ๆ จน “พูดเล่น ๆ” กับครูฝึกว่า ถ้าลาร่าปลดแล้ว
จะขอไปเลี้ยงที่บ้าน จนวันฝึกงานวันสุดท้าย หลังจากที่เก็บของเตรียมจะกลับกรุงเทพ ลาครูฝึกและหมาในหน่วยจนครบแล้ว
รถที่นัดไว้ตอนเช้ากลับไม่มา เลยต้องรอให้แม่ของน้องที่มาฝึกงานด้วยกันมารับตอนเย็นแทน พอใกล้เวลาที่แม่ของน้องจะมารับแล้ว
เลยกะว่าจะไปล่ำลาครูฝึกและหมาอีกรอบ พอเดินเข้าไปถึงกรงลาร่าเท่านั้นแหล่ะ ลาร่าหายไป ไม่อยู่ในกรง ในใจคิดว่านางไม่สบายหรือเปล่า
เลยเดินไปดูที่โรงพยาบาล ก็ไม่เจอ ถามพี่หมอพี่หมอก็บอกไม่ได้แอดมิดนะ ประกอบกับครูฝึกลาร่าก็ไม่อยู่ เราเลยคิดว่าครูฝึกอาจจะพาไปเดินเล่นก็ได้
(บ่ายสามเนี่ยนะ -*- ) กลับมาที่กรงอีกที เจอพี่ทหารเวรกำลังปลดป้ายชื่อลาร่าออกจากกรง เราเลยเข้าไปถามว่า “พี่ปลดป้ายทำไมอ่ะ”
พี่ทหารแกก็บอกว่า “อ๋อ ลาร่ามันย้ายคอกหน่ะ” “อ้าว? ย้ายไปไหนพี่?” “ย้ายไปอยู่คอกหลังค่าย” “ย้ายทำไมพี่? ป่วยติดเชื้อเหรอ?” “- เงียบ-”
“ย้ายทำไมพี่? บอกหนูเถอะ” เราเซ้าซี้พี่ทหารเวรอยู่นาน พี่แกก็ไม่ยอมตอบ

จนครูฝึกกลับมา ครูก็ดูตกใจที่เห็นพวกเรายังอยู่ที่หน่วย พอเราถามครูฝึกว่าลาร่าไปไหน ครูฝึกก็ตอบมาว่า “ตอนนี้ลาร่าไปอยู่คอกปลดแล้วนะ
ลาร่ามันแก่แล้ว เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยจะมี แล้วก็เหมือนจะเป็นมดลูกอักเสบด้วย มันให้ลูกอีกไม่ได้ อย่างครอกก่อนออกลูกมาก็รอดอยู่ตัวเดียว
แถมนมบูดเลี้ยงลูกไม่ได้ กองพันเลยต้องสั่งปลดลาร่า” ในใจเราตอนนั้น ค้านทุกเหตุผลที่ปลดลาร่าเลยนะ ใครว่ามันแก่ ใครว่ามันไม่มีแรง
มันยังกระโดดดีใจทุกครั้งที่เราเอาสายจูงมาคล้องปลอกคอมัน มันยังสดใสแข็งแรงดี มันไม่ได้แก่จนให้ลูกไม่ได้ ดูอย่างโรซี่ อย่างโซล
มันตั้ง 10 ขวบแล้วยังให้ลูกอยู่เลย แน่ใจจริงเหรอว่ามันป่วย แน่ใจเหรอว่ามันให้ลูกไม่ได้ เราทั้งช็อคทั้งโกรธจนตัวสั่นไปหมด
จนเหมือนครูฝึกจะรู้ ครูเลยบอกว่า “เกิดเป็นทหาร ต้องอดทน ต้องเข้มแข็ง ต้องยอมรับความจริงให้ได้ เมื่อมีคำสั่งออกมา
เราก็จำเป็นต้องทำตาม ไม่ว่าคนหรือหมา”
ครูฝึกบอกว่าที่ไม่บอกก่อนว่าจะปลดลาร่า เพราะกลัวเราจะเสียใจ ทั้งที่มีคำสั่งปลดลาร่า
มาตั้งแต่ปลายเดือนที่แล้ว (เราฝึกงานจนถึงกลางเดือน) ครูเลยขอให้ลาร่าอยู่คอกแม่พันธุ์ไปจนกว่าเราจะฝึกงานเสร็จ
แต่ไม่นึกว่าเราจะยังอยู่ตอนที่ย้ายลาร่าไปคอกปลด

เราเลยขอครูฝึกว่า ขอไปบอกลาลาร่าที่คอกปลดได้ไหม ครูฝึกก็ดูลำบากใจ แต่เพื่อน ๆ กับน้อง ๆ เราที่ไปฝึกงานด้วยกันก็ช่วยกันขอร้อง
จนครูอนุญาต พอเราไปถึงหน้าคอกปลด สภาพที่เราเห็นก็คือ กรงแคบ ๆ มืด ๆ ขนาดประมาณเมตรคูณเมตรกว่า ๆ เรียงติดกัน
กลิ่นค่อนข้างอับและชื้น เพราะเป็นอาคารที่ไม่ค่อยมีลมระบายอากาศ หมาปลดที่อยู่ก่อนนอนอยู่กรงละตัว บางตัวผอมโซ บางขนร่วง
บางตัวนอนแผ่เหมือนหมดแรง บางตัวกระดิกหางและเห่าเรียก เราเดินผ่านกรงหมาพวกนั้นไปจนถึงกรงที่ลาร่าอยู่ ลาร่ามันกระดิกหางดีใจ
แล้วก็เห่าเรียกเรา เราเปิดกรงเข้าไปกอดมัน พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เราก็บอกมันไปว่า ลาร่า พี่กลับแล้วนะ ลาร่าอยู่นี่อย่าดื้อนะ พี่ไปแล้วนะ
ลาร่ามันมองหน้าเราแบบแววตาเศร้า ๆ แล้วก็ครางพร้อมกระดิกหางแรงมาก จังหวะนั้นคือน้ำตาจะไหลอยู่แล้ว สงสารลาร่า T^T
เราเลยบอกเพื่อนว่าถ่ายรูปเราคู่กับลาร่าให้หน่อยเป็นที่ระลึก ถ่ายรูปเสร็จ ครูฝึกก็บอกให้พวกเราออกไปกันได้แล้ว

พอเราจะเดินออกมา ลาร่ามันคาบมือเราไว้แล้วก็คราง เหมือนมันไม่อยากให้เราไปและไม่อยากอยู่ที่นี่ เรานี่น้ำตาปริ่ม ๆ แล้ว
จนครูฝึกบอกให้เราสั่งให้มันปล่อยแล้วสั่งให้มันนั่งลง ลาร่ามันเริ่มดึงมือเราแรงขึ้น จนเราต้องหันกลับมาแล้วสั่ง “ลาร่า!! นั่ง!! ลาร่า!! นั่งลง!!”
มันก็ปล่อยมือเราแล้วนั่งลง แต่ยังกระดิกหางและครางอยู่ เรานี่น้ำตาไหลพรากเลย พยายามบังคับไม่ให้ตัวเองสะอื้น แล้วหันหลังเดินออกมาเลย
เราสงสารลาร่า สงสารหมาปลดทุกตัวในนั้น นี่เหรอ? บทสรุปของหมาทหาร ค่าตัวเฉียดล้าน หมาที่เคยผลิตลูกหมาให้กองทัพมาเป็นร้อย ๆ ตัว
จากที่เคยกินดีอยู่ดี กลับต้องมานอนรอความตาย อยู่ในกรงแคบ ๆ มืด ๆ มีแค่คนให้น้ำให้อาหารวันละครั้ง คือถ้าทำน้ำหรืออาหารหก
วันนั้นก็อดไปเลย ต้องกินอาหารเม็ดก้อนใหญ่ ๆ แข็ง ๆ ทุกวัน ไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ได้รับการเอาใจใส่ ไม่มีใครพาออกมานอกกรง
ในใจตอนนั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่ายังไง ๆ เราต้องพาลาร่าออกมาให้ได้

หลังจากกลับมาจากฝึกงาน เราพยายามติดต่อกับทาง War Dog ผ่านทางครูฝึก เพื่อขอรับตัวลาร่าออกมาอุปการะ แต่มันไม่ง่ายเลย
เพราะต้องผ่านขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย ตั้งแต่ย้ายทะเบียนไปเป็นหมาปลด ประเมินราคา ยื่นเรื่องขอรับอุปการะ ทำเรื่องตัดรายชื่อออกจากบัญชีทรัพย์สิน
ของราชการ ซึ่งถ้าเป็นหมารุ่นที่ปลดจำหน่ายจะไม่มีขั้นตอนอะไรยุ่งยาก แต่ถ้าเป็นพ่อพันธุ์หรือแม่พันธุ์ ค่อนข้างยากที่จะขอรับอุปการะต่อ
เพราะราคานำเข้าหมาเหล่านี้ค่อนข้างสูง ถึงปลดแล้วทางกองพันก็จะเลี้ยงไว้จนกว่ามันจะหมดอายุขัยไปเอง เราติดต่อขอรับลาร่าออกมาเลี้ยง
อยู่เกือบ ๆ ครึ่งปีได้ แต่ก็ไม่ไปถึงไหน เราถามครูฝึกไปว่าถ้าอนุมัติเรื่องแล้ว ราคาประเมินลาร่าจะอยู่ประมาณเท่าไหร่ ครูฝึกบอกว่าลาร่ายังไม่แก่มาก
สภาพโดยรวมก็โอเค (อ้าว? แล้วปลดทำไม?) ราคาประเมินน่าจะแพงอยู่ อาจจะหลายหมื่นไปจนเกือบแสน (ห๊ะ!! =[ ]=) ด้วยความที่เรายังเรียนอยู่
แล้วสถานะทางบ้านเราไม่ได้ดีพอที่จะหาเงินมากขนาดนั้นมาได้ ความหวังที่จะพาลาร่าออกมาจากคอกปลดเลยต้องล่มไป

จากวันนั้นจนวันนี้ แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่เราได้รู้ข่าวเกี่ยวกับ “สุนัขทหาร” หรือแม้กระทั่งนั่งรถผ่าน “กองพันสุนัขทหาร”
เราจะคิดถึง “ลาร่า” เสมอ เราเกิดคำถามอยู่ในหัวตลอดเวลา ว่าทำไมทางกองทัพ ราชการ หรือฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับหมาพวกนี้ถึงไม่มีการจัดการดูแล
“สุนัขปลดประจำการ” ให้ดีกว่านี้ คือถ้าคุณจะไม่ให้คนนอกอุปการะต่อ คุณก็ควรดูแลพวกเขาให้ดีกว่านี้ไหม? ไม่ใช่เอาไปขังในคุกแคบ ๆ รอวันตาย
อย่ามาอ้างว่างบไม่พอ บุคลากรไม่พอ เพราะมันทำให้เห็นว่าพวกคุณกำลังทำอะไรที่ “เกินตัว” อยู่ ดูแลไม่ได้ ทำไมไม่ให้คนที่เค้าพร้อมมาดูแล
หมาหน่ะนะ มันซื่อสัตย์ คุณสั่งให้มันนั่ง มันก็นั่ง สั่งให้มันท้อง มันก็ท้อง แต่พอมันทำตามที่คุณสั่งไม่ได้ ก็เขี่ยมันทิ้ง ไม่แม้จะให้โอกาสมันได้ใช้ชีวิต
บั้นปลายอย่างมีความสุข หมามันก็มีชีวิต มีหัวใจ มีความรู้สึก เหมือนกันกับคุณนี่แหล่ะ เราบอกเลยนะว่า ครูฝึกทุกคน ทหารบังคับสุนัขทุกคน
เค้ารักหมาทุกตัว แต่เพราะมันเป็น “คำสั่ง” ไง เค้าเลยทำอะไรไม่ได้ ขอร้องหล่ะ คนที่มีสิทธิ “ออกคำสั่ง” หน่ะ ช่วยทำอะไรให้มันดีกว่านี้ที ขอร้อง…

** คิดถึงลาร่าเสมอนะ ^^ **
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

//บ่นยาวไป  ขออภัยนะคะ >/|\<
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่