สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
ผมเพิ่งตอบเรื่องนี้ไปเมื่อซักอาทิตย์ก่อน
ขอตอบซ้ำอีกทีครับ
เรื่องของเรื่องก็คือ
มี "ตลก." คนหนึ่งโยงเรื่อง "ฮิตเลอร์" ว่ามาจากการเลือกตั้ง
และ พอเข้าสู่สภาฯได้ ก็ลุแก่อำนาจด้วยการรวบรวมเสียง และ แก้กฏหมายจนพาเยอรมันลงเหว
ไอ้ "ตลก" คนนั้นคงเมาใบกระท่อมในม๊อบ "ไอ้เทือก" แน่ๆ
เพราะในความเป็นจริง "ไอ้หนวดจิ๋มจอมเผด็จการ" ไม่เคยชนะการเลือกตั้งเลยแม้แต่ครั้งเดียว !!!!
"ฮิตเลอร์" แพ้เลือกตั้งนะครับ !!!!
ไม่ได้มาจากประชามติของคนเยอรมันเลยซักนิด
"ฮิตเลอร์" ลงสมัครเลือกตั้งในปี 1932
แต่คะแนนที่เขาได้นั้นไม่มากพอที่จะชนะ
เพราะเขาแพ้ให้กับ "พอล ฟอน ฮินเดนบวร์ก" ผู้สมัครอิสระ
แถมกองกำลัง SA และ SS ของพี่แกยังไปก่อกวนการเลือกตั้งอีกต่างหาก
จากนั้นไม่นานก็เกิดวิฤติทางการเมือง
และ ตามมาด้วยการยุบสภาสภาเลือกตั้งใหม่ในปีเดียวกันนั่นแหละ
เลือกตั้งครั้งนี้พรรคของ "ฮิตเลอร์" ได้คะแนนเพิ่มมากกว่าครั้งก่อน
แต่หลังการเลือกตั้งก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะตั้งรัฐบาลอย่างไร แบบไหน
ปัญหามันคาราคาซังจนต้องมีการเลือกตั้งอีกครั้งในปลายปีเดียวกัน ( 3 ครั้งแล้วครับ )
คราวนี้คะแนนของพรรค "ฮิตเลอร์" กลับลดลงไปจากที่เคยได้ครั้งก่อน จนการตั้งรัฐบาลแทงกั๊กกันไปมาระหว่าง 2 ก๊กที่แข่งกัน
นายก "ฟรานซ์ ฟอน เพเพน" จึงได้เสนอให้เลือกตั้งใหม่อีกรอบ
โดยที่ระหว่างนั้น "เพเพน" จะบริหารประเทศแบบไม่มีสภาไปเรื่อยๆก่อน
แต่ "เคิร์ด ฟอน ชไลเชอร์" หนึ่งในรัฐมนตรีกลัวว่าผู้คนจะไม่ยอมรับและจะเกิดความรุนแรง
จึงได้ออกหน้าไปคุยกับประธานาธิบดีฮินเดนบวร์กว่าจะรับเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลให้โดยมีแผนว่าจะทำให้พรรคฮิตเลอร์แตกคอกันเอง
"ชไลเชอร์" ได้ไปเจรจากับ "สแตรสเซอร์"
ผู้ซึ่งเป็นคู่แข่งของฮิตเลอร์ (แต่ก็อยู่พรรคเดียวกับฮิตเลอร์นั่นแหละ อารมณ์เดียวกับ "ไอ้กอน" และ "ไอ้แหล")
แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้ขยับทำอะไรเลย "สแตรสเซอร" ก็ดันมาโดนลดทอนอำนาจในพรรคลงไป....แผนเลยเป็นหมัน
("ไอ้กอน" ก็ระวัง "ไอ้แหล" หน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะเป็นอย่าง "สแตรสเซอร์")
ในขณะเดียวกัน
"นายกฯเพเพน" ก็หักหลัง "ชไลเชอร์"
ด้วยการแอบไปคุยหลังบ้านกับ "ฮิตเลอร์"
และลงเอยด้วย "ฮิตเลอร์" ยอมรับการแบ่งเค็กของ "เพเพน"
โดยมีข้อแม้ว่าต้องให้ "ฮิตเลอร์" นั่งเก้าอี้เบอร์ 1 ที่ตึก "เยอรมันคู่ฟ้า" ครับ
"ฮิตเลอร์" ได้เป็นนายกฯเมื่อ 30 มกราคม 1933
ในขณะที่ "เพเพน" ลดเพดานบินไปเป็นรองนายกฯ ใน ครม.ของ "ฮิตเลอร์"
และ เป็นการขึ้นเป็นนายกฯโดยที่ "ไม่ชนะการเลือกตั้ง" จากเสียงส่วนใหญ่เลย
เพราะเป็นการใช้วิธีเจรจาแบบ "งูเห่า" ครับ (แบบ "ไอ้แหล" และ "ไอ้ชวน" ทำนั่นแหละ)
ไอ้ "ตลก" คนนั้นสรุปว่า
ความเลวร้ายของ "ฮิตเลอร์" ที่ทำไว้
เลยทำให้เยอรมันต้องจัดตั้ง "ศาลรัฐธรรมนูญ"
แถมยัง "มีอำนาจวินิจฉัยนอกตัวบทแห่งรัฐธรรมนูญ" อีกต่างหาก
ผมว่าอันตรายนะครับ ถ้าเรามี "ตลก" ที่ขาดองค์ความรู้ในเรื่องการเมือง !!!
เพราะไอ้ "ตลก" คงจะลืมไปว่า
ศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมันนั้น
เขามาจากการเลือกตั้งโดยรัฐสภา และ ผู้แทนมลรัฐ
ทั้ง 2 ส่วนที่เลือกศาล รธน.เยอรมันนั้น
เขาก็มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยครับ
ส่วนไอ้พวก "ตลก" ของไทยนั้น
เกิดมาจากมดลูกของ "เผด็จการ"
ตามประกาศฉบับที่ 3 ลงวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 ครับ !!!!
ขอบคุณคุณธรรมดาสามัญ ที่ให้ยืมอมยิ้มตอบกระทู้ครับ
ขอตอบซ้ำอีกทีครับ
เรื่องของเรื่องก็คือ
มี "ตลก." คนหนึ่งโยงเรื่อง "ฮิตเลอร์" ว่ามาจากการเลือกตั้ง
และ พอเข้าสู่สภาฯได้ ก็ลุแก่อำนาจด้วยการรวบรวมเสียง และ แก้กฏหมายจนพาเยอรมันลงเหว
ไอ้ "ตลก" คนนั้นคงเมาใบกระท่อมในม๊อบ "ไอ้เทือก" แน่ๆ
เพราะในความเป็นจริง "ไอ้หนวดจิ๋มจอมเผด็จการ" ไม่เคยชนะการเลือกตั้งเลยแม้แต่ครั้งเดียว !!!!
"ฮิตเลอร์" แพ้เลือกตั้งนะครับ !!!!
ไม่ได้มาจากประชามติของคนเยอรมันเลยซักนิด
"ฮิตเลอร์" ลงสมัครเลือกตั้งในปี 1932
แต่คะแนนที่เขาได้นั้นไม่มากพอที่จะชนะ
เพราะเขาแพ้ให้กับ "พอล ฟอน ฮินเดนบวร์ก" ผู้สมัครอิสระ
แถมกองกำลัง SA และ SS ของพี่แกยังไปก่อกวนการเลือกตั้งอีกต่างหาก
จากนั้นไม่นานก็เกิดวิฤติทางการเมือง
และ ตามมาด้วยการยุบสภาสภาเลือกตั้งใหม่ในปีเดียวกันนั่นแหละ
เลือกตั้งครั้งนี้พรรคของ "ฮิตเลอร์" ได้คะแนนเพิ่มมากกว่าครั้งก่อน
แต่หลังการเลือกตั้งก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะตั้งรัฐบาลอย่างไร แบบไหน
ปัญหามันคาราคาซังจนต้องมีการเลือกตั้งอีกครั้งในปลายปีเดียวกัน ( 3 ครั้งแล้วครับ )
คราวนี้คะแนนของพรรค "ฮิตเลอร์" กลับลดลงไปจากที่เคยได้ครั้งก่อน จนการตั้งรัฐบาลแทงกั๊กกันไปมาระหว่าง 2 ก๊กที่แข่งกัน
นายก "ฟรานซ์ ฟอน เพเพน" จึงได้เสนอให้เลือกตั้งใหม่อีกรอบ
โดยที่ระหว่างนั้น "เพเพน" จะบริหารประเทศแบบไม่มีสภาไปเรื่อยๆก่อน
แต่ "เคิร์ด ฟอน ชไลเชอร์" หนึ่งในรัฐมนตรีกลัวว่าผู้คนจะไม่ยอมรับและจะเกิดความรุนแรง
จึงได้ออกหน้าไปคุยกับประธานาธิบดีฮินเดนบวร์กว่าจะรับเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลให้โดยมีแผนว่าจะทำให้พรรคฮิตเลอร์แตกคอกันเอง
"ชไลเชอร์" ได้ไปเจรจากับ "สแตรสเซอร์"
ผู้ซึ่งเป็นคู่แข่งของฮิตเลอร์ (แต่ก็อยู่พรรคเดียวกับฮิตเลอร์นั่นแหละ อารมณ์เดียวกับ "ไอ้กอน" และ "ไอ้แหล")
แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้ขยับทำอะไรเลย "สแตรสเซอร" ก็ดันมาโดนลดทอนอำนาจในพรรคลงไป....แผนเลยเป็นหมัน
("ไอ้กอน" ก็ระวัง "ไอ้แหล" หน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะเป็นอย่าง "สแตรสเซอร์")
ในขณะเดียวกัน
"นายกฯเพเพน" ก็หักหลัง "ชไลเชอร์"
ด้วยการแอบไปคุยหลังบ้านกับ "ฮิตเลอร์"
และลงเอยด้วย "ฮิตเลอร์" ยอมรับการแบ่งเค็กของ "เพเพน"
โดยมีข้อแม้ว่าต้องให้ "ฮิตเลอร์" นั่งเก้าอี้เบอร์ 1 ที่ตึก "เยอรมันคู่ฟ้า" ครับ
"ฮิตเลอร์" ได้เป็นนายกฯเมื่อ 30 มกราคม 1933
ในขณะที่ "เพเพน" ลดเพดานบินไปเป็นรองนายกฯ ใน ครม.ของ "ฮิตเลอร์"
และ เป็นการขึ้นเป็นนายกฯโดยที่ "ไม่ชนะการเลือกตั้ง" จากเสียงส่วนใหญ่เลย
เพราะเป็นการใช้วิธีเจรจาแบบ "งูเห่า" ครับ (แบบ "ไอ้แหล" และ "ไอ้ชวน" ทำนั่นแหละ)
ไอ้ "ตลก" คนนั้นสรุปว่า
ความเลวร้ายของ "ฮิตเลอร์" ที่ทำไว้
เลยทำให้เยอรมันต้องจัดตั้ง "ศาลรัฐธรรมนูญ"
แถมยัง "มีอำนาจวินิจฉัยนอกตัวบทแห่งรัฐธรรมนูญ" อีกต่างหาก
ผมว่าอันตรายนะครับ ถ้าเรามี "ตลก" ที่ขาดองค์ความรู้ในเรื่องการเมือง !!!
เพราะไอ้ "ตลก" คงจะลืมไปว่า
ศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมันนั้น
เขามาจากการเลือกตั้งโดยรัฐสภา และ ผู้แทนมลรัฐ
ทั้ง 2 ส่วนที่เลือกศาล รธน.เยอรมันนั้น
เขาก็มาจากการเลือกตั้งจากประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยครับ
ส่วนไอ้พวก "ตลก" ของไทยนั้น
เกิดมาจากมดลูกของ "เผด็จการ"
ตามประกาศฉบับที่ 3 ลงวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 ครับ !!!!
ขอบคุณคุณธรรมดาสามัญ ที่ให้ยืมอมยิ้มตอบกระทู้ครับ

แสดงความคิดเห็น
ทำไมคนชอบเปรียบเทียบ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กับ ทักษิณ ทั้งๆที่เรื่องราวของทั้งคู่ต่างกันสุดกู่ชนิดที่ทักษิณเทียบไม่ติด
ผมเสิร์ชหาชื่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จะเจอภาพ กองทัพ, ภาพสยดสยอง ฯลฯ ทำนองนี้
แต่เสิร์ชหาชือ่ทักษิณมีแต่ภาพล้อเลียน, ม๊อบๆๆ
ผมว่าชื่อของฮิตเลอร์ อีกร้อยปีก็ไม่มีใครลืม แต่ทักษิณคงมีแค่ในประเทศไทยเท่านั้นที่นึกออก
- ฮิตเลอร์เป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคนนึงในรอบศตวรรษแล้วล่ะครับ -