แนวรบ โค่น "ปู" ถวายคืน พระราชอำนาจ รัฐศาสตร์ พเนจร วิเคราะห์ มติชนออนไลน์

กระทู้สนทนา
ทั้งๆ ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประกาศยืนยันบนเวทีปราศรัยสวนลุมพินีด้วย
น้ำเสียงอันเฉียบขาดว่า

การชุมนุมในวันที่ 14 พฤษภาคม เป็นการชุมนุม "ครั้งสุดท้าย"

"นัดเดียวจบ รู้แพ้รู้ชนะกันไปเลย ไม่มันจบ เราก็จบ"

กระนั้น พุทธะอิสระ ผู้นำแห่งเวทีแจ้งวัฒนะก็ตระเตรียมการเคลื่อนไหวเดินเท้าจากแจ้งวัฒนะไปยัง
อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 16 พฤษภาคม แนวทางคือใช้มาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ

"ถวายคืนพระราชอำนาจ"

ถามว่าหากมั่นใจว่าการขอคืน "อธิปไตย" เพื่อให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สถาปนาตนเองเป็น
"รัฏฐาธิปัตย์" ประสบความสำเร็จได้จากการชุมนุมใหญ่ครั้งสุดท้ายตั้งแต่เช้าวันที่ 14 พฤษภาคม

เหตุใดจึงต้อง "เดินเท้า" ไปทูลเกล้าฯ ถวายฎีกายังวังไกลกังวล หัวหิน

เช่นเดียวกับคำถามที่ว่า หากมั่นใจว่าคำประกาศเมื่อวันที่ 30 เมษายน ของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
หมายถึง "ชัยชนะ" ไฉน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังต้องเดินสาย

ไฉน "รัฐบุคคล" จึงต้องประสานไปยัง "รัฐบุรุษ"

ในความเป็นจริง ลีลาของพุทธะอิสระในการทูลเกล้าฯ "ถวายคืนพระราชอำนาจ" ลีลาของ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในการแต่ง "เหลือง" ตั้งสัตยาธิษฐาน

มิได้ถือว่าเป็น "อินโนเวชั่น" หรือ "นวัตกรรม"

ตรงกันข้าม วาทกรรมว่าด้วย "ถวายคืนอำนาจ" ปรากฏขึ้นที่ท้องสนามหลวงตั้งแต่การเคลื่อนไหว
เมื่อปี 2547

จากนั้น คนเหล่านั้นก็ไปเสนอ "ไอเดีย" ให้กับ "พรรคประชาธิปัตย์"

จากนั้น ในการเคลื่อนไหว "เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร" ณ สวนลุมพินี นับแต่ปลายปี 2548
เป็นต้นมาก็ชูธง "ถวายคืนพระราชอำนาจ" สูงเด่น

กระทั่ง เติบใหญ่ขึ้นเป็น "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"

อย่าได้แปลกใจที่มีข่าวว่า นายปราโมทย์ นาครทรรพ เดินทางเข้าไปปวารณาตนเป็นผู้ "ร่าง" ฎีกาให้กับพุทธะอิสระ

ก็คนคนนี้แหละที่เผยแพร่ "ปฏิญญาฟินแลนด์"

ก็คนคนนี้แหละที่ได้รับมอบหมายจาก "คณะรัฐบุคคล" ให้เป็นผู้ "ร่าง" พระบรมราชโองการ
เพื่อจะเสนอให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พิจารณาก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในฐานะแห่ง "รัฐบุรุษ"

ในที่สุด "รัฐบุรุษ" ก็ปฏิเสธ "รัฐบุคคล"

ถามว่าปรากฏการณ์ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินสาย ปรากฏการณ์ที่ "คณะรัฐบุคคล" กดดัน
"รัฐบุรุษ"

รวมถึงปรากฏการณ์ที่พุทธะอิสระจะอาศัยช่องทาง "มาตรา 3" สะท้อนอะไร

คำตอบ 1 สะท้อนความพยายามอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อหาทางช่วย หาทางลงให้กับ
กปปส.และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

ดำเนินไปในท่วงทำนอง "ร่วมด้วยช่วยกัน"

ขณะเดียวกัน คำตอบ 1 สะท้อนถึงสภาวะแห่งความไม่แน่ใจว่าทิศทางที่ กปปส.และ นายสุเทพ
เทือกสุบรรณ ดำเนินอยู่จะมีอนาคตหรือไม่

เพราะเคลื่อนไหวมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556

เพราะเคลื่อนไหวตั้งแต่มีคน "เรือนแสน" กระทั่งหดลดลงมาเหลือ "เรือนหมื่น" และยืนระยะ "เรือนพัน"

จากที่เคยมี 7-8 เวทีเหลือเพียง 1-2 เวที

ที่มาดหมายว่าจะมี "หมัดเด็ด" และ "ไม้ตาย" จากคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช.และ
"ศาลรัฐธรรมนูญ" ก็เริ่มไม่แน่เสียแล้ว

ไม่แน่ว่าเดือนพฤษภาคม จะเป็นเดือนเผด็จศึก

แนวรบที่เคย "รวมศูนย์" และเป็น "เอกภาพ" จึงดำเนินไปอย่าง "เอกระ" กระจัดกระจาย เปะปะ

เปะปะจน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จำเป็นต้อง "ตัดบท"

เปะปะยิ่งขึ้นเมื่อนักรัฐศาสตร์ "พเนจร" เริ่มเป็นบักน่อยตุหรัดตุเหร่จาก "คณะรัฐบุคคล" ไปยังเวที
"แจ้งวัฒนะ" แปรตนเป็นสมิง พระรามอาสา

ครานี้คงรู้แล้วว่าทำไม "ป๋า" จึงปิดประตูบ้าน "สี่เสา"


หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันที่ 3 พฤษภาคม 2557

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1399103449&grpid=&catid=12&subcatid=1200

" เมื่อ " นักแปะมืออาชีพ" แบบ  สาวเหลือน้อย  กลายเป็น "ลูกอีช่างแปะ"
ที่คุณ อำแหลก  แห่ง nonแดง "ด่า"  ใส่  พร้อมกับที่  คุณ "ข้างบูรพา"
กด "หลงรัก"  ด้วย  แค่แปะข่าว  ก็  "ด่า" กันได้  .... บอกกล่าวกันเอาไว้  
http://ppantip.com/topic/31999453/comment2-13  
ยิ้ม

สาวแว่น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่