Nigel's Diary บันทึกของไนเจล

ตอนที่ 1 สมาชิกตัวที่ 9

ย้อนไปเกือบ 3 เดือนที่แล้ว วันนั้นเป็นวันที่ 5 มกราคม 2557 ฉันนั่งเล่นเฟซบุคอยู่เป็นปกติ ก็มีคนทักในแมสเสจมาว่า เห็นกระตั้วแบร์อายที่คนเอามาขายมั้ย มันกัดขน

ฉันจึงรีบเข้าไปดูในกลุ่มซื้อขายนกแก้วในเฟซบุค โพสต์นี้ถูกดันลงไปเกือบสุดหน้ากลุ่ม เนื่องจากแบร์อายเป็นกระตั้วที่ไม่ค่อยน่ารักเป็นทุนอยู่แล้ว
และยังกัดขนอีก ทำให้เจ้ากระตั้วแบร์อายกัดขนตัวนี้ไม่เป็นที่สนใจของใครๆ



นี่คือรูปของแบร์อายตัวนี้ที่ถูกโพสต์ลงขาย สนนราคา 8000 พร้อมกรงใบเล็กเท่าตัวแถมฟรี

ฉันเห็นโพสต์แล้วก็ต้องรีบปิด กลัวทนความสงสารไม่ไหว คิดว่าเดี๋ยวก็คงมีใครรับไปเลี้ยงแน่ๆ เพราะใครๆก็อยากเลี้ยงนกไซส์กลาง - ใหญ่ราคาไม่ถึงหมื่นทั้งนั้น และจริงๆ กระตั้วแบร์อายค่าตัวหลักหมื่นกว่าตัวนี้แค่ 8000 คนอาจรีบซื้อ ทว่าฉันคิดผิด...

วันต่อมา ลองเข้าไปในห้องซื้อขายอีกครั้ง กลับไปดูโพสต์เจ้ากระตั้วแบร์อาย กระตั้วที่ฉันไม่เคยชอบ เพราะหนังตามันใหญ่ น่ากลัว เป็นนกที่ไม่เคยคิดจะเอามาเลี้ยง  โพสต์ของแบร์อายตัวนี้ยังไม่ถูกปิดการขาย เงียบกริบ ทำให้ร้อนใจทั้งวัน คิดกลับไปกลับมา เพราะไม่อยากเพิ่มสมาชิกในบ้านแล้ว มันจะเยอะเกินไป กลัวเลี้ยงเค้าแล้วเครียดเนื่องจากปัญหากัดขนของนกแก้ว ในกระตั้วนั้นแก้ยากที่สุด มันไม่ใช่ภายนอกที่จะต้องแก้ แต่เป็นอารมณ์จิตใจของนก และกระตั้วเป็นนกที่อ่อนไหวมากที่สุด จะเอาเค้าเข้าบ้านก็ต้องคิดให้มากเนื่องจากนกแก้วอายุขัยยาวนานมาก อย่างกระตั้วนั้นไม่ต่ำกว่า 50 ปี เด็กๆที่บ้านก็เยอะอยู่แล้ว ถ้าไม่หายจะต้องทนเห็นเค้าเป็นแบบนี้ไปอีกหลายสิบปี จะไหวรึป่าว ปรึกษาพี่ที่สนิทกันอีก 3 คน ทุกคนลงความเห็นว่า ถ้าไหวก็เอามานะ เพราะนกที่ฉันเลี้ยงอยู่ทุกตัวสุขภาพจิตดีไม่มีปัญหา สงสารนก ให้ชีวิตใหม่ ดูจากในรูปเหมือนนกจะกัดขนแค่ด้านหน้าอกเท่านั้นและไม่ได้ถอนออกทั้งโคนอาจเพิ่งเริ่มและแก้ง่าย (อาการที่แบร์อายตัวนี้เป็นค่อนข้างอ่อนเปรียบได้กับคนเครียดที่กัดเล็บหรือถอนผมทั้งวัน แต่ถ้านกที่ถอนขนทั้งโคนเหลือแต่หนังเป็นอาการหนักเปรียบได้กับคนกรีดแขน)

ฉันจึงตัดสินใจไปต่อราคาคนขาย ราคาในใจคือ 5000 ไม่เอากรง ถ้าได้ก็จะซื้อ ถ้าไม่ได้ก็จะไม่ซื้อ เงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ แต่คนหลายคนใช้นกทำกำไรมากเกินไป นกที่กัดขนขนาดนี้ไม่ควรมีราคาเกิน 5000 ไม่อยากให้ใครต่อใคร เอาความสงสารของคนมาใช้ทำเงินให้กับตนเอง

ปรากฎว่าคนขายพูดง่ายต่อคำเดียวก็ให้ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากมายนัดจึงนัดรับนก

วันที่ไปรับแบร์อาย เป็นวันที่ 8 มกราคม 57 ฉันตั้งใจจากรูปว่าจะให้ชื่อไนเจล (ตามตัวการ์ตูนในเรื่องริโอ้ ที่เป็นกระตั้วซัลเฟอร์เครสต์แต่หน้าคล้ายแบร์อายเนื่องจากในการ์ตูนมีขอบตาดำหย่อน)

ไนเจลถูกใส่ตะกร้ามาสะอาดสะอ้านดี แต่เปิดตะกร้ามาถึงกับผงะ ไนเจลเชื่องดี มีฉกบ้าง แต่ไนเจลกัดขนทั้งตัว ! ไม่ใช่แค่หน้าอกเล็กน้อยอย่างที่คิด มีแค่ส่วนหัวเท่านั้นที่ยังอยู่ดี นอกนั้นโดนกัดเหลือแต่โคน

ตอนนั้นได้คุยกับคนขายว่าไนเจลเป็นยังไงมายังไง คนขายบอกว่าเค้าได้มาฟรี  ไนเจลอายุประมาณ 2 ปีกว่า ถูกเอามาทิ้งไว้ที่ค่ายทหาร คนในค่ายเห็นว่าเค้าเลี้ยงนกจึงเอามาให้ ฉันคิดว่าการถูกทอดทิ้งและอาจเลี้ยงผิดวิธีทำให้ไนเจลถอนขน



เมื่อถึงบ้าน เปิดตะกร้าออกไนเจลยอมขึ้นมือแต่โดยดี ทันทีที่ขึ้นแขน แทบน้ำตาเล็ด เล็บไนเจลยาวมากกก แหลมมากๆ ไม่เคยผ่านการตัด บ่งบอกได้เลยว่าไม่เคยตัดเล็บและไม่เคยได้ออกไปยืนพื้นผิวขรุขระ นกที่บ้านบางตัวก็ไม่ได้ตัดเล็บแต่เล่นบนต้นไม้ทุกวัน ช่วยให้เล็บเด็กไม่ยาวและคมมากนัก แขนฉันไม่ใช่แค่เป็นลาย แต่เลือดซิบ ไปทั้งแขน



ฉันลองพาไนเจลไปยืนบนต้นไม้เผื่อไนเจลจะได้ผ่อนคลายปีนป่ายเล่น ปรากฎว่าไนเจลยืนนิ่ง หลับตา ซักพักก็จะไซร้ขนตัวเอง ไม่สนใจสิ่งรอบข้างไม่สนใจที่จะกัดแทะต้นไม้อย่างที่นกตัวอื่นทำกัน ฉันเห็นดังนั้นก็รู้สึกเครียด ไนเจลยืนเหมือนคนซังกะตาย ไร้อารมณ์ความรู้สึก ตอนนั้นบอกกับตัวเองว่าฉันเจองานหินแล้ว แล้วจะต้องทำยังไงต่อไปดี

( ไม่รู้จะมีใครสนใจมั้ยกับเรื่องราวของกระตั้วตัวนึงที่ถูกทอดทิ้งและกัดขน แต่กระทู้นี้เขียนขึ้น เพราะอยากเตือนใจใครหลายคนก่อนจะนำนกมาเลี้ยงรวมถึงแทรกความรู้ในการเลี้ยงนกและอาจช่วยทำให้คนเข้าใจพวกเค้าได้มากขึ้น) พรุ่งนี้จะกลับมาเขียนต่อค่ะ ^_^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่