สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
พี่เข้าใจในสิ่งที่น้องกำลังจะสื่อเลย เพราะว่าเราเหมือนกันเลย เชื่อพี่ได้เลยว่าถ้าเราจะเรียนสายนี้จริงๆ ความพยายามและความตั้งใจที่มีมากพอ บางทีมันก็ไม่พอ พี่ต้อง
เรียนเพิ่มตลอด 2 ปี ที่ สถาบัน Math-science เพราะว่าพี่รู้ตัวเลยในโรงเรียนที่พี่ได้บางทีพี่ไม่เข้าใจและเราเป็นคนขอคุณแม่เองและสัญญาว่าเราจะทำให้ได้เพราะว่า
ที่ตัดสินใจเรียนพิเศษที่นี่ก็รุ่นพี่ส่งต่อกันมาหลายๆคนก็พูดกันเสียงเดียวว่า ที่นี่หลักสูตรแน่น แนวข้อสอบดีทำให้เรามีโอกาส บวกกับคุณครูที่นี่น่ารัก สอนสนุกกว่าที่ รร
เลยทำให้เรามีความตั้งใจเข้าไปอีก ถ้าคิดจะเป็นหมอแล้วจำไว้เลยนะคะ ไม่มีอะไรง่าย เราต้องตั้งใจ และก็พยายาม สักวันก็จะได้เหมือนพี่ ตอนนี้พี่หมอฟัน จุฬา ซึ่งเป็นฝัน
ของพี่และก็คนในครอบครัว
เรียนเพิ่มตลอด 2 ปี ที่ สถาบัน Math-science เพราะว่าพี่รู้ตัวเลยในโรงเรียนที่พี่ได้บางทีพี่ไม่เข้าใจและเราเป็นคนขอคุณแม่เองและสัญญาว่าเราจะทำให้ได้เพราะว่า
ที่ตัดสินใจเรียนพิเศษที่นี่ก็รุ่นพี่ส่งต่อกันมาหลายๆคนก็พูดกันเสียงเดียวว่า ที่นี่หลักสูตรแน่น แนวข้อสอบดีทำให้เรามีโอกาส บวกกับคุณครูที่นี่น่ารัก สอนสนุกกว่าที่ รร
เลยทำให้เรามีความตั้งใจเข้าไปอีก ถ้าคิดจะเป็นหมอแล้วจำไว้เลยนะคะ ไม่มีอะไรง่าย เราต้องตั้งใจ และก็พยายาม สักวันก็จะได้เหมือนพี่ ตอนนี้พี่หมอฟัน จุฬา ซึ่งเป็นฝัน
ของพี่และก็คนในครอบครัว
ความคิดเห็นที่ 9
1.จัดตารางอ่านหนังสือให้ชัดเจน สำคัญมาก เพราะการอ่านเยอะๆ อ่านไปเรื่อยๆ โดยไม่กำหนดเวลา แทบจะไม่ช่วยอะไร พอถึงเวลาสอบจริงๆ มีโอกาสสูงที่จะอ่านหนังสือไม่จบ
2.ฝึกทำโจทย์เยอะๆ เพราะเป็นการฝึก อย่างเราตอนช่วงอ่านสอบ แรกๆจะทำโจทย์พร้อมๆกับทวนความรู้ อ่านบทไหนเสร็จ ฝึกทำบทนั้น พอทวนครบจบทั้งหมดแล้วเราฝึกทำโจทย์จริง ลองจับเวลาดู เพราะส่วนใหญ่ คนไปสอบ ทำข้อสอบได้นะ แต่ทำไม่ทัน เพราะงั้นฝึกทำข้อสอบจับเวลาเลยสำคัญ โชคดีหน่อยที่สถาบันที่เราติวคอร์สตะลุยโจทย์ชื่อสถาบัน math science ของอาจารย์เอ เค้าสอนเทคนิคการทำโจทย์ได้เร็ว อย่างพวกฟิสิกส์ คณิต ที่ต้องคำนวณ เสียเวลาทำโจทย์เยอะๆ ตัวแปรซับซ้อน เค้าก็จะมีสอนทางลัด ว่าโจทย์แบบนี้ ทำแบบไหนให้หาคำตอบได้เร็ว เราเลยโชคดีตรงนี้ไป
3.ที่สำคัญไม่แพ้การทำโจทย์ คือการทวนความรู้ อันนี้ถ้าเราไม่แน่นพอ ไปทำโจทย์ ก็ตายอยู่ดี ประเด็นคือจะทำยังไงให้การอ่านหนังสือหรือทวนความรู้ของเรา มันตรงกับที่เขาจะออกสอบ เพราะว่าถ้าจะอ่านให้ครบทั้งหมด ที่เรียนมา ม.1 ถึง ม.6 โดยที่ไม่ได้มีการเก็งไว้ก่อนว่าอันไหนจะออกสอบ ร้อยทั้งร้อยความรู้ตีกันตาย ดีไม่ดีอ่านไม่จบอีก เราเลยเลือกทางลัด เรียนพิเศษเอาเลย 555 เราเรียนที่ math science ตอนเราไปสมัครเรียน เรามีแจ้งทางสถาบันไปว่าเราอยากติดหมอ อยากให้สถาบันแนะนำว่าควรเรียนอะไรบ้าง เค้าแนะนำให้เรียนวิชาที่จะสอบกสพท.ทั้งหมด ประหยัดเวลาในการอ่านหนังสือได้เยอะเลย ถ้าตรงไหนที่ไม่เข้าใจ เราสามารถไปทวนในคลิปที่อาจารย์ลงเอาไว้ได้ จะtake time แค่ไหนได้เลยจนกว่าจะเข้าใจ
4.หาเวลารีเล็กให้ตัวเองบ้าง บางคนกดดันตัวเอง อ่านหนังสือ ติว ฝึกทำโจทย์เยอะเกินไป กลายเป็นเครียดสะสม สมองมันจะตื้อ จะมึน ทำให้ติวยังไงมันก็ไม่เข้าใจ หนักๆเข้าก็ท้อ พับโปรเจคเป็นหมอไปกลางคัน
เราทำตามนี้ โดยเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ ม.5เทอม2 จัดเวลาตารางชีวิตตัวเองให้แม่นๆ เดินตามแผนที่วางไว้ เหนื่อยก็พัก ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป ในที่สุดเราติดแพทย์ กสพ.จนได้ ยังไงจขกท.ลองเอาวิธีของเราไปใช้ดู เราว่าถ้ามีความตั้งใจจริง ความสำเร็จไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่า
2.ฝึกทำโจทย์เยอะๆ เพราะเป็นการฝึก อย่างเราตอนช่วงอ่านสอบ แรกๆจะทำโจทย์พร้อมๆกับทวนความรู้ อ่านบทไหนเสร็จ ฝึกทำบทนั้น พอทวนครบจบทั้งหมดแล้วเราฝึกทำโจทย์จริง ลองจับเวลาดู เพราะส่วนใหญ่ คนไปสอบ ทำข้อสอบได้นะ แต่ทำไม่ทัน เพราะงั้นฝึกทำข้อสอบจับเวลาเลยสำคัญ โชคดีหน่อยที่สถาบันที่เราติวคอร์สตะลุยโจทย์ชื่อสถาบัน math science ของอาจารย์เอ เค้าสอนเทคนิคการทำโจทย์ได้เร็ว อย่างพวกฟิสิกส์ คณิต ที่ต้องคำนวณ เสียเวลาทำโจทย์เยอะๆ ตัวแปรซับซ้อน เค้าก็จะมีสอนทางลัด ว่าโจทย์แบบนี้ ทำแบบไหนให้หาคำตอบได้เร็ว เราเลยโชคดีตรงนี้ไป
3.ที่สำคัญไม่แพ้การทำโจทย์ คือการทวนความรู้ อันนี้ถ้าเราไม่แน่นพอ ไปทำโจทย์ ก็ตายอยู่ดี ประเด็นคือจะทำยังไงให้การอ่านหนังสือหรือทวนความรู้ของเรา มันตรงกับที่เขาจะออกสอบ เพราะว่าถ้าจะอ่านให้ครบทั้งหมด ที่เรียนมา ม.1 ถึง ม.6 โดยที่ไม่ได้มีการเก็งไว้ก่อนว่าอันไหนจะออกสอบ ร้อยทั้งร้อยความรู้ตีกันตาย ดีไม่ดีอ่านไม่จบอีก เราเลยเลือกทางลัด เรียนพิเศษเอาเลย 555 เราเรียนที่ math science ตอนเราไปสมัครเรียน เรามีแจ้งทางสถาบันไปว่าเราอยากติดหมอ อยากให้สถาบันแนะนำว่าควรเรียนอะไรบ้าง เค้าแนะนำให้เรียนวิชาที่จะสอบกสพท.ทั้งหมด ประหยัดเวลาในการอ่านหนังสือได้เยอะเลย ถ้าตรงไหนที่ไม่เข้าใจ เราสามารถไปทวนในคลิปที่อาจารย์ลงเอาไว้ได้ จะtake time แค่ไหนได้เลยจนกว่าจะเข้าใจ
4.หาเวลารีเล็กให้ตัวเองบ้าง บางคนกดดันตัวเอง อ่านหนังสือ ติว ฝึกทำโจทย์เยอะเกินไป กลายเป็นเครียดสะสม สมองมันจะตื้อ จะมึน ทำให้ติวยังไงมันก็ไม่เข้าใจ หนักๆเข้าก็ท้อ พับโปรเจคเป็นหมอไปกลางคัน
เราทำตามนี้ โดยเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ ม.5เทอม2 จัดเวลาตารางชีวิตตัวเองให้แม่นๆ เดินตามแผนที่วางไว้ เหนื่อยก็พัก ไม่กดดันตัวเองจนเกินไป ในที่สุดเราติดแพทย์ กสพ.จนได้ ยังไงจขกท.ลองเอาวิธีของเราไปใช้ดู เราว่าถ้ามีความตั้งใจจริง ความสำเร็จไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอนค่า
แสดงความคิดเห็น
พี่ๆที่สอบติดหมอ..มีเทคนิคการเตรียมตัวก่อนสอบหมอยังไงบ้างค่ะ
ตอนนี้เราอยู่ ม.4 เราเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่ฝันอยากจะเป็นหมอ การเรียนของเราก็อยู่ในระดับกลาง
รร.ของเราน่ะเป็น รร.ขนาดกลาง มีนักเรียน แค่ 700 กว่าคน ตั้งแต่รร.นี้ตั้งขึ้นมาไม่มีใครเคยสอบได้คณะแพทย์เลย เคยคิดอยู่น่ะว่า..ขนาดรุ่นพี่เก่งๆน่ะยังสอบไม่ติดหมอเลยอะ แล้วเราจะทำได้ไหมเนี่ย T^T แต่เราก็บอกกับตัวเองเสมอเลยว่า 'คนอื่นยังทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ'
...ตอน ม.3 เคยไปลองสอบเข้า รร.สามัคคี เชียงราย (แอบแม่ไปสอบ พอแม่รู้น่ะโดนเทศน์จนหูชาเลยล่ะ..เราก็คิดน่ะ อะไรอะ แค่ไปลองสอบเข้าเฉยๆเนี่ยน่ะ) ก่อนสอบ 1 อาทิตย์ เรามานั่งอ่านหนังสือ วันละ 3-4 ชั่วโมง บางวันก็ไม่ได้อ่าน (มัวแต่อ่านนิยาย) พอผลสอบออกมา O.O เฮ้ย..ติดได้ไง ตอนไปสอบพอเห็นข้อสอบ..เงิบเลย...แม่เจ้า สอบเข้าม.4น่ะเนี่ย ไม่ติดชัวร์ แต่ก็ดีใจมากกก คิดว่าจะได้ไปเรียนในเมืองแล้ว
...เอากลับบ้านมาบอกเเม่..แต่รู้ไหมแม่บอกว่าไง..ว่า..ไม่ให้ไปก็รู้ว่าภาระเยอะ เราไม่ได้รวยเหมือนคนอื่นเค้า บอกแล้วไงว่าไม่ต้องไปสอบถ้าติดมาแล้วมันจะเสียใจ....จากนั้นน่ะเราก็นั่งร้องไห้สามวันสามคืนเลยล่ะ สุดท้ายก็ไม่ได้ไป....
....โอะ นอกเรื่องมาเยอะแล้วเข้าประเด็นเลยดีกว่า คือเราอยากสอบเข้าหมออ่ะ แต่ไม่รู้จะเตรียมตัวยังไงบ้าง ใช้เวลาเตรียมตัวเท่าไหร่ ยังไง รุ่นพี่คนไหนมีเทคนิคยังไงก็ช่วยบอกด้วยน่ะคร้าา ^^
ปล.ยังมีเรื่องปรึกษามากกว่านี้รุ่นพี่คนไหนสะดวกก็ทิ้ง เฟส ไลน์ หรือเมลล์ไว้เลยน่ะค่ะ จะได้ติดต่อกันง่ายขึ้น
#เด็กบ้านนอก....