วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 11:13 น. ข่าวสดออนไลน์
เยอรมันดันไทย สู่ศูนย์กลาง "เออีซี"
คอลัมน์ ประตูสู่เออีซี
การเดินทางมาเยือนไทยของ นายนีลส์ ชมิด รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังและเศรษฐกิจแห่งแคว้นบาเดน-เวิร์ตเทมแบร์ก จากเยอรมนี เดินทางมาเยือนประเทศไทย และเข้าพบรัฐมนตรีฝ่ายไทยเพื่อเน้นกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างสองประเทศ
เยอรมนีมองว่า ไทยจะเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับความ ร่วมมือทางเศรษฐกิจในอาเซียนในกรอบเออีซี
การแถลงข่าว ณ สถานเอกอัครราชทูตสหพันธรัฐเยอรมนี ประจำประเทศไทย นายชมิดกล่าวว่า เมื่อมองย้อนกลับไปในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ไทยเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ ค่อนข้างดี และเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม สูงที่สุดประเทศหนึ่งในอาเซียน ทั้งยังมีนโยบายที่เป็นมิตรกับเศรษฐกิจ และต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติ
นอกจากนี้ ทรัพยากรแรงงานที่มีทักษะของไทย ยังโดดเด่นกว่าหลายชาติในอาเซียน โดยเฉพาะในสาขาอาชีวะ ซึ่งหลายบริษัทจากเยอรมนีได้มาทำข้อตกลงไว้กับหลายสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาหลักสูตรการศึกษาให้เทียบเท่าของเยอรมนี มีการส่งนักเรียนอาชีวะไปฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากบริษัทเยอรมัน ในประเทศไทย เพิ่มโอกาสทางวิชาชีพในอนาคต
คุณลักษณะที่กล่าวมา ส่งผลให้มีบริษัทจากต่างชาติสนใจ เข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี โดยเฉพาะจากแคว้นบาเดน-เวิร์ตเทมแบร์ก ซึ่งมีจุดแข็งอยู่ที่อุตสาหกรรมการผลิต และถึงแม้ว่าความร่วมมือกับไทยในตอนนี้ ยังเน้นหนักไปที่การผลิตด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ อะไหล่ และเครื่องจักรกล แต่ช่องทางใหม่ที่ควรร่วมมือกันมากขึ้นคือ ด้านเคมีภัณฑ์และยา ซึ่งบริษัทในเยอรมนีหลายแห่งสนใจ
เยอรมนีหวังให้ไทยเป็นฐานในการเจาะตลาดอาเซียน อาศัยโอกาสจากความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในกรอบ เออีซี เพราะการลดภาษีและกำแพงการค้าระหว่างกันในภูมิภาค มีแนวโน้มจะทำให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่ดึงดูดนักลงทุน และยังทำให้อาเซียนเป็นกลุ่มความร่วมมือที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของหลายประเทศในภูมิภาค
นอกจากจะมาเยือนไทยแล้ว ชมิดยังเตรียมเดินทางเยือนมาเลเซียและอินโดนีเซียด้วย
ในคำถามว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการแข่งขันในการเป็นฐานการผลิตในอาเซียนสูสีกับไทย และยังมีข้อได้เปรียบจากการมีตลาดที่ใหญ่กว่า ได้คำตอบว่า
"เยอรมนีเองก็แข่งขันในการเป็นประเทศอุตสาหกรรมร่วมกับฝรั่งเศส และสหรัฐมาตลอด แต่ไทยมีทรัพยากรมนุษย์ที่โดดเด่น ดังนั้น จึงควรเน้นพัฒนาจุดแข็ง ลงทุนด้านการศึกษาให้ทั่วถึง เน้นพัฒนาการวิจัยและวิทยาศาสตร์ เพราะการแข่งขันมีอยู่ทุกที่"
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9UQTVNRFUwTnc9PQ%3D%3D§ionid
เยอรมันดันไทย สู่ศูนย์กลาง "เออีซี"
วันที่ 03 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 11:13 น. ข่าวสดออนไลน์
เยอรมันดันไทย สู่ศูนย์กลาง "เออีซี"
คอลัมน์ ประตูสู่เออีซี
การเดินทางมาเยือนไทยของ นายนีลส์ ชมิด รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลังและเศรษฐกิจแห่งแคว้นบาเดน-เวิร์ตเทมแบร์ก จากเยอรมนี เดินทางมาเยือนประเทศไทย และเข้าพบรัฐมนตรีฝ่ายไทยเพื่อเน้นกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างสองประเทศ
เยอรมนีมองว่า ไทยจะเป็นศูนย์กลางที่สำคัญสำหรับความ ร่วมมือทางเศรษฐกิจในอาเซียนในกรอบเออีซี
การแถลงข่าว ณ สถานเอกอัครราชทูตสหพันธรัฐเยอรมนี ประจำประเทศไทย นายชมิดกล่าวว่า เมื่อมองย้อนกลับไปในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ไทยเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ ค่อนข้างดี และเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม สูงที่สุดประเทศหนึ่งในอาเซียน ทั้งยังมีนโยบายที่เป็นมิตรกับเศรษฐกิจ และต้อนรับการลงทุนจากต่างชาติ
นอกจากนี้ ทรัพยากรแรงงานที่มีทักษะของไทย ยังโดดเด่นกว่าหลายชาติในอาเซียน โดยเฉพาะในสาขาอาชีวะ ซึ่งหลายบริษัทจากเยอรมนีได้มาทำข้อตกลงไว้กับหลายสถาบันการศึกษา เพื่อพัฒนาหลักสูตรการศึกษาให้เทียบเท่าของเยอรมนี มีการส่งนักเรียนอาชีวะไปฝึกงานเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากบริษัทเยอรมัน ในประเทศไทย เพิ่มโอกาสทางวิชาชีพในอนาคต
คุณลักษณะที่กล่าวมา ส่งผลให้มีบริษัทจากต่างชาติสนใจ เข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี โดยเฉพาะจากแคว้นบาเดน-เวิร์ตเทมแบร์ก ซึ่งมีจุดแข็งอยู่ที่อุตสาหกรรมการผลิต และถึงแม้ว่าความร่วมมือกับไทยในตอนนี้ ยังเน้นหนักไปที่การผลิตด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ อะไหล่ และเครื่องจักรกล แต่ช่องทางใหม่ที่ควรร่วมมือกันมากขึ้นคือ ด้านเคมีภัณฑ์และยา ซึ่งบริษัทในเยอรมนีหลายแห่งสนใจ
เยอรมนีหวังให้ไทยเป็นฐานในการเจาะตลาดอาเซียน อาศัยโอกาสจากความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในกรอบ เออีซี เพราะการลดภาษีและกำแพงการค้าระหว่างกันในภูมิภาค มีแนวโน้มจะทำให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่ดึงดูดนักลงทุน และยังทำให้อาเซียนเป็นกลุ่มความร่วมมือที่มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของหลายประเทศในภูมิภาค
นอกจากจะมาเยือนไทยแล้ว ชมิดยังเตรียมเดินทางเยือนมาเลเซียและอินโดนีเซียด้วย
ในคำถามว่า อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการแข่งขันในการเป็นฐานการผลิตในอาเซียนสูสีกับไทย และยังมีข้อได้เปรียบจากการมีตลาดที่ใหญ่กว่า ได้คำตอบว่า
"เยอรมนีเองก็แข่งขันในการเป็นประเทศอุตสาหกรรมร่วมกับฝรั่งเศส และสหรัฐมาตลอด แต่ไทยมีทรัพยากรมนุษย์ที่โดดเด่น ดังนั้น จึงควรเน้นพัฒนาจุดแข็ง ลงทุนด้านการศึกษาให้ทั่วถึง เน้นพัฒนาการวิจัยและวิทยาศาสตร์ เพราะการแข่งขันมีอยู่ทุกที่"
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNNU9UQTVNRFUwTnc9PQ%3D%3D§ionid