คำชี้แจงจาก KTIS เรื่องราคาหุ้นต่ำกว่าราคาจอง

กระทู้ข่าว
KTIS แจงหุ้นต่ำจองตามภาวะตลาดผันผวน-ยันผู้บริหารไม่ขาย Discount ให้ใคร
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม 2557 14:26:32 น.

นายประพันธ์ ศิริวิริยะกุล กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) เปิดเผยว่า

การที่หุ้นเข้าเทรดในตลาดและมีราคาต่ำกว่าราคาจองนั้น เป็นไปตามสภาวะตลาดที่ผันผวน ตลาดมีการปรับฐาน อีกทั้งหุ้น KTIS ถือเป็นหุ้นพื้นฐานธุรกิจ ไม่ใช่หุ้นปั่น หรือหุ้นเก็งกำไร เหมาะแก่การถือในระยะยาวและรับเงินปันผล ด้วยนโยบายของบริษัทที่จะจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ

และในส่วนของผู้บริหารของบริษัททุกคนติดเงื่อนไขในการขายหุ้น (silent period) จึงไม่มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเทขายหุ้นทิ้งเพื่อเก็งกำไร หรือขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในราคา Discount ให้กับนักลงทุนรายใดเป็นกรณีพิเศษ อีกประการคือธุรกิจนี้เป็นธุรกิจครอบครัว ซึ่งดำเนินธุรกิจนี้มานานกว่า 50 ปี และจะยังคงดำเนินธุรกิจนี้ต่อไปด้วยการบริหารงานอย่างโปร่งใสและเป็นมืออาชีพ

บริษัทขอให้ความเชื่อมั่นกับนักลงทุนว่าบริษัทฯเป็นผู้ดำเนินธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ และชำนาญในธุรกิจอ้อยน้ำตาล และอยู่ในธุรกิจนี้มานานกว่า 50 ปี ซึ่งบริษัทฯ มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยมีโรงงานน้ำตาลทรายรวม 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานน้ำตาลเกษตรไทย โรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ และโรงงานน้ำตาลรวมผลฯ ซึ่งโรงงานน้ำตาลเกษตรไทยเป็นโรงงานที่มีกำลังการผลิตใหญ่ที่สุดในโลกถึง 55,000 ตันอ้อยต่อวัน และรวมกับโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ที่มีกำลังการผลิต 18,000 ตันอ้อยต่อวัน โรงงานรวมผลฯที่มีกำลังการผลิต 15,000 ตันอ้อยต่อวัน เท่ากับว่าโรงงานน้ำตาลของบริษัทมีกำลังการผลิตรวม 88,000 ตันอ้อยต่อวัน

นอกจากธุรกิจอ้อยและน้ำตาลแล้ว กลุ่ม KTIS ยังดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างครบวงจร ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล ธุรกิจไฟฟ้าชีวมวล และธุรกิจผลิตและจำหน่ายปุ๋ยชีวภาพ เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันพื้นฐานของบริษัทก็ยังแข็งแกร่งไม่ได้เปลี่ยนแปลง

สำหรับเงินที่ระดมได้ในตลาดฯ บริษัทได้นำเอาไปเร่งเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 2 โรง ที่จังหวัดนครสวรรค์ และอุตรดิตถ์ โดยจะเป็นโรงไฟฟ้ากำลังการผลิตโรงละ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ และเริ่มรับรู้รายได้ประมาณไตรมาส 4 ของปีนี้ นอกจากนี้มีโครงการผลิตน้ำเชื่อม (Liquid Sugar) และโครงการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super Refined Sugar)  ประมาณ 980 ล้านบาท ลงทุนในการสร้างโรงงานปุ๋ยชีวภาพ ประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง

อีกทั้งเมื่อเร็วๆนี้สองบริษัทยักษ์ใหญ่ คือ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น บริษัทเทรดดิ้งชั้นนำระดับโลก และนิสชิน ชูการ์ ผู้ผลิตน้ำตาลรีไฟน์รายใหญ่อันดับ 2 ของญี่ปุ่น ได้เล็งเห็นศักยภาพของกลุ่ม KTIS และได้เข้ามาถือหุ้นของบริษัทฯ ผ่านบริษัทร่วมทุน  (joint  venture) โดยเป็นการซื้อบนกระดานรายใหญ่ในราคา 12.42 บาท เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ผ่านมา

"ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่สองบริษัทยักษ์ใหญ่มีต่อหุ้น KTIS  ซึ่งพันธมิตรทางธุรกิจทั้งสองจะนำความรู้ความชำนาญและประสบการณ์มาพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับกลุ่ม KTIS มากขึ้น โดยซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทเทรดดิ้งรายใหญ่ของโลกที่มีตลาดทั่วโลกทำให้บริษัทสามารถขยายตลาด และฐานลูกค้า ส่วนนิสชิน ชูการ์ เป็นบริษัทที่มี knowhow และเทคโนโลยต่างๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าและความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม KTIS มากยิ่งขึ้น"นายประพันธ์ กล่าว

ราคาหุ้น KTIS ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 8.80 บาท จากราคา IPO ที่ 10 บาท
อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่