ร้อนนี้ไปไหนดีนอกจากทะเล? มีเทศการอะไร?ยังไง?ที่ไหน? น่าเที่ยวมั๊ย? ขอแนะนำก่อนเลยค่ะ ช่วงเดือนพฤษภาที่จะถึงนี้ มีงานบุญบั้งไปที่จังหวัดยโสธรค่ะ เมืองบั้งไฟโก้ แต่จากนั้นจะไปแวะเที่ยวที่ไหนต่อดีล่ะ แหมะมาตั้งไกล ขอแนะนำที่หนึ่งที่น่าเที่ยวและประทับใจ สวย ที่สำคัญยังเป็น Unseen in Thailand อีกด้วยนะ ^^
เอาเป็นว่าไปดูกันก่อนเลย เริ่มจากเราขับรถมาจากทางตัวเมืองยโสธรจะไปทางมุกดาหาร ทางหลวงหมายเลข 2169 ผ่านอำเภอทรายมูล อำเภอกุดชุม และจะเข้าสู่ตำบลคำเตย มองด้านซ้ายมือไว้ค่ะ จะเจอป้ายและซุ้มทางเข้าแบบนี้อยู่
โบสถ์นี้ตั้งอยู่ที่บ้านซ่งแย้ หมู่ที่2ตำบลคำเตย อำเภอไทยเจริญ ค่ะ ขับเข้าซอยตรงมาประมาณ100เมตรก็จะเจอประตูแบบนี้อยู่
จะมีที่จอดรถอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวามือนะคะ แต่วันนี้วันธรรมดา รถไม่มีเราจะเข้าไปจอดด้านในๆซักหน่อย พอดีขับมอร์ไซต์มา ร้อนมากเลยค่ะ
เราจะเจอกับสวนเล็กๆขนาดย่อมๆและมีของตกแต่งอยู่บางส่วน เมื่อเดินเข้ามาจะมี พิพิธภัณฑ์'เดซาแวล'
เดซาแวลคือใคร เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังค่ะ ดูภาพต่อนะ
น้องที่อยู่ในรูปเป็นหลานของผู้ดูเแลค่ะ น่ารักมากๆเลย เดินตามเรามาด้วย ตามสวนจะมีไม้และต้นไม่ไม้ดอกประดับตกแต่งอยู่เต็มไปหมด เหมาะกับสาวๆที่ชอบถ่ายรูปดีนะ สวนก็สวยด้วย
ส่วนนี่คือหอระฆังค่ะ แล้วก็บ้านพักของบาทหลวง(จากนี้ขอใช้คำว่าคุณพ่อนะคะ)
อ่อ ขอพูดนิดนึงค่ะ คริสชนชาวคริสต์โรมันคาทอลิกจะมีนักบุญผู้รักษาประจำตัวของแต่ละคนในตอนที่ล้างบาป และจะเป็นนักบุญประจำตัวค่ะ ส่วนของพี่สาวของจขกท.คือแอนนาค่ะ
พอมองไปด้านตรงข้ามกับหน้าวัดจะเป็นโรงเรียน ชื่อโรงเรียนซ่งแย้ทิพยา โรงเรียนที่จขกท.เราตอนสมัยเด็กๆ ป.1-6
เรามาชมตัววัดกันเถอะ
นี่คือด้านหน้าของโบสถ์ค่ะ
รูปนี้คือสมัยที่ยังไม่บูรณะ ตอนที่เรายังเรียนอยู่ที่นี่ยังเป็นแบบนี้อยู่ค่ะ ^^
คุณพ่อเจ้าวัดตอนนี้คือ คุณพ่ออธิการ คุณพ่อธวัชชัย จันทรกาญจน์
และ คุณพ่อ(น้อย) คุณพ่อรังสรร วงอาษา เจอตอนขากลับพอดีเลย
ชาวบ้านชอบเรียกว่าคุณพ่อใหญ่ และคุณพ่อน้อย
บาทหลวงที่มาประจำที่นี่ จะแยกไปทำพิธีมิสซาที่วัดหนองแกด้วย เพราะเป็นวัดที่แยกออกมา เพราะชาวบ้านซ่งแย้อพยบไปสร้างหมู่บ้านที่นั่น และเป็นบ้านของเราด้วยนะ^^
จากนี้จะเล่าถึงประวัติโดยย่อของวัดให้ทุกคนได้ทราบกันนะคะ
เริ่มจากช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เล่าสืบต่อกันมาว่า หมู่บ้านซ่งแย้ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด ซึ่งที่นี่เป็นหมู่บ้านที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนหมู่บ้านอื่นๆในแถบนี้ เพราะมีความอุดมสมบูรณ์มาก มีแหล่งน้ำไหลผ่าน แต่ผู้คนที่จะมาตั้งรกรากหลายครั้งทำไม่สำเร็จเนื่องจากมีอาเพศหลายอย่าง ตามอย่างที่โบราณว่า ผีดุ ผีแข็ง ทำให้ผู้คนล้มป่วยล้มตายจำนวนมากจึงต้องอพยพหนีไป แต่ก็ยังมีคนพยายามเข้ามาตั้งรกรากอยู่เรื่อยๆ ด้วยสภาพพื้นที่ๆสมบูรณ์ แต่มีครอบครัวนึงสามารถเข้ามาตั้งรกรากอยู่ได้ก่อน จึงถูกหาว่าเป็นผีปอบและมีเพียง5ครอบครัวใหญ่เท่านั้นที่มาตั้งรกรากอยู่เพราะถูกหาว่าเป็นปอบ แต่เมื่อนั้นคุณพ่อเดซาแวลเจ้าวัดองค์แรก เข้ามายังที่บ้านซ่งแย้จากคำเชิญของคนในหมู่จึงได้รู้ว่า เป็นที่ๆเหมาะแก่การอยู่อาศัย ทำการเกษตร คุณพ่อเดซาแวนและคุณพ่ออัมโบรซีโอขอให้สร้างที่พักให้เพื่อเป็นที่พักชั่วคราวเพื่อให้สอนศาสนา และไปกลับระหว่างบ้านเซซ่งจังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นที่พักก็ได้กลายเป็นโรงสวด หรือวัดหลังแรกนั่นเอง
หนังสืออ้างอิง
ก่อนจะมีผู้ศัทธามากมาย : คำบอกเล่าจากป้าวาส
นี่คือคนที่มาพูดคุยและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่ไม่มีในหนังสือที่เราเอามาอ้างอิงค่ะ
ป้าเล่าว่า ที่มีผู้มาศัทธามากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจาก สมัยก่อนไม่มียารักษาโรคและผู้คนยังเชื่อในเรื่องผีสาง ใครที่เป็นโรคก็หาว่าเป็นผี ช่วงนั้นมีโรคระบาทหนัก คุณพ่อเดซาเวนนำยาจากต่างประเทศมารักษาให้จนหายดี ทั้งโรคผิวหนังและฝีดาษ คุณพ่อสอนเรื่องพระเจ้าและสอนศาสนาให้แก่ชาวบ้าน แต่ตอนนั้นเนื่องจากเกิดสงคราม คุณพ่อเดซาแวนยังอยู่ในคราบของทหารชาวบ้านต่างเรียกสาสนาคริสว่า ศาสนาพระเยซู ศาสนาฝรั่ง จนในที่สุดคุณพ่อต้องมีเหตุถูกเรียกกลับประเทศแต่ท่านไม่ยอมกลับ สมัยนั้นศาสนาคริสเคร่งครัดมาก ไม่ให้นับถือผี ไม่ให้มีศาลพระภูมิ และไม่กลัวผีปอบ โดยบอกว่าผีคือสิ่งไม่มีจริง ทุกคนที่เข้ามาในศาสนาจะต้องรักเดียวใจเดียวไม่ผิดประเวณี มีคู่คนเดียวจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเสียชีวิต ซึ่งผิดกับรูปแบบของไทยที่ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคน จะเห็นได้ว่า 'เขยคริส' กว่าจะเข้ามาแต่งงานกับหญิงสาวชาวคริสตชนได้ต้องไปเรียนศาสนากว่า3เดือน หรือที่เรียกกัยว่า 'คำสอน' จากนั้นคุณพ่อจะล้างบาปให้ และรับศิลต่างๆเหมือนชาวคริสตชนก่อนจะได้รับศิลสมรสพร้อมกับภรรยา (พ่อของเราเองก็ต้องเรียนคำสอนเหมือนกันค่ะ เพราะคุณพ่อนับถือพุทธ) นั่นคือความอดทนและจะทำให้มั่นคงในความรักตรงตามหลักคำสอนของศาสนาคริสต์ค่ะ
โบสถ์ถูกบรูณะเป็นครั้งที่สามแล้วค่ะ เมื่อปี 2004-2006 ช่วงนั้นเราเรียนจบออกจากโรงเรียนพอดี แต่ก็ได้เห็นภาพการบูรณะซ่อมแซมบ้าง มีชาวบ้านเยอะแยะมาช่วยกันและบริจากไม้จากที่ดินที่นาของตัวเอง จนวัดเสร็จในปี2007ซึ่งเป็นการฉลองครบรอบ100ปีของการก่อตั้งกลุ่มคริสชนหนองซ่งแย้ ซึ่งก็คือการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อลงบนดินแห่งบ้านซ่งแย้ครบ100ปี
เราจำได้ว่าสมัยก่อน(โหเหมือนนานเลย) เราเคยมาถูพื้นที่โบสถ์บ่อยๆ ช่วงนั้นพื้นโบสถ์ลื่นมาก ซิสเตอร์จะจัดให้เด็กนักเรียนมาทำความสะอาดภายในตัววัดช่วงพักเที่ยงโดยแยกเวรเป็นวันๆไป
ขอพักแปปนึงค่ะ เหนื่อย...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลำบากมากเลยมาถ่ายรูปคนเดียว เลยไม่มีใครถ่ายตัวเองให้ ตั้งเวลากล้องแล้วเอาวางไว้ที่พนักเก้าอี้ค่ะ 555
ตอนนี้เรายังไม่ทานข้าวเลยค่ะ เพราะเน็ตที่บ้านโปรเริ่มช้าลงแล้ว ลงรูปแต่ละรูปนานมาก แล้วจะลิงค์ไปที่อัลบั้มรูปที่เพจเราอีกทีนะคะ ^^ เพราะถ่ายมาเยอะมาก ขอบคุณล่วงหน้านะคะ รอซักแปปปปปปปปนึง ดึกๆจะมาลงใหม่ค่ะ ตอนนี้ขอตัวก่อน
จะพาไปทัวร์สุสานต่อ....
[SR] เที่ยวโบสถ์ไม้มหัศจรรย์ วัดอัครเทวดามีคาแอล จังหวัดยโสธร โบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุด!
เอาเป็นว่าไปดูกันก่อนเลย เริ่มจากเราขับรถมาจากทางตัวเมืองยโสธรจะไปทางมุกดาหาร ทางหลวงหมายเลข 2169 ผ่านอำเภอทรายมูล อำเภอกุดชุม และจะเข้าสู่ตำบลคำเตย มองด้านซ้ายมือไว้ค่ะ จะเจอป้ายและซุ้มทางเข้าแบบนี้อยู่
โบสถ์นี้ตั้งอยู่ที่บ้านซ่งแย้ หมู่ที่2ตำบลคำเตย อำเภอไทยเจริญ ค่ะ ขับเข้าซอยตรงมาประมาณ100เมตรก็จะเจอประตูแบบนี้อยู่
จะมีที่จอดรถอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวามือนะคะ แต่วันนี้วันธรรมดา รถไม่มีเราจะเข้าไปจอดด้านในๆซักหน่อย พอดีขับมอร์ไซต์มา ร้อนมากเลยค่ะ
เราจะเจอกับสวนเล็กๆขนาดย่อมๆและมีของตกแต่งอยู่บางส่วน เมื่อเดินเข้ามาจะมี พิพิธภัณฑ์'เดซาแวล'
เดซาแวลคือใคร เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังค่ะ ดูภาพต่อนะ
น้องที่อยู่ในรูปเป็นหลานของผู้ดูเแลค่ะ น่ารักมากๆเลย เดินตามเรามาด้วย ตามสวนจะมีไม้และต้นไม่ไม้ดอกประดับตกแต่งอยู่เต็มไปหมด เหมาะกับสาวๆที่ชอบถ่ายรูปดีนะ สวนก็สวยด้วย
ส่วนนี่คือหอระฆังค่ะ แล้วก็บ้านพักของบาทหลวง(จากนี้ขอใช้คำว่าคุณพ่อนะคะ)
อ่อ ขอพูดนิดนึงค่ะ คริสชนชาวคริสต์โรมันคาทอลิกจะมีนักบุญผู้รักษาประจำตัวของแต่ละคนในตอนที่ล้างบาป และจะเป็นนักบุญประจำตัวค่ะ ส่วนของพี่สาวของจขกท.คือแอนนาค่ะ
พอมองไปด้านตรงข้ามกับหน้าวัดจะเป็นโรงเรียน ชื่อโรงเรียนซ่งแย้ทิพยา โรงเรียนที่จขกท.เราตอนสมัยเด็กๆ ป.1-6
เรามาชมตัววัดกันเถอะ
นี่คือด้านหน้าของโบสถ์ค่ะ
รูปนี้คือสมัยที่ยังไม่บูรณะ ตอนที่เรายังเรียนอยู่ที่นี่ยังเป็นแบบนี้อยู่ค่ะ ^^
คุณพ่อเจ้าวัดตอนนี้คือ คุณพ่ออธิการ คุณพ่อธวัชชัย จันทรกาญจน์
และ คุณพ่อ(น้อย) คุณพ่อรังสรร วงอาษา เจอตอนขากลับพอดีเลย
ชาวบ้านชอบเรียกว่าคุณพ่อใหญ่ และคุณพ่อน้อย
บาทหลวงที่มาประจำที่นี่ จะแยกไปทำพิธีมิสซาที่วัดหนองแกด้วย เพราะเป็นวัดที่แยกออกมา เพราะชาวบ้านซ่งแย้อพยบไปสร้างหมู่บ้านที่นั่น และเป็นบ้านของเราด้วยนะ^^
จากนี้จะเล่าถึงประวัติโดยย่อของวัดให้ทุกคนได้ทราบกันนะคะ
เริ่มจากช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เล่าสืบต่อกันมาว่า หมู่บ้านซ่งแย้ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด ซึ่งที่นี่เป็นหมู่บ้านที่ก่อตั้งขึ้นมาก่อนหมู่บ้านอื่นๆในแถบนี้ เพราะมีความอุดมสมบูรณ์มาก มีแหล่งน้ำไหลผ่าน แต่ผู้คนที่จะมาตั้งรกรากหลายครั้งทำไม่สำเร็จเนื่องจากมีอาเพศหลายอย่าง ตามอย่างที่โบราณว่า ผีดุ ผีแข็ง ทำให้ผู้คนล้มป่วยล้มตายจำนวนมากจึงต้องอพยพหนีไป แต่ก็ยังมีคนพยายามเข้ามาตั้งรกรากอยู่เรื่อยๆ ด้วยสภาพพื้นที่ๆสมบูรณ์ แต่มีครอบครัวนึงสามารถเข้ามาตั้งรกรากอยู่ได้ก่อน จึงถูกหาว่าเป็นผีปอบและมีเพียง5ครอบครัวใหญ่เท่านั้นที่มาตั้งรกรากอยู่เพราะถูกหาว่าเป็นปอบ แต่เมื่อนั้นคุณพ่อเดซาแวลเจ้าวัดองค์แรก เข้ามายังที่บ้านซ่งแย้จากคำเชิญของคนในหมู่จึงได้รู้ว่า เป็นที่ๆเหมาะแก่การอยู่อาศัย ทำการเกษตร คุณพ่อเดซาแวนและคุณพ่ออัมโบรซีโอขอให้สร้างที่พักให้เพื่อเป็นที่พักชั่วคราวเพื่อให้สอนศาสนา และไปกลับระหว่างบ้านเซซ่งจังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นที่พักก็ได้กลายเป็นโรงสวด หรือวัดหลังแรกนั่นเอง
หนังสืออ้างอิง
ก่อนจะมีผู้ศัทธามากมาย : คำบอกเล่าจากป้าวาส
นี่คือคนที่มาพูดคุยและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่ไม่มีในหนังสือที่เราเอามาอ้างอิงค่ะ
ป้าเล่าว่า ที่มีผู้มาศัทธามากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจาก สมัยก่อนไม่มียารักษาโรคและผู้คนยังเชื่อในเรื่องผีสาง ใครที่เป็นโรคก็หาว่าเป็นผี ช่วงนั้นมีโรคระบาทหนัก คุณพ่อเดซาเวนนำยาจากต่างประเทศมารักษาให้จนหายดี ทั้งโรคผิวหนังและฝีดาษ คุณพ่อสอนเรื่องพระเจ้าและสอนศาสนาให้แก่ชาวบ้าน แต่ตอนนั้นเนื่องจากเกิดสงคราม คุณพ่อเดซาแวนยังอยู่ในคราบของทหารชาวบ้านต่างเรียกสาสนาคริสว่า ศาสนาพระเยซู ศาสนาฝรั่ง จนในที่สุดคุณพ่อต้องมีเหตุถูกเรียกกลับประเทศแต่ท่านไม่ยอมกลับ สมัยนั้นศาสนาคริสเคร่งครัดมาก ไม่ให้นับถือผี ไม่ให้มีศาลพระภูมิ และไม่กลัวผีปอบ โดยบอกว่าผีคือสิ่งไม่มีจริง ทุกคนที่เข้ามาในศาสนาจะต้องรักเดียวใจเดียวไม่ผิดประเวณี มีคู่คนเดียวจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเสียชีวิต ซึ่งผิดกับรูปแบบของไทยที่ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคน จะเห็นได้ว่า 'เขยคริส' กว่าจะเข้ามาแต่งงานกับหญิงสาวชาวคริสตชนได้ต้องไปเรียนศาสนากว่า3เดือน หรือที่เรียกกัยว่า 'คำสอน' จากนั้นคุณพ่อจะล้างบาปให้ และรับศิลต่างๆเหมือนชาวคริสตชนก่อนจะได้รับศิลสมรสพร้อมกับภรรยา (พ่อของเราเองก็ต้องเรียนคำสอนเหมือนกันค่ะ เพราะคุณพ่อนับถือพุทธ) นั่นคือความอดทนและจะทำให้มั่นคงในความรักตรงตามหลักคำสอนของศาสนาคริสต์ค่ะ
โบสถ์ถูกบรูณะเป็นครั้งที่สามแล้วค่ะ เมื่อปี 2004-2006 ช่วงนั้นเราเรียนจบออกจากโรงเรียนพอดี แต่ก็ได้เห็นภาพการบูรณะซ่อมแซมบ้าง มีชาวบ้านเยอะแยะมาช่วยกันและบริจากไม้จากที่ดินที่นาของตัวเอง จนวัดเสร็จในปี2007ซึ่งเป็นการฉลองครบรอบ100ปีของการก่อตั้งกลุ่มคริสชนหนองซ่งแย้ ซึ่งก็คือการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อลงบนดินแห่งบ้านซ่งแย้ครบ100ปี
เราจำได้ว่าสมัยก่อน(โหเหมือนนานเลย) เราเคยมาถูพื้นที่โบสถ์บ่อยๆ ช่วงนั้นพื้นโบสถ์ลื่นมาก ซิสเตอร์จะจัดให้เด็กนักเรียนมาทำความสะอาดภายในตัววัดช่วงพักเที่ยงโดยแยกเวรเป็นวันๆไป
ขอพักแปปนึงค่ะ เหนื่อย...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนนี้เรายังไม่ทานข้าวเลยค่ะ เพราะเน็ตที่บ้านโปรเริ่มช้าลงแล้ว ลงรูปแต่ละรูปนานมาก แล้วจะลิงค์ไปที่อัลบั้มรูปที่เพจเราอีกทีนะคะ ^^ เพราะถ่ายมาเยอะมาก ขอบคุณล่วงหน้านะคะ รอซักแปปปปปปปปนึง ดึกๆจะมาลงใหม่ค่ะ ตอนนี้ขอตัวก่อน
จะพาไปทัวร์สุสานต่อ....