ดูเหมือนว่า คำตัดสินประหารชีวิตสมาชิกกลุ่มภราดรภาพมุสลิม จะเป็นเรื่องที่ศาลอียิปต์มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แม้ว่าก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายจะได้ออกมาคัดค้าน และประณามคำตัดสินในลักษณะดังกล่าวหลายต่อหลายครั้งก็ตาม โดยรัฐบาลรักษาการอียิปต์เชื่อว่า วิธีการดังกล่าวจะสามารถกวาดล้างขั้วตรงข้ามของตนเองได้สำเร็จ
การตัดสินโทษประหารชีวิตสมาชิกกลุ่มภราดรภาพมุสลิม 683 คนของศาลอียิปต์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นช่วงระยะเวลาเพียง 1 เดือน หลังจากที่ศาลได้ตัดสินให้สมาชิกกลุ่มภราดรภาพมุสลิม 529 คน ต้องโทษประหารชีวิตด้วยข้อหาก่อความไม่สงบเหมือนกัน หากนับรวมยอดจำเลยที่ศาลอียิปต์ตัดสินประหารชีวิตทั้งสองครั้งรวมกัน ก็จะเท่ากับ 1,212 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มากที่สุดครั้งหนึ่งของโลกในการพิพากษาประหารชีวิต ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่
คำพิพากษาดังกล่าวได้ทำให้นานาชาติ รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ รีบออกมาประณาม พร้อมกับเรียกร้องให้ศาลอียิปต์ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลในการพิจารณาคดีความ โดยเฉพาะคดีของผู้ต้องหา ที่เป็นขั้วตรงข้ามกับรัฐบาลรักษาการชุดปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารโค่นล้มอำนาจนายโมฮัมเหม็ด มอร์ซี อดีตประธานาธิบดีอียิปต์
ทางการสหรัฐฯ มองว่า คำตัดสินในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพในอียิปต์มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน และจะเป็นอันตรายต่อรัฐบาลอียิปต์เอง เนื่องจากเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ศาลอียิปต์เป็นขั้วตรงข้ามกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิม และผู้นำอียิปต์ควรเร่งแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว
การอ่านคำพิพากษาของศาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น โดยที่บุคคลภายนอกไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่า ศาลยกหลักฐานอะไรมาใช้ในการตัดสิน ขณะที่บรรดาญาติของจำเลยส่วนใหญ่ก็ยืนยันว่า บุคคลอันเป็นที่รักของเขานั้นเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิมแต่อย่างใด
ที่ผ่านมารัฐบาลรักษาการของอียิปต์ได้เดินหน้าปราบปรามกลุ่มภราดรภาพมุสลิมอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่หลังการรัฐประหาร ซึ่งในขณะนี้ ได้มีการจับกุมคุมขังกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงหลายพันคน รวมถึงสมาชิกของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมด้วย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมตัวกลุ่มนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ผู้สื่อข่าว และนักเรียนนักศึกษา ล่าสุด ยังสั่งห้ามกลุ่ม April 6 Youth Movement เคลื่อนไหวในประเทศอีกด้วย โดยกลุ่มดังกล่าวถือว่ามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ในการออกมาเดินขบวนเคลื่อนไหวโค่นล้มนายฮอสนี มูบารัก อดีตประธานาธิบดีอียิปต์ในปี 2554
โดยนักวิเคราะห์มองว่า สิ่งที่รัฐบาลรักษาการของอียิปต์กำลังทำอยู่ตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับเมื่อครั้งที่สหรัฐฯ เดินหน้าปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 โดยอียิปต์กำลังหวาดกลัวภัยร้ายอย่างกลุ่มภราดรภาพมุสลิม กลุ่มการเมืองสำคัญที่เคลื่อนไหวมานานเกือบร้อยปี
ซึ่งเชื่อว่า หากมีการกวาดล้างกลุ่มนี้จนหมดสิ้น จะทำให้การเปลี่ยนผ่านอำนาจหลังการรัฐประหารเป็นไปอย่างราบรื่น และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนหน้าก็จะผ่านไปได้อย่างไม่มีอุปสรรค แต่ดูเหมือนว่าความเชื่อดังกล่าวอาจผิด เนื่องจากกลุ่มภราดรภาพมุสลิมมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มมุสลิมอื่นๆทั่วภูมิภาค และกลุ่มเหล่านี้ก็ให้การสนับสนุนภราดรภาพมุสลิมเป็นอย่างดี ความพยายามตัดไฟแต่ต้นลมของรัฐบาลอียิปต์ในลักษณะนี้จึงไม่ส่ลผลดีแม้แต่น้อย และอาจทำให้การประท้วงต่อต้านรัฐบาลลุกลามบานปลายจนยากจะควบคุมอีกครั้ง
ที่มา :
http://shows.voicetv.co.th/voice-world-wide/104188.html
29 เมษายน 2557
ศาลอียิปต์กับคำสั่งประหารชีวิตที่คุ้นเคย
ดูเหมือนว่า คำตัดสินประหารชีวิตสมาชิกกลุ่มภราดรภาพมุสลิม จะเป็นเรื่องที่ศาลอียิปต์มีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แม้ว่าก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายจะได้ออกมาคัดค้าน และประณามคำตัดสินในลักษณะดังกล่าวหลายต่อหลายครั้งก็ตาม โดยรัฐบาลรักษาการอียิปต์เชื่อว่า วิธีการดังกล่าวจะสามารถกวาดล้างขั้วตรงข้ามของตนเองได้สำเร็จ
การตัดสินโทษประหารชีวิตสมาชิกกลุ่มภราดรภาพมุสลิม 683 คนของศาลอียิปต์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เป็นช่วงระยะเวลาเพียง 1 เดือน หลังจากที่ศาลได้ตัดสินให้สมาชิกกลุ่มภราดรภาพมุสลิม 529 คน ต้องโทษประหารชีวิตด้วยข้อหาก่อความไม่สงบเหมือนกัน หากนับรวมยอดจำเลยที่ศาลอียิปต์ตัดสินประหารชีวิตทั้งสองครั้งรวมกัน ก็จะเท่ากับ 1,212 คน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มากที่สุดครั้งหนึ่งของโลกในการพิพากษาประหารชีวิต ที่เกิดขึ้นในยุคสมัยใหม่
คำพิพากษาดังกล่าวได้ทำให้นานาชาติ รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ รีบออกมาประณาม พร้อมกับเรียกร้องให้ศาลอียิปต์ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลในการพิจารณาคดีความ โดยเฉพาะคดีของผู้ต้องหา ที่เป็นขั้วตรงข้ามกับรัฐบาลรักษาการชุดปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารโค่นล้มอำนาจนายโมฮัมเหม็ด มอร์ซี อดีตประธานาธิบดีอียิปต์
ทางการสหรัฐฯ มองว่า คำตัดสินในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพในอียิปต์มากขึ้นกว่าเมื่อก่อน และจะเป็นอันตรายต่อรัฐบาลอียิปต์เอง เนื่องจากเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ศาลอียิปต์เป็นขั้วตรงข้ามกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิม และผู้นำอียิปต์ควรเร่งแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว
การอ่านคำพิพากษาของศาลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น โดยที่บุคคลภายนอกไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่า ศาลยกหลักฐานอะไรมาใช้ในการตัดสิน ขณะที่บรรดาญาติของจำเลยส่วนใหญ่ก็ยืนยันว่า บุคคลอันเป็นที่รักของเขานั้นเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิมแต่อย่างใด
ที่ผ่านมารัฐบาลรักษาการของอียิปต์ได้เดินหน้าปราบปรามกลุ่มภราดรภาพมุสลิมอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่หลังการรัฐประหาร ซึ่งในขณะนี้ ได้มีการจับกุมคุมขังกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงหลายพันคน รวมถึงสมาชิกของกลุ่มภราดรภาพมุสลิมด้วย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมตัวกลุ่มนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย ผู้สื่อข่าว และนักเรียนนักศึกษา ล่าสุด ยังสั่งห้ามกลุ่ม April 6 Youth Movement เคลื่อนไหวในประเทศอีกด้วย โดยกลุ่มดังกล่าวถือว่ามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ในการออกมาเดินขบวนเคลื่อนไหวโค่นล้มนายฮอสนี มูบารัก อดีตประธานาธิบดีอียิปต์ในปี 2554
โดยนักวิเคราะห์มองว่า สิ่งที่รัฐบาลรักษาการของอียิปต์กำลังทำอยู่ตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับเมื่อครั้งที่สหรัฐฯ เดินหน้าปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 โดยอียิปต์กำลังหวาดกลัวภัยร้ายอย่างกลุ่มภราดรภาพมุสลิม กลุ่มการเมืองสำคัญที่เคลื่อนไหวมานานเกือบร้อยปี
ซึ่งเชื่อว่า หากมีการกวาดล้างกลุ่มนี้จนหมดสิ้น จะทำให้การเปลี่ยนผ่านอำนาจหลังการรัฐประหารเป็นไปอย่างราบรื่น และการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือนหน้าก็จะผ่านไปได้อย่างไม่มีอุปสรรค แต่ดูเหมือนว่าความเชื่อดังกล่าวอาจผิด เนื่องจากกลุ่มภราดรภาพมุสลิมมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับกลุ่มมุสลิมอื่นๆทั่วภูมิภาค และกลุ่มเหล่านี้ก็ให้การสนับสนุนภราดรภาพมุสลิมเป็นอย่างดี ความพยายามตัดไฟแต่ต้นลมของรัฐบาลอียิปต์ในลักษณะนี้จึงไม่ส่ลผลดีแม้แต่น้อย และอาจทำให้การประท้วงต่อต้านรัฐบาลลุกลามบานปลายจนยากจะควบคุมอีกครั้ง
ที่มา : http://shows.voicetv.co.th/voice-world-wide/104188.html
29 เมษายน 2557