สวัสดีครับ รีวิวแรกของที่นี่หลังจากเปลี่ยนโฉมพันทิพย์มานาน แต่โฉมเก่าก็ไม่ค่อยได้รีวิวเท่าไหร่ครับ
สำหรับทริปนี้เป็นทริปเดินทางไปเที่ยวสวิสช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาครับ
ทริปเดินทางของผมส่วนใหญ่จะเริ่มจากการได้ตั๋วเครื่องบินมาก่อน และนี่ก็เป็นอีกทริปหนึ่งที่ได้ตั๋วเครื่องบิน
มาแบบที่ต้องไปลุ้นวีซ่าเอาทีหลัง เริ่มแรกตั้งใจว่าจะไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว อุตส่าห์ไปแลกไมล์การบิน
ไทยรักคุณเท่าฟ้าแบบลด 50% จำนวนไมล์มาแล้ว แต่ก็ติดขัดหลายเรื่องจนต้องล้มทริปไป และขอไมล์คืน
จากนั้นผ่านมาถึงเดือน 10 ก็ไปเจอโปร QATAR AIRWAYS เข้า ราคาต่อคนหย่อน 28,000 มาหน่อยก็เลย
สอยไว้เลยครับเป็นช่วงสงกรานต์พอดีด้วย แต่ต้องไป VIA ที่ DOHA ทั้งไปและกลับ ก็ไม่เป็นไรครับถือซะว่า
ได้ลงไปยืดเส้นยืดสายครึ่งทาง
เมื่อมีตั๋วแล้วก็เริ่มจัดทริปครับ ทริปนี้เรามี 10 วันเต็มในสวิส เริ่มเดินทางจากกรุงเทพ คืนวันที่ 13 เมษา ถึง
สวิส 6.45 น. วันที่ 14 ไฟล์ทกลับออกจากสวิส 11.05 น. วันที่ 23 ถึงกรุงเทพ 12.05 น. วันที่ 24 เมษา ขากลับ
VIA ที่ DOHA 7 ชั่วโมงครับเพื่อของถูก
เริ่มทำทริปกันเลย กว่าจะลงตัวเป็นแบบนี้ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกนะครับ ขอบอกว่า ไปตามที่คุณอยากไป อย่า
ไปตามที่คนอื่นเคยไปครับ เอาข้อมูลต่างๆมานั่งดูเป็นแนวทาง แล้วอยากไปที่ไหนก็ไปเลยครับ บางวันคนอื่นอาจ
เที่ยวได้ครบ เราอาจเที่ยวไม่ครบ บางวันอาจเที่ยวได้มากกว่าคนอื่น บางที่ก็ขุ้นกับสภาพอากาศด้วย สิ่งที่แนะนำ
ได้คือถ้าจะขึ้นเขา ให้เผื่อที่พักไว้สักวันสองวัน แล้วจัดโปรแกรมให้อยู่ในเขตเดียวกัน ถ้าอากาศไม่ดีเปลี่ยนเป็น
เที่ยวตามเมืองก่อนแล้วค่อยขยับวันขึ้นเขาออกไปครับ เรามาดูโปรแกรมกัน
เมื่อจัดทริปเสร็จก็จองโรงแรมครับ ผมจองผ่าน www.booking.com เพราะปรับเปลี่ยน ยกเลิกได้ไม่เสียค่า
ธรรมเนียม และไม่ต้องจ่ายเงินก่อนล่วงหน้าครับไปจ่ายกับทางโรงแรมในวันเข้าพัก ที่พักส่วนใหญ่ที่ผมจองจะ
เป็น Youth Hostel เพราะมันถูกและมีห้องพักสำหรับ 4 คน ราคาที่พักในสวิสแพงมากครับขนาด Youth Hostel
ยังคืนละ 5 - 6 พันบาทต่อห้อง(4 คน) ครับ เวลาจองใส่ชื่อเข้าพักให้ครบทุกคนนะครับแต่ถ้าไม่ได้ใส่ก็เรียกมา
Manage My Booking ที่หลังได้เพราะต้องใช้ในการยื่นวีซ่าครับ
การจัดโปรแกรมเที่ยวสวิสเราต้องเข้าไปดูตารางขนส่วสาธารณะประกอบครับ ขนส่งสาธารณะที่นี่ออกตรงเวลา
มากครับทำให้เราวางแผนเดินทางได้แม่นยำมาก ตัวอย่างแผนการเดินทางวันที่ 7 ของผมมีการเปลี่ยนแผนเพราะ
สวิสพาสผมใกล้หมดอายุผมจึงต้องนำโปรแกรมขึ้น Rigi มาไว้วันนี้แทน แล้วขยับการล่องทะเลสาบ Brienz มาไว้
วันที่ 6 แทน ผมจึงเปลี่ยนแผนมาขึ้น Gloden Pass line เที่ยวเช้าจาก Interlaken ไป Lucerne ผมมีเวลา 12 นาที
เพื่อเอากระเป๋าไปฝาก locker แล้ววิ่งไปขึ้นเรือเพื่อไป Rigi รายละเอียดจะเล่าให้ฟังอีกทีครับ ตารางรถสามารถ
ตรวจสอบได้ที่เวปไซต์
http://www.sbb.ch/en/home.html หลักๆจะเป็นตารางรถไฟ แต่ถ้าเส้นทางมีลงเรือหรือ
ขึ้นรถเมล์จะมีลิงค์ไปให้ครับ
ขั้นตอนสำคัญก่อนเดินทางก็คือการขอวีซ่า ซึ่งสวิสเซอร์แลนด์เป็นประเทศในกลุ่ม Schengen วีซ่าที่ขอจึงต้องเป็น
เชงเก้นวีซ่า (Schengen Visa) เท่านั้นครับ ผู้ขอทุกคนที่ยังไม่เคยบันทึก Biometric ต้องไปแสดงตัวที่สถานฑูตหรือ
สำนักงานตัวแทนตามข้อกำหนดของสถานฑูตแต่ละประเทศครับ
การขอวีซ่ากรณีสถานฑูตสวิส
เราต้องเข้าไปจองคิวกับตัวแทนก่อนครับที่ TLScontact เข้าเวป www.tlscontact.com/th2ch/login.php?l=th
เริ่มต้นคือเข้าไปสมัครสมาชิกไว้ก่อนโดยใช้ email จะมีขั้นตอนการ verified email ถ้าไปกันหลายคนสมัครคนเดียว
แล้วจองคิวแทนกันได้ครับ แต่ต้องเป็นวันและเวลานัดเดียวกันเท่านั้น การจองคิวให้จองไว้แต่เนิ่นๆนะครับ 1 เดือน
ก่อนเดินทางกำลังดี เผื่อมีอะไรผิดพลาดวีซ่าไม่ผ่าน จะได้ยื่นอุทธรณ์ทัน พอจองคิวเสร็จจะมีเมล์ยืนยันกลับมาและ
ลิงค์ให้เข้าไป download แบบฟอร์ม พร้อมรายการเอกสารที่เราต้องแนบไปพร้อมกับแบบฟอร์ม หลักๆก็มี
1 รูปถ่ายหน้าตรง 2 นิ้ว 2 รูป 1 รูปทากาวติดไปกับแบบฟอร์มเลย อีกรูปให้ไปพร้อมเอกสารอื่น อย่าเย็บแม็กซ์นะครับ
2 จดหมายรับรองการเป็นพนักงานจากบริษัท จดหมายรับรองจากสถานศึกษา กรณีผู้เยาว์
3 สำเนาสมุดธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน Book เงินเดือน และ book เงินเก็บ กรณีแยกกัน ต้องมีเงินใน book อย่างน้อย
100 สวิสฟรังก์ต่อวันต่อคนของการเดินทาง เช่นไป 10 วัน ก็ต้องมีอย่างน้อย 37000 ต่อคน ถ้าคุณพ่อรับรองเงินให้
คุณแม่และคุณลูกด้วยก็คูณจำนวนคนเข้าไปครับ แล้วเวลาแนบเอกสาร ก็แนบ สำเนา Book Bank ของคุณพ่อไปให้
ครบทุกคนครับ
4 ตั๋วเครื่องบินทั้งขาไปและขากลับหรือเอกสารยืนยันการจองตั๋วที่มีการ Confirm แล้ว แยกแต่ละคนนะครับ
5 สำเนาการจองที่พัก แยกแต่ละคนครับ ตามที่ผมกล่าวไว้ก่อนหน้าตอนจองที่พักให้ระบุรายชื่อผู้เข้าพักเลย
6 ประกันภัยการเดินทางกับบริษัทที่ได้รับการรับรองจากสหภาพยุโรป ซึ่งเค้าจะระบุมาให้ครับ และต้องระบุการเดินทาง
เข้าประเทศกลุ่มเชงเก้นในกรมธรรพ์ด้วย ถ้าไปเป็นครอบครัว ประกันแบบ Family ได้ครับ เบี้ยจะถูกกว่า
7 สำเนาพาสปอร์ต หน้าที่มีรายละเอียดตัวเราและทุกหน้าที่มีรอยแสตมป์ครับ ถ้ามีเล่มเก่าก็ถ่ายสำเนาเล่มเก่าไปด้วย
8 สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาสูติบัตรกรณีเป็นผู้เยาว์ สำเนาใบเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล สำเนาทะเบียนสมรส
เอกสารทั้งหมดที่กล่าวมา เอาตัวจริงไปแสดงด้วยนะครับยกเว้นหนังสือรับรองที่ไม่ต้องถ่ายสำเนาเพราะเค้า
เอาตัวจริง
ถึงวันนัดก็ไปตามคิวที่จอง แนะนำให้จอง 8.00 น. หรือ 8.30 น. ครับ เพราะยื่นเอกสารเสร็จเราต้องไปสถานฑูตอีก
เพื่อบันทึก Biometic สำนักงาน TLS Contract อยู่ที่ถนนสาทร อาคารสาทรซิตี้ครับ ถ้าขอวีซ่าฝรั่งเศสก็มาที่เดียวกัน
เมื่อถึงคิวนัดก็นำใบนัดไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้า เค้าจะแจกบัตรคิวให้ตามรอบนัดครับ จากนั้นเข้าไปนั่งรอ
ด้านในคอยดูจอทีวี จะขึ้นคิว ชื่อกลุ่มเราและช่องที่ติดต่อมา ก็ไปเข้าช่องตามที่ระบุพร้อมกันทั้งกลุ่ม เจ้าหน้าที่
จะตรวจเอกสารทีละคนครับขอดูตัวจริงด้วย แล้วจะประทับตราในสำเนาเหมือนว่าได้ตรวจสอบตัวจริงแล้ว จาก
นั้นก็จะให้เราเซนต์เอกสาร แล้วคืนตัวจริงทั้งหมดมา ยกเว้นพาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน กับหนังสือรับรองเงิยเดือน
หรือหนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษา ตรวจเอกสารเสร็จก็ไปจ่ายค่าธรรมเนียมครับคนละ 3,513 บาท (ค่า
วีซ่า 2,650 บาท และค่าธรรมเนียม 863 บาท) จะได้ใบนัดรับหนังสือเดินทางมา
เสร็จขั้นตอนยื่นเอกสารก็ไปทานข้าวกันก่อนได้เลยครับ แล้วขึ้นรถไฟฟ้า BTS จากสถานีช่องนนทรี ไปลงที่
สถานีเพลินจิตเพื่อไปสถานฑูตสวิส บันทึกข้อมูลทางชีวภาพหรือ Biometic ไปถึงก็แลกบัตรแล้วเข้าไปนั่งรอ
ด้านใน เอกสารจะส่งจาก TLS มาที่นี่เจ้าหน้าที่จะออกมาเรียกชื่อทีละคนครับ เข้าไปข้างในเค้าจะให้แสกนลาย
นิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว เสร็จแล้วก็แจกช๊อคโกแลตสวิสคนละชิ้น เป็นอันเสร็จครับ จากนี้ก็กลับไปนั่งรอ SMS เค้าจะ
แจ้งมาให้ไปรับพาสปอร์ตคืน ของผมยื่นวันจันทร์ วันพุธตอนบ่ายๆได้รับ SMS วันพฤหัสช่วงบ่ายก็ไปรับเล่มคืน
ตอนรับเล่มคืนรับแทนกันได้นะครับ แต่ต้องถ่ายสำเนาบัตรประชาชนและมอบอำนาจให้ผู้รับแทนครับ ก็เขียน
ลงไปในสำเนาบัตรเลยครับว่า ข้าพเจ้า......ขอมอบอำนาจให้.......รับพาสปอร์ตจาก TLS Contract แทนข้าพเจ้า
ลงนามและวันที่เท่านั้นครับ ส่วนผู้เยาว์ ถ้าพ่อไปรับแทนก็ถ่ายสำเนาบัตรแม่ไปพร้อมให้แม่มอบอำนาจ แต่ถ้าให้
คนอื่นไปรับแทน ต้องมอบอำนาจทั้งพ่อและแม่นะครับ
เมื่อได้วีซ่ามาแล้วก็เตรียมซื้อสวิสพาสครับ ผมซื้อจากบริษัท Realtime Travel Solution (RTS) ผมเจอเค้ามาออก
บูทในงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก(TITF) ที่ศูนย์สิริกิต ตอนไปที่งานผมยังไม่ได้ขอวีซ่า เจ้าหน้าที่จึงให้เอกสารมา
แล้วให้ผมขอวีซ่าก่อนแล้วติดต่อไปที่บริษัทจะได้เงื่อนไขเหมือนในงาน ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 355 Euro ราคาเยาวชน
อายุระหว่าง 16-25 ปี 309 Euro เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ขึ้นฟรีแต่ต้องเดินทางพร้อมกับพ่อแม่นะครับ เค้าจะออกตั๋ว
สำหรับเด็กให้ ราคานี้แถม Voucher ขึ้น Jungfraujoch ฟรีทุกคนครับ
จากนั้นก็เตรียมแลกเงินครับ ให้แลกเป็น สวิสฟรังก์ไปเลยไม่ต้องแลกยูโรถ้าคุณไปประเทศเดียวนะครับแต่ถ้ามี
แผนไปประเทศอื่นๆด้วย ก็ค่อยแลกยูโรไปเผื่อครับ
อื่นๆอีกมากมายที่เราเตรียมไปด้วยก็มีดังนี้ครับ(อันนี้แล้วแต่ Life Style และทุนทรัพย์ของแต่ละคนนะครับ)
1. ปลั๊กไฟแบบหัวแปลงเต้าเสียบที่ใช้ได้ทุกประเทศ ซื้อใน Lotus, Big C, Homepro มีขายแน่นอนครับ ส่วน
ใครไปประเทศไหนแล้วอยากทราบว่าเค้าใช้ไฟและเต้าเสียบยังไงแนะนำให้โหลด App World Volt ที่
App Store ฟรีครับ
2. ปลั๊กพ่วง
3. หม้อหุงข้าวใบเล็ก ไว้หุงข้าวกินมื้อเย็นครับ ข้าวเอาไปนิดหน่อยสำหรับหุงกินมื้อแรกที่เหลือไปซื้อเอาที่นู่น
4. หมูหยอง น้ำพริกแห้งแบบกระปุก อาหารสำเร็จรูปแบบซองตราโรซา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่เข็มไชยา
5. เสื้อผ้า เครื่องกันหนาว
6. กล้องถ่ายรูป เมมโมรี่สำรอง ที่ชาร์ตแบต
7. Tablet, Smart Phone พร้อมที่ชาร์ต
เที่ยว Switzerland ตามหา toblerone สุดขอบฟ้า ตอน 1
สวัสดีครับ รีวิวแรกของที่นี่หลังจากเปลี่ยนโฉมพันทิพย์มานาน แต่โฉมเก่าก็ไม่ค่อยได้รีวิวเท่าไหร่ครับ
สำหรับทริปนี้เป็นทริปเดินทางไปเที่ยวสวิสช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาครับ
ทริปเดินทางของผมส่วนใหญ่จะเริ่มจากการได้ตั๋วเครื่องบินมาก่อน และนี่ก็เป็นอีกทริปหนึ่งที่ได้ตั๋วเครื่องบิน
มาแบบที่ต้องไปลุ้นวีซ่าเอาทีหลัง เริ่มแรกตั้งใจว่าจะไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว อุตส่าห์ไปแลกไมล์การบิน
ไทยรักคุณเท่าฟ้าแบบลด 50% จำนวนไมล์มาแล้ว แต่ก็ติดขัดหลายเรื่องจนต้องล้มทริปไป และขอไมล์คืน
จากนั้นผ่านมาถึงเดือน 10 ก็ไปเจอโปร QATAR AIRWAYS เข้า ราคาต่อคนหย่อน 28,000 มาหน่อยก็เลย
สอยไว้เลยครับเป็นช่วงสงกรานต์พอดีด้วย แต่ต้องไป VIA ที่ DOHA ทั้งไปและกลับ ก็ไม่เป็นไรครับถือซะว่า
ได้ลงไปยืดเส้นยืดสายครึ่งทาง
เมื่อมีตั๋วแล้วก็เริ่มจัดทริปครับ ทริปนี้เรามี 10 วันเต็มในสวิส เริ่มเดินทางจากกรุงเทพ คืนวันที่ 13 เมษา ถึง
สวิส 6.45 น. วันที่ 14 ไฟล์ทกลับออกจากสวิส 11.05 น. วันที่ 23 ถึงกรุงเทพ 12.05 น. วันที่ 24 เมษา ขากลับ
VIA ที่ DOHA 7 ชั่วโมงครับเพื่อของถูก
เริ่มทำทริปกันเลย กว่าจะลงตัวเป็นแบบนี้ เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกนะครับ ขอบอกว่า ไปตามที่คุณอยากไป อย่า
ไปตามที่คนอื่นเคยไปครับ เอาข้อมูลต่างๆมานั่งดูเป็นแนวทาง แล้วอยากไปที่ไหนก็ไปเลยครับ บางวันคนอื่นอาจ
เที่ยวได้ครบ เราอาจเที่ยวไม่ครบ บางวันอาจเที่ยวได้มากกว่าคนอื่น บางที่ก็ขุ้นกับสภาพอากาศด้วย สิ่งที่แนะนำ
ได้คือถ้าจะขึ้นเขา ให้เผื่อที่พักไว้สักวันสองวัน แล้วจัดโปรแกรมให้อยู่ในเขตเดียวกัน ถ้าอากาศไม่ดีเปลี่ยนเป็น
เที่ยวตามเมืองก่อนแล้วค่อยขยับวันขึ้นเขาออกไปครับ เรามาดูโปรแกรมกัน
เมื่อจัดทริปเสร็จก็จองโรงแรมครับ ผมจองผ่าน www.booking.com เพราะปรับเปลี่ยน ยกเลิกได้ไม่เสียค่า
ธรรมเนียม และไม่ต้องจ่ายเงินก่อนล่วงหน้าครับไปจ่ายกับทางโรงแรมในวันเข้าพัก ที่พักส่วนใหญ่ที่ผมจองจะ
เป็น Youth Hostel เพราะมันถูกและมีห้องพักสำหรับ 4 คน ราคาที่พักในสวิสแพงมากครับขนาด Youth Hostel
ยังคืนละ 5 - 6 พันบาทต่อห้อง(4 คน) ครับ เวลาจองใส่ชื่อเข้าพักให้ครบทุกคนนะครับแต่ถ้าไม่ได้ใส่ก็เรียกมา
Manage My Booking ที่หลังได้เพราะต้องใช้ในการยื่นวีซ่าครับ
การจัดโปรแกรมเที่ยวสวิสเราต้องเข้าไปดูตารางขนส่วสาธารณะประกอบครับ ขนส่งสาธารณะที่นี่ออกตรงเวลา
มากครับทำให้เราวางแผนเดินทางได้แม่นยำมาก ตัวอย่างแผนการเดินทางวันที่ 7 ของผมมีการเปลี่ยนแผนเพราะ
สวิสพาสผมใกล้หมดอายุผมจึงต้องนำโปรแกรมขึ้น Rigi มาไว้วันนี้แทน แล้วขยับการล่องทะเลสาบ Brienz มาไว้
วันที่ 6 แทน ผมจึงเปลี่ยนแผนมาขึ้น Gloden Pass line เที่ยวเช้าจาก Interlaken ไป Lucerne ผมมีเวลา 12 นาที
เพื่อเอากระเป๋าไปฝาก locker แล้ววิ่งไปขึ้นเรือเพื่อไป Rigi รายละเอียดจะเล่าให้ฟังอีกทีครับ ตารางรถสามารถ
ตรวจสอบได้ที่เวปไซต์ http://www.sbb.ch/en/home.html หลักๆจะเป็นตารางรถไฟ แต่ถ้าเส้นทางมีลงเรือหรือ
ขึ้นรถเมล์จะมีลิงค์ไปให้ครับ
ขั้นตอนสำคัญก่อนเดินทางก็คือการขอวีซ่า ซึ่งสวิสเซอร์แลนด์เป็นประเทศในกลุ่ม Schengen วีซ่าที่ขอจึงต้องเป็น
เชงเก้นวีซ่า (Schengen Visa) เท่านั้นครับ ผู้ขอทุกคนที่ยังไม่เคยบันทึก Biometric ต้องไปแสดงตัวที่สถานฑูตหรือ
สำนักงานตัวแทนตามข้อกำหนดของสถานฑูตแต่ละประเทศครับ
การขอวีซ่ากรณีสถานฑูตสวิส
เราต้องเข้าไปจองคิวกับตัวแทนก่อนครับที่ TLScontact เข้าเวป www.tlscontact.com/th2ch/login.php?l=th
เริ่มต้นคือเข้าไปสมัครสมาชิกไว้ก่อนโดยใช้ email จะมีขั้นตอนการ verified email ถ้าไปกันหลายคนสมัครคนเดียว
แล้วจองคิวแทนกันได้ครับ แต่ต้องเป็นวันและเวลานัดเดียวกันเท่านั้น การจองคิวให้จองไว้แต่เนิ่นๆนะครับ 1 เดือน
ก่อนเดินทางกำลังดี เผื่อมีอะไรผิดพลาดวีซ่าไม่ผ่าน จะได้ยื่นอุทธรณ์ทัน พอจองคิวเสร็จจะมีเมล์ยืนยันกลับมาและ
ลิงค์ให้เข้าไป download แบบฟอร์ม พร้อมรายการเอกสารที่เราต้องแนบไปพร้อมกับแบบฟอร์ม หลักๆก็มี
1 รูปถ่ายหน้าตรง 2 นิ้ว 2 รูป 1 รูปทากาวติดไปกับแบบฟอร์มเลย อีกรูปให้ไปพร้อมเอกสารอื่น อย่าเย็บแม็กซ์นะครับ
2 จดหมายรับรองการเป็นพนักงานจากบริษัท จดหมายรับรองจากสถานศึกษา กรณีผู้เยาว์
3 สำเนาสมุดธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน Book เงินเดือน และ book เงินเก็บ กรณีแยกกัน ต้องมีเงินใน book อย่างน้อย
100 สวิสฟรังก์ต่อวันต่อคนของการเดินทาง เช่นไป 10 วัน ก็ต้องมีอย่างน้อย 37000 ต่อคน ถ้าคุณพ่อรับรองเงินให้
คุณแม่และคุณลูกด้วยก็คูณจำนวนคนเข้าไปครับ แล้วเวลาแนบเอกสาร ก็แนบ สำเนา Book Bank ของคุณพ่อไปให้
ครบทุกคนครับ
4 ตั๋วเครื่องบินทั้งขาไปและขากลับหรือเอกสารยืนยันการจองตั๋วที่มีการ Confirm แล้ว แยกแต่ละคนนะครับ
5 สำเนาการจองที่พัก แยกแต่ละคนครับ ตามที่ผมกล่าวไว้ก่อนหน้าตอนจองที่พักให้ระบุรายชื่อผู้เข้าพักเลย
6 ประกันภัยการเดินทางกับบริษัทที่ได้รับการรับรองจากสหภาพยุโรป ซึ่งเค้าจะระบุมาให้ครับ และต้องระบุการเดินทาง
เข้าประเทศกลุ่มเชงเก้นในกรมธรรพ์ด้วย ถ้าไปเป็นครอบครัว ประกันแบบ Family ได้ครับ เบี้ยจะถูกกว่า
7 สำเนาพาสปอร์ต หน้าที่มีรายละเอียดตัวเราและทุกหน้าที่มีรอยแสตมป์ครับ ถ้ามีเล่มเก่าก็ถ่ายสำเนาเล่มเก่าไปด้วย
8 สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาสูติบัตรกรณีเป็นผู้เยาว์ สำเนาใบเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล สำเนาทะเบียนสมรส
เอกสารทั้งหมดที่กล่าวมา เอาตัวจริงไปแสดงด้วยนะครับยกเว้นหนังสือรับรองที่ไม่ต้องถ่ายสำเนาเพราะเค้า
เอาตัวจริง
ถึงวันนัดก็ไปตามคิวที่จอง แนะนำให้จอง 8.00 น. หรือ 8.30 น. ครับ เพราะยื่นเอกสารเสร็จเราต้องไปสถานฑูตอีก
เพื่อบันทึก Biometic สำนักงาน TLS Contract อยู่ที่ถนนสาทร อาคารสาทรซิตี้ครับ ถ้าขอวีซ่าฝรั่งเศสก็มาที่เดียวกัน
เมื่อถึงคิวนัดก็นำใบนัดไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ด้านหน้า เค้าจะแจกบัตรคิวให้ตามรอบนัดครับ จากนั้นเข้าไปนั่งรอ
ด้านในคอยดูจอทีวี จะขึ้นคิว ชื่อกลุ่มเราและช่องที่ติดต่อมา ก็ไปเข้าช่องตามที่ระบุพร้อมกันทั้งกลุ่ม เจ้าหน้าที่
จะตรวจเอกสารทีละคนครับขอดูตัวจริงด้วย แล้วจะประทับตราในสำเนาเหมือนว่าได้ตรวจสอบตัวจริงแล้ว จาก
นั้นก็จะให้เราเซนต์เอกสาร แล้วคืนตัวจริงทั้งหมดมา ยกเว้นพาสปอร์ตเล่มปัจจุบัน กับหนังสือรับรองเงิยเดือน
หรือหนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษา ตรวจเอกสารเสร็จก็ไปจ่ายค่าธรรมเนียมครับคนละ 3,513 บาท (ค่า
วีซ่า 2,650 บาท และค่าธรรมเนียม 863 บาท) จะได้ใบนัดรับหนังสือเดินทางมา
เสร็จขั้นตอนยื่นเอกสารก็ไปทานข้าวกันก่อนได้เลยครับ แล้วขึ้นรถไฟฟ้า BTS จากสถานีช่องนนทรี ไปลงที่
สถานีเพลินจิตเพื่อไปสถานฑูตสวิส บันทึกข้อมูลทางชีวภาพหรือ Biometic ไปถึงก็แลกบัตรแล้วเข้าไปนั่งรอ
ด้านใน เอกสารจะส่งจาก TLS มาที่นี่เจ้าหน้าที่จะออกมาเรียกชื่อทีละคนครับ เข้าไปข้างในเค้าจะให้แสกนลาย
นิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว เสร็จแล้วก็แจกช๊อคโกแลตสวิสคนละชิ้น เป็นอันเสร็จครับ จากนี้ก็กลับไปนั่งรอ SMS เค้าจะ
แจ้งมาให้ไปรับพาสปอร์ตคืน ของผมยื่นวันจันทร์ วันพุธตอนบ่ายๆได้รับ SMS วันพฤหัสช่วงบ่ายก็ไปรับเล่มคืน
ตอนรับเล่มคืนรับแทนกันได้นะครับ แต่ต้องถ่ายสำเนาบัตรประชาชนและมอบอำนาจให้ผู้รับแทนครับ ก็เขียน
ลงไปในสำเนาบัตรเลยครับว่า ข้าพเจ้า......ขอมอบอำนาจให้.......รับพาสปอร์ตจาก TLS Contract แทนข้าพเจ้า
ลงนามและวันที่เท่านั้นครับ ส่วนผู้เยาว์ ถ้าพ่อไปรับแทนก็ถ่ายสำเนาบัตรแม่ไปพร้อมให้แม่มอบอำนาจ แต่ถ้าให้
คนอื่นไปรับแทน ต้องมอบอำนาจทั้งพ่อและแม่นะครับ
เมื่อได้วีซ่ามาแล้วก็เตรียมซื้อสวิสพาสครับ ผมซื้อจากบริษัท Realtime Travel Solution (RTS) ผมเจอเค้ามาออก
บูทในงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก(TITF) ที่ศูนย์สิริกิต ตอนไปที่งานผมยังไม่ได้ขอวีซ่า เจ้าหน้าที่จึงให้เอกสารมา
แล้วให้ผมขอวีซ่าก่อนแล้วติดต่อไปที่บริษัทจะได้เงื่อนไขเหมือนในงาน ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 355 Euro ราคาเยาวชน
อายุระหว่าง 16-25 ปี 309 Euro เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ขึ้นฟรีแต่ต้องเดินทางพร้อมกับพ่อแม่นะครับ เค้าจะออกตั๋ว
สำหรับเด็กให้ ราคานี้แถม Voucher ขึ้น Jungfraujoch ฟรีทุกคนครับ
จากนั้นก็เตรียมแลกเงินครับ ให้แลกเป็น สวิสฟรังก์ไปเลยไม่ต้องแลกยูโรถ้าคุณไปประเทศเดียวนะครับแต่ถ้ามี
แผนไปประเทศอื่นๆด้วย ก็ค่อยแลกยูโรไปเผื่อครับ
อื่นๆอีกมากมายที่เราเตรียมไปด้วยก็มีดังนี้ครับ(อันนี้แล้วแต่ Life Style และทุนทรัพย์ของแต่ละคนนะครับ)
1. ปลั๊กไฟแบบหัวแปลงเต้าเสียบที่ใช้ได้ทุกประเทศ ซื้อใน Lotus, Big C, Homepro มีขายแน่นอนครับ ส่วน
ใครไปประเทศไหนแล้วอยากทราบว่าเค้าใช้ไฟและเต้าเสียบยังไงแนะนำให้โหลด App World Volt ที่
App Store ฟรีครับ
2. ปลั๊กพ่วง
3. หม้อหุงข้าวใบเล็ก ไว้หุงข้าวกินมื้อเย็นครับ ข้าวเอาไปนิดหน่อยสำหรับหุงกินมื้อแรกที่เหลือไปซื้อเอาที่นู่น
4. หมูหยอง น้ำพริกแห้งแบบกระปุก อาหารสำเร็จรูปแบบซองตราโรซา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่เข็มไชยา
5. เสื้อผ้า เครื่องกันหนาว
6. กล้องถ่ายรูป เมมโมรี่สำรอง ที่ชาร์ตแบต
7. Tablet, Smart Phone พร้อมที่ชาร์ต