ผู้หญิงเอาแต่ใจเพราะ???เขาเปลี่ยนไปหรือเราเอาแต่ใจขึ้น??18+ นิดๆ

เห็นคนโพสหลายๆคนในเชิง ผู้ชายทนกับนิสัยของเราไม่ได้ เลยต้องเลิกกันไป อยากจะผู้ชายเลยค่ะ ว่าผู้หญิง 90% นิสัย เอาแต่ใจ ขี้วีน ขี้หึง จู้จี้ ขี้งอน กันแทบทุกคนนั่นแหละ ผู้ชาจจะดูบอลก็บ่น ไม่โทรหาก็งอน บางทีจะไปไหนต้องขอนะคะ ไม่งั้นองค์จะลงแน่นอนค่ะ แต่จงจำไว้อย่างนึงนะคะ ถ้าผู้หญิงแบบเราๆไม่รักไม่มีอาการพวกนี้แน่นอนค่ะ!! ขอบอกคุณชายอย่าพึ่งไปเอื่อมระอาหรือคิดว่าเราไม่เข้าใจกัน ทำไมเธอเริ่มจะงี่เง่าไม่เหมือนเดิม ใช่ค่ะเราไม่เหมือนเดิมไม่เหมือนตอนแรกที่เราเริ่มคบกัน เราเปลี่ยนไปเพราะเรารักคุณมากขึ้นทุกๆวัน....
     เราก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเหมือนผู้หญิงหลายๆคนทั่วไปอยากมีความรักที่สมบูรณ์แบบ ช่วงนั้นเราอยากจะมีใครสักคนที่เขาจะเข้ามาเติมเต็มชีวิตเราได้ ...แล้วเราก็ได้เจอกับรุ่นน้องคนนึงเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน ก็หยอดกันไปหยอดกันมาในเฟสบุค จนวันนึงยุคสมัยของบีบี เริ่มเข้ามาเราสองคนก็ได้คุยกันมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้นัดเจอกันสักที และแล้วโชคก็เข้าข้างให้เราได้เจอกันในงานโรงเรียน เขามากับเพื่อนๆ เราก็ไปส่วนของเรา แล้วตอนจะกลับบ้านก็เจอกันแวบนึง เขินมากๆค่ะ แทนที่ตะทักเขาก่อนกับไปทักเพื่อนเขาก่อนซะงั้น แล้วก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย ก็หันมาบอกว่ากลับแล้วนะ (บ้านเราอยู่หลังโรงเรียนเดินไม่ถึงสิบนาที) เราก็เดินมากับน้องสาว  ก็เอ๊ะทำไมไม่เขาไม่มาส่งเราบ้างเลยนะ?? ก็เลยพิมพ์ไปในบีบี ว่า "ไม่คิดจะไปส่งหน่อยหรอ" ไม่ถึงนาที เขาก็วิ่งมาหาแล้วก็เดินมาส่งเรากับน้อง ไม่มีอะไรจะคุยกันเลยได้แต่มองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม ต่างคนต่างเขิลกัน//^^//
      ผ่านไปหลายอาทิตย์เราก็ได้เจอกันอีกครั้ง ได้เดินเที่ยวห้าง กินไอศครีม นั่งคุยกัน ถ่ายรูปคู่จนถึงเย็น ต่างคนก็ต่างกลับ ในใจอยากจะคุยด้วยอีกนานๆจังเวลาผ่านไปเร็วเสมอ จนวันนึงคุยกัน เขาจะมาหาเราที่กรุงเทพบ้าง (ตอนนั้นเขาอยู่ องครักษ์) เราก็มาทำเรื่องจบพอดีที่มหาลัยเลย นี่คือครั้งที่สามที่เราเจอกันหลังจากคุยกันมาเกือบปี ...ครั้งนี้เขาตั้งใจว่าจะนอนค้างสักคืน เราก็นะเกรงใจชวนเขามาจะให้เขานอนโรงแรมคนเดียวก็คงไม่ดีมั้ง เลยเตรียมชุดไปด้วยถ้าเที่ยวหรือดูหนังดึกก็กะว่าคงจะค้างด้วยกัน ใจก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกเขาคงไม่ทำไรหรอกมั้ง แถมยังไม่เป็นแฟนกันเราอ่ะ!!
      พากันไปหาที่พักแถวเมเจอร์รัชโย แล้วก็เก็บของนั่งพักกัน ก็เกือบทุ่มแหละ เราก็นะชอบถ่ายรูปก็ถ่ายรูปกันไหมนั่งเล่นกันไปนัางเล่นกันมา...มันก็เริ่มใกล้กันมากขึ้น จูบแรกก็เริ่มขึ้น เราก็อึ้งๆแปปนึง ใจเต้นเร็วและแรงมากถ้ามันเด้งออกมาได้มันคงจะทะลุออกมาแล้วแหละ จูบกันสักพักเหมือนเขาหนักขึ้น มือเริ่มไม่ยุสุขแหละ สักพักเขาคงเริ่มรู้สึกตัว เขาก็ขอโทษ แล้วก็บอกว่า รอให้เราเป็นแฟนกันก่อนเนอะ เขาก็ยิ้มแล้วก็ชวนกันออกไปดูหนัง กว่าหนังจะจบก็ดึก เราก็เลยตัดสินใจนอนค้างแล้วกัน ...อาบน้ำนอนเล่นกัน เล่นกันไปเล่นกันมาตามประสา จนปิดไฟจะนอนแหละ นอนหนุนแขนกัน บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนเป็นหวานๆ เราก็เริ่มจูบกัน กอดกัน เป็นจูบที่อ่อนโยนมากๆ เขาเริ่มกอดเรา แล้วเขาก็หยุด มองหน้าเรา ใจเราเต้นแรงจนอยากจะบ้าตายเลย เขินก็เขิน อายก็อาย แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า "เขาว่าเขาพร้อมที่จะดูแลตัวเองแล้วแหละ จะดูแลเท่าที่คนๆนึงจะดูแลได้เชื่อเขานะ เป็นแฟนกันนะ" อ้ายยยฟินมากค่ะ เจอคำพูดแบบนี้ บวกอารมณ์แบบนั้นเข้าไป ได้แต่ตอบไปว่า อื้ม!! แค่นั้น แล้วเราก็จูบกัน แล้วก็บ่อยทุกอย่างไปตามอารมณ์ เรามีอะไรกัน อยู่ด้วยกันอีกสองสามวัน แล้วก็แยกกันกลับหอ
     ผู้หญิงคนนึงถ้าได้ให้ใจให้กายกับใครแล้ว แสดงว่าเรามั่นใจแล้วว่าเขาจะดูแลเราได้  ความรักเริ่มแรกหวานจนจะกลืนกินทุกอย่าง เราต่างไปมาหาสู่กันตลอด ยามรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน ฮ่าๆ เราก็น่ารัก ขี้อ้อน ในสายตาของเขา...ทุกอย่างเป็นไปอย่างแฟนคนอื่นๆทั่วๆไป คุยโทรศัพท์กันทุกๆวัน แทบจะเช้า กลางวัน เยน ก่อนนอน จนกลายเป็นปกติ เฝ้าเราในโทรศัพท์จนเราหลับแล้วเขาก็จะส่งข้อความมาให้ฝันดีทุกๆคืน จนเราเริ่มหางานทำในกรุงเทพเพราะเราไม่อยากกลับไปอยู่บ้าน เขาก็เรียนปีสุดท้าย ส่วนเขาก็ยุ่งกับโปรเจคที่ต้องทำจบ
        เราได้งานเป็นอาจารย์ สอนระดับ ปวช. ปวส. เหนื่อยมากค่ะ นักเรียนแต่ละคนร้อยพ่อพันแม่ ใครว่าเป็นครูจะสบายขิงบอกว่าไม่เลยค่ะ เรากลายเป็นคนเครียดง่าย นอนไม่หลับ ส่วนเขาก็เริ่มๆม่ค่อยว่างต้องทำโปรเจคจนค่ำ บางทีก็เที่ยงคืนที่มหาลัย เราเริ่มทะเลาะกัน เราเริ่มเอาแต่ใจ ต้องโทรมาหาเรา ตอนนี้ ว่างต้องคุย เราเริ่มจะงี่เง่า พอเราเลิกงานต้องโทรหาทุกวัน คุยจนเราถึงห้องแล้วเขาถึงจะวางสาย เขาพยายามเอาใจเราไม่ให้ทะเลาะกันทุกอย่าง แล้วเราก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ แต่ความเอาแต่ใจไม่มีเหตุผลก็ยังคงเพิ่มมากขึ้น แต่เขาก็พยายามใจเย็นและใช้เหตุผลตลอด จนเราติดเป็นสันดานก็ว่าได้ เอาใจเรามากๆ
      เขาเรียนจบได้งานทำทันที เราก็เลยออกจากครูมาหางานทำในจังหวัดเดียวกัน เขาจบวิศวะไฟฟ้า ก็ได้ทำตรงสาย งานยุ่งและเยอะทุกวันเวลาให้กันเริ่มน้อยลง ในขณะที่เราอยู่บ้านยังไม่ได้งานใหม่ ว่างและได้แต่รอโทรศัพท์ตลอด บางทีเขาทำโอเลิกดึกบ้าง ไปนั่นนู่นนี่กับพี่ที่ทำงานบ้าง ไปเล่นกีฬาบ้าง เราด็ไม่ยอม ทะเลาะกันแทบทุกวัน บอกเลิกกันแทบทุกวัน แฟนเราง้อไม่เป็นได้แต่พยายามพูดใช้เหตุผลกับเราตลอด ซึ่งเรามันก็อาจตัวแม่อยู่แล้ว เหตุผลมักใช้กับเราไม่ได้หรอก ... จนวันนึ่ง เราได้ไปอยู่ที่หอกับเขา ได้กินข้าวด้วยกัน ทำอะไรด้วยกัน เขาพยายามกลับไม่ดึกเพราะกลัวเรารอกินข้าว กลัวเราปวดท้อง กลัวเราโกรธ เขาดูแลเราดีมากๆค่ะ เราไม่ค่อยจะทะเลาะกันมากเท่าแยกกันอยู่....มาถึงจุดเปลี่ยนของเราสองคน
        เราได้งานใหม่ แต่อยู่คนละนิคมกับเขา เขาก็เลยย้ายมาทำแถวนิคมเดียวกับเราซึ่งทุกอย่างก็ดีกว่าที่เก่าเยอะ เขาอยู่หอพักกับรูมเมท ส่วนเราก็กลับมาอยู่บ้าน แยกกันอยู่อีกแล้วสิ!!..
เรื่องเดิมๆเริ่มกลับมา ทะเลาะกันเหมือนเดิมไม่เข้าใจกัน ทำไมต้องเลิกดึก ทำไมต้องไป ทำไมๆๆ?? เป็นผู้หญิงที่จัดว่างี่เง่าที่สุดในสามโลกค่ะ ทะเลาะกันหนักขึ้นทุกวันบ่อยขึ้นทุกวัน
       แฟนเราได้ไปอบรมที่ กทม. สามวัน วันที่หนึ่งวันที่สอง ก็ยังตึงๆกันอยู่แต่ก็พยายามจะไม่ทะเลาะ แต่แล้ววันที่สามตอนเย็น เขาก็หายไป โทรไปไม่รับ ส่งข้อความไปไม่ตอบกลับ ใจเราก็เริ่มกระวนกระวายหายไปไหน เป็นอะไรรึป่าว พยายามโทรๆทั้งคืนจนจะตีหนึ่ง เขาส่งข้อความมาแค่ว่า " นอนเถอะ เขาไม่สบายอยู่ โรงแรมเนี่ยแหละไม่ได้ไปไหนหรอก " แค่นั้น!! เราก็ยิ่งโทยิ่งส่งข้อความหา ขอร้องรับหน่อยเถอะเป็นอะไรก็คุยกัน อยากเลิกหรอ?? ทั้งร้องไห้ ทั้งนอยไม่หลับจนเช้า เช้ามาต้องมาทำงานตาบวมเป็นลูกมะนาว มาร้องต่ออีกที่ทำงาน พี่ๆก็มาปลอบบอก ร้องจนพี่ๆต้องเตรียมรถพยาบาลของบริษัทไว้รอกันเลยทีเดียว ร้องจนเลิกงานพี่ๆบอกไปกินข้าวด้วยกันเถอะขับรถขึ้นเขารับลมเย็นใจจะได้สบาย ....
     กลับมาบ้านก็เศร้าเหมือนเดิมพยายามให้แม่คุยให้ว่าเป็นอะไรทำไมไม่คุยกัน เราแทบใจสลาย เขาบอกแม่มาแค่ว่าถ้าเขาพร้อมเขาจะโทรมาเอง มันเป็นเรื่องของเขากับเรา เราก็เงิบเลยได้แต่รอโทรศัพท์แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะโทร หายไแสิงวันเต็ม เย็นวันที่สามเขาถึงส่งข้อความมาว่า เดี๋ยวคืนนี้จะโทรหานะ ขอโทษที่เป็นแบบนี้ เราก็ดีใจมากๆ เขาโทรหาเราประมาณสองทุ่มได้     เราได้แต่เข้าข้างตัวเอง พยายามคุยดีๆ ถามว่าเป็นอะไร เขาบอกแค่ว่า "เขารักเรานะ แต่เขาไม่อยากกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ที่ผ่านมาเขาผิดเองที่ตามใจเราจนเราเป็นแบบนี้ เขาเคยคิดว่าเราจะมีครอบครัวด้วยกัน แต่ตอนนี้มันไม่มีอีกแล้ว อยากจะอยู่แค่ผ่านไปวันๆ ที่ผ่านมาเขารู้สึกว่าฝืนและอึดอัดมากๆ ที่เราเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ยอมฟังอะไรเลย เลิกกันไปเขาจะไม่มีใหม่หรอก เขาอยากจะทำงานให้มากกว่านี้" เราก็ได้แต่ร้องไห้ ขอร้อง อ้อนวอน ขอโอกาศได้ปรับปรุงตัวเอง ที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำแบบนี้กับเราเลย เขาเอาจริงแน่นอน ได้แต่ถามตัวเองไม่รักเขาหรอ? เขารักตัวเองมากๆนะ อย่าทิ้งเขาไปนะ เขาไม่มีใครแล้วนอกจากตัวเอง ไหนบอกเราจะแต่งงานกันมีลูกด้วยกันไง?? ...ร้องจนหลับไป
      บทเปลี่ยน..เราง้อเขาทุกวันพยายามทำมห้เขารู้ว่าเราจะเปลี่ยนตัวเอง เราพยายามง้อทุกวิถีทาง เลิกงานเราก็เอาขนมบ้าง นมกล่องบ้าง น้ำผลไม้บ้างที่เขาชอบ แป๊ะโน๊ตเล็กๆไว้ ไปวางหน้าห้องเขาทุกๆวัน ส่งข้อความหาทุกวัน อ้อนทุกวัน แต่เขาก็ใจแข็งมากๆ จนอาทิตย์นึงผ่านไป ใกล้ถึงงานบุญออกพรรษา เราก็เลยโทรชวนเขามาทำบุญแถวบ้าน มีพ่อและน้องๆเราไปด้วย เราคิดว่าชวนทำบุญเขาคงไม่ขัดหรอก เราไม่เจอหน้าเขาเลยตั้งแต่วันนั้น ตัดสินใจชวนเขามาด้วย เขาตอบตกลง ดีใจมากๆ เปิดตัวกับพ่อคนแรกเลย พ่อเราหวงเรามาก แต่เขากับคุยกับพ่อเราได้สบายเลย เราก็แอบๆมองเขาตลอดไม่คิดว่าเขาจะมาจริงๆ เสร็จงานบุญเขาขออนุญาติพ่อเรา ว่าจะพาเราไปกินข้าวพ่อเราก็ไม่ว่าอะไร วันนั้นเรามีอะไรกับเขา เขาพูดแค่ว่าขอโทษนะที่ทำตัวแบบนี้ แต่เขาอยากให้ดัดนิสัยเราบ้าง เขารักเรามากๆนะ เรานี่น้ำตาคลอเลย เขาบอกเขาใจอ่อนเพราะเห็นหน้าเรา เขาคิดถึงเรามากๆ และสับสนมากๆเหมือนกัน....เหมือนจะแฮปปี้ดีเราคืนดีกัน...
       แต่ผู้หญิงก็ยังเป็นผู้หญิงค่ะ สิ่งที่พยายามทำก็ฝืนตัวเราเหมือนกัน จนรู้สึกเหนื่อย ต้องรอโทรศัพท์ เขาอยากไปไหนก็ต้องรอ จนคิดว่าเราเหนื่อยแล้ว เราก็บอกเขาว่าเรารู้สึกเริ่มเหนื่อยไม่ไหวแล้ว...เราคิดว่าพอแล้วแหละ จากเขาตามใจเรา กลายเป็นเราตามใจเขา มันก็ไม่ตรงกันต่างคนก็ต่างพยายามมันก็เหนื่อยป่าวๆ...
         ท้ายที่สุด...เราสองคนก็ตกลงกันว่า เราจะเจอกันเย็นวันศุกร์ เย็นวันเสาร์ และวันอาทิตย์ ออกมากินข้าวเย็นด้วยกัน สุดสัปดาห์ อยากไปไหนก็ไปก็ไปเป็นวันของเรา ลืมบอกไปเราจะเจอเขาทุกวันตอนเช้าเขาจะเอาข้าวเช้ามาให้ กลัวเราหิวปวดท้องโวยวาย (โรงงานเราอยู่ใกล้กัน) แล้วเขาทำโอทีทุกวันถ้าวันไหนเขาเลิกเกิน 2ทุ่มครึ่ง เขาจะโทรมาหาเราแล้วให้เราอยู่ในสาย แล้วจะมาคุยด้วยบ่อยๆให้เราฟังเสียง บางทีเราก็อ่านหนังสือรอบ้าง เล่นเกมส์รอบ้าง เวลามีสังสรรค์กับเพื่อนๆพี่ๆในแผนก เขาก็จะบอกเราก่อนล่วงหน้า แต่ก็ตามข้อตกลง จะไม่กลับดึกถ้าเกิน2ทุ่มครึ่งก็จะรีบโทรหาแล้วกลับเลย....และจากนั้นมาก็ไม่ทะเลาะกันอีกเลย จะมีพ่อแง่ยิ้มอนกันบ้างให้ให้ได้งอนได้ง้อกัน
        บทสรุปความรักของเราก็มาถึงวันนี้ วันที่เราต่างปรับด้วยกันทั้งคู่ ไม่ได้มีใครที่ต้องพยายามอยู่ฝ่ายเดียว มาถึงวันที่แม่เขาบอกกับเรา แม่อยากเลี้ยงหลานแล้ว...มาถึงวันที่พ่อเราให้ความคิดเกี่ยวกับการซื้อบ้าน มาถึงที่เราซื้อรถด้วยกันตอนนี้เขากำลังรอคิวบวชปลายปีนี้ และหลังบวชจะให้ผู้ใหญ่มาคุยกันเรื่องสู่ขออย่างเป็นทางการ เราสองคนกว่าจะถึงวันนี้ได้ เป็นเพราะเรารู้จักที่จะปรับ ยอมอ่อนบ้าง และเราเองก็ต้องรับฟังมากขึ้น ใจเย็นขึ้นนิดนึง แม้เราเองก็ยังไม่หายหรอกค่ะโรคผู้หญิง เพียงแต่ว่ามันน้อยลงเพราะเราเข้าใจกันค่ะ มาถึงตอนนี้บอกได้ว่าเราสองคนมีความสุขมากๆค่ะ...
        ถ้าคุณผู้หญิงอ่าน ...จำไว้ว่าเอาแต่ใจมันก็น่ารักค่ะ แต่ถ้ามากเกินมันจะทำให้ความรักนั้นพังได้เราต้องใช้อารมณ์ให้น้อยลง แค่งอนให้เขาง้อก็พอแล้วค่ะ อย่าเล่นตัวจนหาเรื่องกลายเป็นว่าทะเลาะกัน ถ้าเขาทนไม่ได้เมื่อไหร่คุณอาจเสียความรักดีๆไป อยู่ที่เราแล้วนะคะ จงจำไว้ว่า ทะเลาะกันเดี๋ยวก็คืนดีกันจะมั่วมานั่งทะเลาะกันทำไมให้เสียเวลา จริงไหมค่ะ??!! ^^
        สำหรับคุณผู้ชาย เรื่องนี้ก็บอกอยู่แล้วว่าผู้หญิงก็เอาแต่ใจ ขี้หึง ขี้วิน ปากดี ขี้เหงา อยากให้ผู้ชายสนใจเท่านั่นแหละค่ะ มันไม่ได้มีอะไรมากเลย งอนมาก็ง้อๆไปเถอะค่ะ เอาขนมมาล่อ พาไปเดินช๊อปเดินดูนู่นนี่นั่น กินของอร่อยๆ เดี๋ยวก็หายแล้วค่ะ ผู้หญิงก็แบบนี้ทุกคนแหละค่ะ ต่อให้คุณทนคนนี้ไม่ไหวเลิก คนอื่นก็เป็นอยู่ดี เราเปลี่ยนไปค่ะยอมรับเลย เราไม่เหมือนตอนแรกที่คบกันหรอกค่ะ เพราะเรารักพวกคุณมากขึ้น คุณแทบจะเป็นพ่อของลูกเราเลยด้วยซ้ำ ถ้าแฟนคุณงี่เง่า ก็พยายามใช้เหตุผลมากๆ อย่าใช้อารมณ์ทั้งคู่จะกลายเป็นหนักกว่าเดิม....
" ต่างคนก็ต่างรักกันมาก อย่ามาเสียเวลาทะเลาะกันเลยค่ะ เอาแต่ใจแต่พองามนะคะ"
     ปล. เรื่องราวที่เราเล่ามาทั้งหมด อาจจะให้แง่คิดได้บ้างไม่มากก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่