คือได้ใส่ผ้าไทยหรือผ้าพื้นเมืองหลายครั้งแล้วหละค่ะ บางทีคนจะมองว่าเราเหมือนคน selfฯ แต่ยอมรับว่าช่วงแรกๆ ก็รู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย แต่พอใส่ๆ ไปก็ชินไปเองและก็คิดว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร มิหนำซ้ำมันควรจะเป็นชุดที่ใส่กันในชีวิตประจำวันปกติด้วยซ้ำไป เพราะคนโบราณเค้าคิดและลองมาแล้วว่าการแต่งกายแบบนี้แหละเหมาะกับภูมิอากาศและภมิทัศของเมืองราบลุ่มในเขตป่าฝนเมืองร้อนเป็นอย่างยิ่ง ใส่ไปก็เหมาะกับองค์ประกอบศิลป์รอบข้างอีกต่างหาก
และคือ จริงๆ แล้วเป็นคนที่ชอบและสนใจผ้าพื้นเมืองอยู่แล้ว เราสะสมทั้งหนังสือ และผ้าทั้งที่ทอใหม่และของเก่าเก็บ ไว้พอสมควร เก็บไว้แค่มองก็คงไม่มีความสุขเท่าเอามาประดับร่าง ก็เลยพยายามจะเอามาประดับร่างพาเค้ามาสูดอากาศอยู่เรื่อยๆ
เอาหละ ไม่พูดพร่ามมากแระ ขอเริ่ม collection วันนี้เลยละกันนะคะ มาชมกันเลยดีกว่า อิอิ
ก่อนอื่นขอพูดถึง Location ก่อน่ะ ซึ่ง Location ของ Collection set นี้ ก็คือ วัดเบญจมราชบพิตร หรือ วัดเบญฯ (Marble temple) ที่เรารู้จักกันดีค่ะ ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลของพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ ๕ ที่มี สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นคือ พระอุโบสถหินอ่อนแบบจตุรมุข
วันนี้มาในชุดผ้าซิ่นไหมมัดหมี่ลายนาคชูสน (ลายนี้พบมากในอีสานกลางถึงใต้) มีสีหลักเป็นสีน้ำเงินครามเข้ม มีสีทองเป็นสีรองและแทรกด้วยสีแดงเข้ม ผืนนี้เป็นงานเก่าอายุไม่มากเท่าไหร่ แต่ลวดลายการมัดสวยงามละเอียดละออใช้ได้เลยที่เดียว ใส่กับเสื้อทรง bralet สีดำ มีผ้าคลุมเพื่อความสุภาพและกันแดด อิอิ ถือคู่กับกระเป๋า Italian vintage pouch - buffalo skin สีน้ำตาล ที่ใช้เทคนิค สานขัดแบบหวายคล้ายของ Bottega Veneta
โดยส่วนตัว เราว่างานฝีมือพวกนี้คือศิลปะที่รังสรรด้วยความประนีตและอารมณ์ศิลปิน ผ้าแต่ละผืนคือ one of the kind คือผลงานที่ลอกเลียนแบบไม่ได้ ถึงแม้พยายามจะทำลายเดียวกัน แต่เส้นไหมแต่ละเส้นทอด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ทำให้ความสม่ำเสมอใน 1 เส้นก็ไม่เท่ากันแล้ว การมัด การย้อม และการแตกของสีก็จะไม่ได้แบบนี้อีกแล้ว แถมการตำหูกแต่ละครั้งที่กระทบมาเป็นผืนผ้าก็จะเป็นแบบเดียวในโลก .... บางที แค่ได้นั่งดู พิจารณาผ้าแต่ละผืน เราก็มีความสุขไปเป็นวันแล้ว อิอิ
[CR] การใส่ ผ้าไทย ในชีวิตเมืองหลวง เหมือนได้หยดสุนทรียะลงในชีวิต อีกแบบ
และคือ จริงๆ แล้วเป็นคนที่ชอบและสนใจผ้าพื้นเมืองอยู่แล้ว เราสะสมทั้งหนังสือ และผ้าทั้งที่ทอใหม่และของเก่าเก็บ ไว้พอสมควร เก็บไว้แค่มองก็คงไม่มีความสุขเท่าเอามาประดับร่าง ก็เลยพยายามจะเอามาประดับร่างพาเค้ามาสูดอากาศอยู่เรื่อยๆ
เอาหละ ไม่พูดพร่ามมากแระ ขอเริ่ม collection วันนี้เลยละกันนะคะ มาชมกันเลยดีกว่า อิอิ
ก่อนอื่นขอพูดถึง Location ก่อน่ะ ซึ่ง Location ของ Collection set นี้ ก็คือ วัดเบญจมราชบพิตร หรือ วัดเบญฯ (Marble temple) ที่เรารู้จักกันดีค่ะ ซึ่งเป็นวัดประจำรัชกาลของพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ ๕ ที่มี สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นคือ พระอุโบสถหินอ่อนแบบจตุรมุข
วันนี้มาในชุดผ้าซิ่นไหมมัดหมี่ลายนาคชูสน (ลายนี้พบมากในอีสานกลางถึงใต้) มีสีหลักเป็นสีน้ำเงินครามเข้ม มีสีทองเป็นสีรองและแทรกด้วยสีแดงเข้ม ผืนนี้เป็นงานเก่าอายุไม่มากเท่าไหร่ แต่ลวดลายการมัดสวยงามละเอียดละออใช้ได้เลยที่เดียว ใส่กับเสื้อทรง bralet สีดำ มีผ้าคลุมเพื่อความสุภาพและกันแดด อิอิ ถือคู่กับกระเป๋า Italian vintage pouch - buffalo skin สีน้ำตาล ที่ใช้เทคนิค สานขัดแบบหวายคล้ายของ Bottega Veneta
โดยส่วนตัว เราว่างานฝีมือพวกนี้คือศิลปะที่รังสรรด้วยความประนีตและอารมณ์ศิลปิน ผ้าแต่ละผืนคือ one of the kind คือผลงานที่ลอกเลียนแบบไม่ได้ ถึงแม้พยายามจะทำลายเดียวกัน แต่เส้นไหมแต่ละเส้นทอด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ทำให้ความสม่ำเสมอใน 1 เส้นก็ไม่เท่ากันแล้ว การมัด การย้อม และการแตกของสีก็จะไม่ได้แบบนี้อีกแล้ว แถมการตำหูกแต่ละครั้งที่กระทบมาเป็นผืนผ้าก็จะเป็นแบบเดียวในโลก .... บางที แค่ได้นั่งดู พิจารณาผ้าแต่ละผืน เราก็มีความสุขไปเป็นวันแล้ว อิอิ