ผู้กำกับริชาร์ด ลิงค์เลเทอร์ มักสนใจประเด็นที่ว่า “เวลา” มีผลกระทบต่อชีวิตของเรายังไง เช่นในหนังหนังไตรภาค Before Sunrise, Before Sunset และ Before Midnight ที่ผู้กำกับนำนักแสดงมาถ่ายทำชีวิตของตัวละครคู่รักว่าจากการพบกันครั้งแรก ครั้งที่สอง จนถึงหลังจากอยู่ด้วยกันตลอดเวลาที่ผ่านมา 18 ปี ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง ลิงค์เลเทอร์ได้ทำแบบนั้นอีกครั้งในหนัง Boyhood ที่ใช้เวลาถ่ายทำ 12 ปี ติดตามเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กผู้ชายชื่อ เมสัน (เอลลา โคลเทรน) จากวัยเด็ก 6 ขวบ จนถึงอายุ 18 ปี
Boyhood เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่เล่าผ่านสายตาของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งต้องเผชิญปัญหาทั้งเรื่องหย่าร้าง ชีวิตในโรงเรียน ภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบที่มากับวัยที่โตขึ้น สิ่งที่ทำให้หนังพิเศษกว่าหนังแนวเดียวกันในเรื่องอื่นๆ ก็คือลิงค์เลเทอร์ได้เลือกโคลเทรนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ให้มารับบทเป็นเมสัน และเริ่มถ่ายทำหนังตั้งแต่ปี 2002 โดยลิงค์เลเทอร์จะพาโคลเทรนมาจากบ้านในออสตินปีละครั้ง เพื่อมายังกองถ่ายในเท็กซัส จากนั้นถามว่าชีวิตในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นยังไง แล้วก็ให้โคลเทรนอยู่กับครอบครัวปลอมๆ ที่อีธาน ฮอว์ค มารับบทเป็นพ่อ, แพทริเซีย อาร์เควตต์ มารับบทเป็นแม่ และลอเรไล ลิงค์เลเทอร์ ลูกสาวของผู้กำกับเอง มารับบทเป็นพี่สาวของเมสัน การถ่ายทำดำเนินเช่นนี้ทุกปี ปีละหนึ่งสัปดาห์จนโคลเทรนอายุ 18 ปี
หนังเรื่องนี้มีบท แต่มีการปรับเรื่องราวไปตามกาลเวลาที่โคลเทรนเปลี่ยนไป แล้วผู้กำกับก็นำทั้งหมดมาผสมกันเป็นภาพยนตร์ยาว 3 ชั่วโมง ซึ่งฉายรอบปฐมทัศน์ครั้งแรกในเทศกาลหนังซันแดนซ์เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับคำวิจารณ์ด้านบวกอย่างท่วมท้น มีคะแนนเฉลี่ยจาก 19 นักวิจารณ์ตอนนี้ที่ Rotten Tomatoes อยู่ที่ 9.1/10 และนักวิจารณ์ชอบทั้ง 100% ลิงค์เลเทอร์ยังเอาหนังไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินหลังจากนั้นด้วย ซึ่งทำให้เขาได้รางวัลซิลเวอร์แบร์ในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยม นักวิจารณ์บางคนคาดการณ์ด้วยว่าหนังจะมีบทบาทสำคัญบนเวทีออสการ์ปีหน้า
นักวิจารณ์ชอบหนังตรงที่ไม่เพียงมีเรื่องราวที่ประทับใจแล้ว แต่เทคนิคการถ่ายทำของลิงค์เลเทอร์เช่นนี้ทำให้หนังเกิดความสมจริงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในหนังเรื่องอื่น เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้ภาพยนตร์ สาเหตุส่วนหนึ่งคือการได้เห็นการเติบโตของเด็กคนหนึ่งที่เหมือนได้มีส่วนร่วมเติบโตไปกับเขาจริงๆ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างเป็นธรรมชาติแบบที่การแต่งหน้าให้ดูแก่หรือคอมพิวเตอร์กราฟฟิกก็สู้ไม่ได้
ผู้ชมยังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมรอบตัวของโคลเทรนร่วมไปด้วย ตั้งแต่เพลงในหนังที่ฮิตในวัยเด็กของเขาอย่าง Yellow ของโคลด์เพลย์ จนมาถึง Get Lucky ของ Daft Punk ได้เห็นตั้งแต่สงครามอิรักที่เปิดทางสู่การเป็นประธานาธิบดีของโอบามา และเห็นของเล่นของเมสันจากเกมบอยที่เปลี่ยนเป็น Wii และเป็น iPhone
หนังจะเข้าฉายในสหรัฐ 11 กรกฎาคมนี้ครับ
ที่มา
http://jediyuth.com/2014/04/26/boyhood-richard-linklater-trailer/
เติบโตไปกับนักแสดงในตัวอย่างหนัง Boyhood ที่ถ่ายทำ 12 ปี จากผู้กำกับไตรภาค Before Sunset
Boyhood เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่เล่าผ่านสายตาของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งต้องเผชิญปัญหาทั้งเรื่องหย่าร้าง ชีวิตในโรงเรียน ภาระหน้าที่ และความรับผิดชอบที่มากับวัยที่โตขึ้น สิ่งที่ทำให้หนังพิเศษกว่าหนังแนวเดียวกันในเรื่องอื่นๆ ก็คือลิงค์เลเทอร์ได้เลือกโคลเทรนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ให้มารับบทเป็นเมสัน และเริ่มถ่ายทำหนังตั้งแต่ปี 2002 โดยลิงค์เลเทอร์จะพาโคลเทรนมาจากบ้านในออสตินปีละครั้ง เพื่อมายังกองถ่ายในเท็กซัส จากนั้นถามว่าชีวิตในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นยังไง แล้วก็ให้โคลเทรนอยู่กับครอบครัวปลอมๆ ที่อีธาน ฮอว์ค มารับบทเป็นพ่อ, แพทริเซีย อาร์เควตต์ มารับบทเป็นแม่ และลอเรไล ลิงค์เลเทอร์ ลูกสาวของผู้กำกับเอง มารับบทเป็นพี่สาวของเมสัน การถ่ายทำดำเนินเช่นนี้ทุกปี ปีละหนึ่งสัปดาห์จนโคลเทรนอายุ 18 ปี
หนังเรื่องนี้มีบท แต่มีการปรับเรื่องราวไปตามกาลเวลาที่โคลเทรนเปลี่ยนไป แล้วผู้กำกับก็นำทั้งหมดมาผสมกันเป็นภาพยนตร์ยาว 3 ชั่วโมง ซึ่งฉายรอบปฐมทัศน์ครั้งแรกในเทศกาลหนังซันแดนซ์เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับคำวิจารณ์ด้านบวกอย่างท่วมท้น มีคะแนนเฉลี่ยจาก 19 นักวิจารณ์ตอนนี้ที่ Rotten Tomatoes อยู่ที่ 9.1/10 และนักวิจารณ์ชอบทั้ง 100% ลิงค์เลเทอร์ยังเอาหนังไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลินหลังจากนั้นด้วย ซึ่งทำให้เขาได้รางวัลซิลเวอร์แบร์ในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยม นักวิจารณ์บางคนคาดการณ์ด้วยว่าหนังจะมีบทบาทสำคัญบนเวทีออสการ์ปีหน้า
นักวิจารณ์ชอบหนังตรงที่ไม่เพียงมีเรื่องราวที่ประทับใจแล้ว แต่เทคนิคการถ่ายทำของลิงค์เลเทอร์เช่นนี้ทำให้หนังเกิดความสมจริงอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในหนังเรื่องอื่น เป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้ภาพยนตร์ สาเหตุส่วนหนึ่งคือการได้เห็นการเติบโตของเด็กคนหนึ่งที่เหมือนได้มีส่วนร่วมเติบโตไปกับเขาจริงๆ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตอย่างเป็นธรรมชาติแบบที่การแต่งหน้าให้ดูแก่หรือคอมพิวเตอร์กราฟฟิกก็สู้ไม่ได้
ผู้ชมยังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมรอบตัวของโคลเทรนร่วมไปด้วย ตั้งแต่เพลงในหนังที่ฮิตในวัยเด็กของเขาอย่าง Yellow ของโคลด์เพลย์ จนมาถึง Get Lucky ของ Daft Punk ได้เห็นตั้งแต่สงครามอิรักที่เปิดทางสู่การเป็นประธานาธิบดีของโอบามา และเห็นของเล่นของเมสันจากเกมบอยที่เปลี่ยนเป็น Wii และเป็น iPhone
หนังจะเข้าฉายในสหรัฐ 11 กรกฎาคมนี้ครับ
ที่มา http://jediyuth.com/2014/04/26/boyhood-richard-linklater-trailer/