ผมขอเท้าความก่อนนะครับ (ข้ามไปเลยก็ได้นะครับ แต่อยากให้เข้าใจที่มาที่ไป)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนี้ผมเพิ่งจบม.6 สายศิลป์-คำนวณจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในชลบุรี
ย้อนไปตั้งแต่ม.4 ผมค่อนข้างตั้งใจเรียนพอสมควร สอบกลางภาคปลายภาคก็ได้ท็อปหลายวิชา ช่วงนั้นได้ที่ 1 ของห้องติดกันอยู่สามครั้ง(ไม่ได้อวดนะครับและคิดเสมอว่าไม่ได้เก่งเลย) ด้วยความที่ตอนม.ต้นผมไม่ใช่เด็กเรียนเลยย(การเรียนแย่น่ะครับ) คิดแค่ตัวเองโง่จัง คนที่เรียนเก่งทำไมฉลาดจัง แต่พอขึ้นม.ปลายตั้งใจหน่อย ตัวเองผลการเรียนกลับดี๊ดี ถึงประมาณม.5 เทอม 2 ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ละ!! บางวิชานั่งเล่นอย่างเดียวได้เกรดสี่ วิชาอังกฤษให้ตัดกระดาษแปะเป็นรูปวันอีสเตอร์ (รูปไข่ กระต่ายน่ะครับ) แล้วมาส่ง 10 คะแนน ผมก็คิดเลยว่า เอ้ย!! อะไรว๊า ทำแบบนี้มันได้พัฒนาภาษาอังกฤษตรงไหนเนี่ย!? แนวๆ นี้อ่ะครับ มันหลายๆ อย่างเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมสังเกตคือมันไม่ได้พัฒนาผู้เรียนเลย นักเรียนก็ทำงานตามครูสั่งอย่างไม่คิดเลยว่าเราได้อะไรจากงานนี้ คิดแค่ได้คะแนนก็พอ เวลาจบเกรดจะได้สวยๆ เอ้อ! เทอมหลังปล่อยเกรดอีก เกรดขึ้นกันชื่นบานเลย ใครเรียนดีก็จะชมกันเข้าไป ใครเรียนไม่ดีก็ไม่สนใจ แล้วแบบนี้คนเรียนไม่เก่งเลยพลอยหมดกำลังใจ คิดว่าตัวเองโง่จริงๆ คือการศึกษาน่าจะจุดประกายคน ให้พบศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองมากกว่าจะมายัดเยียดอะไรเต็มไปหมด อย่างดนตรีไทยก็นั่งกับพื้นฟังครูพูดออกไมค์จนจบคาบ ไม่ได้เข้าหูเลย สอบจริงก็ตกกันระนาว แต่ก็ผ่านแบบไม่ต้องซ่อมกันทุกคนเลยนะครับ งง!
ผมเลยไม่เอาด้วยแล้ว ระบบแบบนี้ วัดคนที่เกรด หลังจากนั้นผลการเรียนผมก็ตกลงมาเรื่อยๆ จากที่ 1 ตอนนั้นเทอมสุดท้ายม.6 ผมมาอยู่ที่ 16 (ลืมบอกว่าห้องมีประมาณ 30 คน) การบ้านชิ้นไหนดูไม่เข้าท่า ถ้าเป็นงานเดี่ยวคะแนนไม่เยอะผมก็ไม่ทำ (ถ้าคะแนนเยอะ ยอมรับว่าต้องทำครับ เดี๋ยวไม่ผ่าน) สิ่งที่ผมเห็นได้ชัดคือตอนตั้งใจเรียนคนจะเข้าหาเยอะเพราะอยากให้เราสอน พอผลการเรียนผมแย่ก็เหลือแต่แก๊งเพื่อนผมนี่แหละ และตอนเรียนดีพูดอะไรคนก็ฟังครับ พูดเล่นเพ้อเจ้อยังเชื่อเลย ดูดีไปซะทุกอย่าง พอเรียนไม่ดีอ่านหนังสือมาพูดยังไม่ค่อยอยากฟังเลยครับ ยิ่งพูดเรื่องปรัชญาหน่อยก็ว่าบ้าบ้าง ไล่ไปบวชบ้าง ทำให้ผมรู้สึกเลยว่าการศึกษาเราสร้างค่านิยมจอมปลอมยังไงไม่รู้ เล่นเอาเบื่อเรียนเข้าไปใหญ่ อยากต่อต้านไปซะทุกอย่าง โดดเรียนไปจัดสวนหย่อมข้างตึกอยู่บ่อยๆ เอาต้นไม้ที่บ้านมาปลูกที่โรงเรียนอีก (แก๊งผมเลยได้ประกาศนียบัตรจิตอาสาเฉยเลย 555+ ขอบคุณครับครู) ไม่ได้ชอบจัดสวนหรอกครับ ไม่เคยจัดด้วย แต่มันเบื่อเรียน
จะเข้ามหาลัยก็ต้องสอบ GAT/PAT ผมก็ไม่สอบ เพราะคิดว่าไม่สอบก็เอาดีได้! (อารมณ์ล้วนๆ)
ดีที่ผมลงเรียนรามไว้ตอนม.5 เทอม 2 เลยกล้าไม่สอบ
แล้วมีสอบ O-Net อีก ผมก็คิดว่าไม่ต้องสอบหรอก หรือไม่ก็ทำให้เสร็จๆ ไปเพราะเรียนไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว แต่ครูบอกว่าต้องไปสอบทุกคน ครูอีกคนก็บอกว่าถ้าไปแล้วไม่ตั้งใจทำ อย่าไปดีกว่า มันฉุดคะแนนเฉลี่ยของโรงเรียนอะไรทำนองนี้
สุดท้ายผมก็ไปสอบ รู้สึกว่ามันยากจัง แต่คิดว่าไม่ตั้งใจเรียนก็งี้แหละ อย่าไปสนใจคะแนนเลย ตั้งใจทำไปเถอะ
ปรากฏว่า ผมได้ที่ 1 ของโรงเรียน!!! ตอนรู้คะแนน ผมอยู่กับเพื่อนพอดีเลยเฮกันใหญ่ ผมก็ดีใจหน้าบานอยู่สักพัก
แล้วก็คิดได้ว่า ได้ได้ไง!? ตรวจผิดรึเปล่า!? หนังสือไม่อ่านเนี่ยนะ โรงเรียนจ้างมาติว 5 วัน 5 วิชา วิชาละ 1 วันเรียนเต็มๆ ผมโดดไปนั่งเล่นอยู่ 4 วัน
แต่ก็ได้ที่ 1 จริงๆ นั่นแหละ คะแนนไม่ได้เยอะเลย มันเลยเกิดคำถามตามมาว่า ข้อสอบโอเน็ตมันวัดอะไรได้บ้างเนี่ย? เพื่อนหลายคนอ่านหนังสือกันตาเหลือก ผมนั่งชิวไปวันๆ มันเป็นไปได้ไง แล้วผมศิลป์-คำนวณด้วย เด็กวิทย์คณิตน่าจะได้นะ เห้อ!! การศึกษาไทยพึ่งได้มั้ยเนี่ย!!??
และแล้วเมื่อจบม.6 ผมจึงมาเรียนราม
เนื่องจากตอนเรียน Pre-Degree ผมเลือกบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการทั่วไป จบม.6 เลยจะย้ายมาเป็นนักศึกษาเต็มตัวในคณะมนุษยศาสตร์เอกปรัชญา เพราะชอบครับ บวกกับผิดหวังกับระบบการศึกษาในโรงเรียน รู้สึกขวางโลกนิดๆ 555
แต่แล้ว.... ครูอาจารย์และที่บ้านก็ไม่อยากให้เรียน เพราะห่วงว่าผมจะไม่มีงานทำ ผมลังเลอยู่นาน
ด้วยความที่ชอบแนวปรัชญาผมจึงชอบดูอะไรที่มันจุดประกายความคิด อย่างเช่น TED หรือวิดีโอเสียงพูดของ Alan Watts นักปรัชญาน่ะครับ
แต่ติดตรงที่ส่วนใหญ่ไม่มีบรรยายไทย ต้องใช้ภาษาอังกฤษเยอะ บวกกับผมอยากอ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษได้ อยากสื่อสารกับฝรั่งได้(ทุกวันนี้ยังไม่ได้ครับ) ชอบฟังเพลงสากล ชอบดูหนังซับ ผมเลยคิดจะย้ายมาเรียนมนุษยศาสตร์เอกอังกฤษ!
ม.ราม ผมคงไม่ได้ไปนั่งเรียน อังกฤษผมก็ไม่เก่ง แกรมม่ายังนั่งอ่านอยู่ทุกวันเลย ถูกผิดก็ไม่ค่อยแน่ใจ ที่บ้านไม่มีใครพูดอังกฤษเป็น อนาคตก็ไม่เห็นแววจะได้สนทนากับฝรั่ง อ่านแล้วพอแปลได้บ้าง แต่ถ้าแต่งประโยคขึ้นมาเอง ตึ้บ!เลยครับ ไวยากรณ์ผมอ่อนมาก กลัวเรียนแล้วไม่ไหว กลัวไม่จบน่ะครับ มีอย่างเดียวคือความอยากครับ อยากสื่อสารรู้เรื่องแบบอ่านหนังสืออังกฤษแล้วแปลเป็นฉบับไทยขายได้เลยน่ะครับ
ไม่ได้ภาษาแล้วมันอึดอัดนะครับ อารมณ์ผมเหมือนอยู่ในตู้กระจก มองออกไปเห็นโลกกว้างให้เรียนรู้มากมาย แต่ผมอยู่ในตู้กระจก! ได้แต่อ่านเอาเอง พูดภาษาอังกฤษคนเดียวหน้ากระจก เพื่อหวังว่าวันนึงกระจกมันจะแตกออกไป แล้วผมจะทยานออกสู่โลกกว้างที่มีสิ่งต่างๆ ให้เรียนรู้มากมาย T T (เว่อมั้ยครับ แต่ผมคิดงั้นจริงๆ นะ)
เพื่อนๆ พี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายคิดว่าไงครับ ผมควรจะเรียนป.ตรี(อาจจบ 8 ปี) หรือเข้าคอร์สภาษาอังกฤษไม่กี่เดือน แล้วเรียนตรีปรัชญา หรือมีความเห็นยังไงบ้างครับ ผมไม่มั่นใจความคิดตัวเอง แลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ
อย่างผมเรียนมนุษยศาสตร์เอกอังกฤษม.ราม จะไหวมั้ยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ม.ราม ผมคงไม่ได้ไปนั่งเรียน อังกฤษผมก็ไม่เก่ง แกรมม่ายังนั่งอ่านอยู่ทุกวันเลย ถูกผิดก็ไม่ค่อยแน่ใจ ที่บ้านไม่มีใครพูดอังกฤษเป็น อนาคตก็ไม่เห็นแววจะได้สนทนากับฝรั่ง อ่านแล้วพอแปลได้บ้าง แต่ถ้าแต่งประโยคขึ้นมาเอง ตึ้บ!เลยครับ ไวยากรณ์ผมอ่อนมาก กลัวเรียนแล้วไม่ไหว กลัวไม่จบน่ะครับ มีอย่างเดียวคือความอยากครับ อยากสื่อสารรู้เรื่องแบบอ่านหนังสืออังกฤษแล้วแปลเป็นฉบับไทยขายได้เลยน่ะครับ
ไม่ได้ภาษาแล้วมันอึดอัดนะครับ อารมณ์ผมเหมือนอยู่ในตู้กระจก มองออกไปเห็นโลกกว้างให้เรียนรู้มากมาย แต่ผมอยู่ในตู้กระจก! ได้แต่อ่านเอาเอง พูดภาษาอังกฤษคนเดียวหน้ากระจก เพื่อหวังว่าวันนึงกระจกมันจะแตกออกไป แล้วผมจะทยานออกสู่โลกกว้างที่มีสิ่งต่างๆ ให้เรียนรู้มากมาย T T (เว่อมั้ยครับ แต่ผมคิดงั้นจริงๆ นะ)
เพื่อนๆ พี่ๆ ท่านๆ ทั้งหลายคิดว่าไงครับ ผมควรจะเรียนป.ตรี(อาจจบ 8 ปี) หรือเข้าคอร์สภาษาอังกฤษไม่กี่เดือน แล้วเรียนตรีปรัชญา หรือมีความเห็นยังไงบ้างครับ ผมไม่มั่นใจความคิดตัวเอง แลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ