ต่อจากกระทู้นี่ค่ะ
http://ppantip.com/topic/31722337
เกือบ 3 เดือนที่ผ่านมาที่เราตัดสินใจปล่อยมือสามีอยู่ที่อยู่ร่วมกันกว่า 14 ปีแล้วต่างคนต่างหันมาจับมือลูกแทน
เราหางานใหม่ ย้ายเข้ามาทำงานที่กรุงเทพ ใกล้ชิดลูกทุกวัน นอนกอดกันทุกคืน ลูกสาวเข้าใจและไว้ใจเรามากขึ้น พูดคุยกันมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวเด็กวัยรุ่น ดีใจที่สุดเลย ณ จุดนี้ มีความสุขมากกับชีวิตตัวเองตอนนี้ ลูกเป็นฝ่ายบอกเราเองว่า เค้ารู้เรื่องดี และตัดสินใจว่าเค้าจะอยู่กับเรา ส่วนพ่อเค้าถ้าจะไปก็ตามใจแต่ไม่ไปอยู่ด้วยแน่นอน ดีใจมากๆที่ลูกเข้าใจและปรับอารมณ์ได้ดี
ส่วนสามียังคงอยู่บ้านเดียวกัน เราอยู่ด้วยกันในฐานะเพื่อน เป็นพ่อแม่ของลูก ก่อนหน้านี้เค้าเคยมาเนียนๆ นู้น นี่ นั่น จะขอนอนด้วย เราไม่พูดแต่มองตอบเค้าด้วยสายตาประมาณว่า เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ เค้าก็อึ้งๆไปแล้วเราก็หันหลังนอน หลังจากนั้นก็ไม่กล้ามาวุ่นวายกับเราอีก เรายังอดชมตัวเองไม่ได้เลยว่า เราทำดีแล้ว การที่ไม่เอาความรู้สึกตัวเองไปผูกติดอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่าของเราแล้วนี่มันช่างวิเศษจริงๆ รู้งี้ทำแบบนี่มานานแล้ว 5555 เราไม่ได้ดูแลเรื่องอาหารการกินหรือปรนนิบัติเหมือนเดิม แม้จะอยู่ห้องนอนเดียวกันกับเค้าและลูก แต่ก็แทบไม่ได้มองหน้าหรือพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเลย เรากลับจากที่ทำงานมาก็อาบน้ำ ชวนลูกสวดมนต์กัน ก่อนนอนกอดรัดฟัดกับลูกสักเล็กน้อย แล้วก็นอน วัน ศ-อ. เค้าจะไม่อยู่บ้านมีเหตุให้ออกนอกบ้านเป็นประจำ เราไม่ถาม ไม่ตาม ไม่โทรหา รอให้เค้าพร้อม เค้าคงออกจากบ้านไปเอง คิดว่าไม่น่าเกินสิ้นปี เพราะเค้าเองก็ถูกทางฝั่งนู้นเร่งรัดมา ใกล้สบายแล้วเรา อิอิ
ส่วนมือที่สาม หลังๆนี่เริ่มเยอะ เข้ามาส่อง เฟส อินสตราแกรมของเราบ้าง มากดไลค์รูปคู่เรากับสามีบ้าง เราก็ขำๆนะ คงร้อนรน เป็นเอามาก ก็เลยตัดปัญหาบล๊อคการติดต่อที่เป็นรูปธรรมทั้งหมด ทั้งเฟส อินสตราแกรม ไลน์ เบอร์โทร. ช่วงหลังๆนี้สามีบอกจะไปหา แต่ไม่ได้ไปหาตามที่นัดไว้ (ยังอุตสาห์เกรงใจเรา กลัวเราไม่พอใจ) เธอถึงกับดั้นด้นลงมาเองที่กรุงเทพ เรารู้ก็นึกสงสาร เธอคงรักมากจริงๆ อาจจะเป็นเนื้อคู่กันตามมาหากันก็ได้ เรานึกแผ่เมตตาให้ เราถอยให้แล้ว ยกสามีให้เป็นทานแก่เค้าแล้ว กรวดน้ำแผ่บุญกุศลให้แล้ว หวังว่าสักวันเค้าทั้งคู่คงถึงซึ่งความสุขที่แท้จริงซะที
ส่วนเราตอนนี้สบายกายและใจ หันมาดูแลตัวเอง ขัดเนื้อขัดตัว ออกกำลังกาย กินอาหารคลีน กระชับรูปร่าง ภูมิใจอ่ะ ลดไป 4 กิโลแล้ว
ขอเป็นกำลังใจให้คนที่มีปัญหาทุกคน อย่าท้อนะคะ มีสติ คิดถึงลูก คิดถึงคนที่เรารักและต้องการเราให้มากๆ คุณจะสามารถค้นพบทางออกในแบบของคุณได้อย่างมีความสุขค่ะ
เมื่อเราปล่อยมือที่จับกันมานานร่วม 14 ปี ได้ร่วม 3 เดือนแล้ว มาอัพเดทให้ฟังกันค่ะ
เกือบ 3 เดือนที่ผ่านมาที่เราตัดสินใจปล่อยมือสามีอยู่ที่อยู่ร่วมกันกว่า 14 ปีแล้วต่างคนต่างหันมาจับมือลูกแทน
เราหางานใหม่ ย้ายเข้ามาทำงานที่กรุงเทพ ใกล้ชิดลูกทุกวัน นอนกอดกันทุกคืน ลูกสาวเข้าใจและไว้ใจเรามากขึ้น พูดคุยกันมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวเด็กวัยรุ่น ดีใจที่สุดเลย ณ จุดนี้ มีความสุขมากกับชีวิตตัวเองตอนนี้ ลูกเป็นฝ่ายบอกเราเองว่า เค้ารู้เรื่องดี และตัดสินใจว่าเค้าจะอยู่กับเรา ส่วนพ่อเค้าถ้าจะไปก็ตามใจแต่ไม่ไปอยู่ด้วยแน่นอน ดีใจมากๆที่ลูกเข้าใจและปรับอารมณ์ได้ดี
ส่วนสามียังคงอยู่บ้านเดียวกัน เราอยู่ด้วยกันในฐานะเพื่อน เป็นพ่อแม่ของลูก ก่อนหน้านี้เค้าเคยมาเนียนๆ นู้น นี่ นั่น จะขอนอนด้วย เราไม่พูดแต่มองตอบเค้าด้วยสายตาประมาณว่า เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ เค้าก็อึ้งๆไปแล้วเราก็หันหลังนอน หลังจากนั้นก็ไม่กล้ามาวุ่นวายกับเราอีก เรายังอดชมตัวเองไม่ได้เลยว่า เราทำดีแล้ว การที่ไม่เอาความรู้สึกตัวเองไปผูกติดอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่าของเราแล้วนี่มันช่างวิเศษจริงๆ รู้งี้ทำแบบนี่มานานแล้ว 5555 เราไม่ได้ดูแลเรื่องอาหารการกินหรือปรนนิบัติเหมือนเดิม แม้จะอยู่ห้องนอนเดียวกันกับเค้าและลูก แต่ก็แทบไม่ได้มองหน้าหรือพูดคุยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเลย เรากลับจากที่ทำงานมาก็อาบน้ำ ชวนลูกสวดมนต์กัน ก่อนนอนกอดรัดฟัดกับลูกสักเล็กน้อย แล้วก็นอน วัน ศ-อ. เค้าจะไม่อยู่บ้านมีเหตุให้ออกนอกบ้านเป็นประจำ เราไม่ถาม ไม่ตาม ไม่โทรหา รอให้เค้าพร้อม เค้าคงออกจากบ้านไปเอง คิดว่าไม่น่าเกินสิ้นปี เพราะเค้าเองก็ถูกทางฝั่งนู้นเร่งรัดมา ใกล้สบายแล้วเรา อิอิ
ส่วนมือที่สาม หลังๆนี่เริ่มเยอะ เข้ามาส่อง เฟส อินสตราแกรมของเราบ้าง มากดไลค์รูปคู่เรากับสามีบ้าง เราก็ขำๆนะ คงร้อนรน เป็นเอามาก ก็เลยตัดปัญหาบล๊อคการติดต่อที่เป็นรูปธรรมทั้งหมด ทั้งเฟส อินสตราแกรม ไลน์ เบอร์โทร. ช่วงหลังๆนี้สามีบอกจะไปหา แต่ไม่ได้ไปหาตามที่นัดไว้ (ยังอุตสาห์เกรงใจเรา กลัวเราไม่พอใจ) เธอถึงกับดั้นด้นลงมาเองที่กรุงเทพ เรารู้ก็นึกสงสาร เธอคงรักมากจริงๆ อาจจะเป็นเนื้อคู่กันตามมาหากันก็ได้ เรานึกแผ่เมตตาให้ เราถอยให้แล้ว ยกสามีให้เป็นทานแก่เค้าแล้ว กรวดน้ำแผ่บุญกุศลให้แล้ว หวังว่าสักวันเค้าทั้งคู่คงถึงซึ่งความสุขที่แท้จริงซะที
ส่วนเราตอนนี้สบายกายและใจ หันมาดูแลตัวเอง ขัดเนื้อขัดตัว ออกกำลังกาย กินอาหารคลีน กระชับรูปร่าง ภูมิใจอ่ะ ลดไป 4 กิโลแล้ว
ขอเป็นกำลังใจให้คนที่มีปัญหาทุกคน อย่าท้อนะคะ มีสติ คิดถึงลูก คิดถึงคนที่เรารักและต้องการเราให้มากๆ คุณจะสามารถค้นพบทางออกในแบบของคุณได้อย่างมีความสุขค่ะ